ข่าวในประเทศ - กลุ่ม"เอ็มจีซี-เอเชีย" เผยรายได้ปีที่แล้วใน 8 ธุรกิจโตกระฉูด 30% เผยปีนี้เดินทางลัดไล่ซื้อกิจการดีลเลอร์รถยนต์ รองรับการขยายตัวธุรกิจอย่างรวดเร็ว ตั้งเป้ารายได้รวม 2.5 หมื่นล้านบาท
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เปิดเผยว่า หลังจากปีที่แล้ว บริษัทเข้าซื้อกิจการ (Takeover) ดีลเลอร์รถยนต์ ของ ซัมมิท ฮอนด้า ในกลุ่มซูมิโตโม เทรดดิ้ง ทำให้ตอนนี้บริษัทมีโชว์รูม ศูนย์บริการฮอนด้า4 แห่ง (พัฒนาการ,หัวหมาก,อุดมสุข,บางนา) และเตรียมเปิดเพิ่มอีกหนึ่งแห่งที่จังหวัดสงขลาในช่วงไตรมาส3 ซึ่งแผนการดังกล่าวมีส่วนช่วยดันรายได้รวมของบริษัทในปีที่แล้วให้เติบโตถึง 30% หรือรายได้ 21,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในระดับ 20%
“ปีที่แล้วเราขายรถยนต์ฮอนด้าได้ 4,735 คัน ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายต้องเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 คัน จากโชว์รูมทั้ง 5 แห่ง”
ส่วนแผนงานในปีนี้ บริษัทยังเน้นการเข้าซื้อกิจการของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับดีลเลอร์นิสสัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
นอกจากการสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในกลุ่มต่างๆ แล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการสานต่อแผนงานตามวิชั่นปี 2020 นั่นคือการรุกขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างจริงจัง เพื่อรองรับการเปิดการค้าเสรีเต็มรูปแบบภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยการศึกษาแผนการขยายไลน์สินค้าและบริการของธุรกิจในเครือเอ็มจีซี-เอเชียที่จะทำการขยายไปยังภูมิภาคพื้นนี้ในอนาคตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
จากการเปิดการค้าเสรีฯ ในอาเซียนเมื่อต้นปี 2016 ที่ผ่านมา ทำให้มีกลุ่มทุนธุรกิจยานยนต์ต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจที่มีศักยภาพของบริษัทฯ ไปยังภูมิภาคอาเซียนได้เช่นกัน อาทิ กลุ่มธุรกิจรถเช่าภายใต้แบรนด์ ”ซิกท์” ที่นอกจากการที่บริษัทประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวภายใต้แบรนด์ ”ซิกท์ ลาว” แล้วนั้น บริษัทฯยังได้ขยายการลงทุนของธุรกิจ ”ซิกท์” สู่ประเทศมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อย นอกจาก นั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุนสู่ประเทศเวียดนาม เดินหน้าสู่การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่มอาเซียน และกำลังเตรียมขยายธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ตเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนต่อไป เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา เอ็มจีซี-เอเชียได้ปรับองค์กรในทุกมิติให้สอดคล้องกับการเติบโตในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพและพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร การเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถแต่ละธุรกิจ รวมถึงการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกมิติ
สำหรับการลงทุนในประเทศ ในปีนี้ เอ็มจีซี-เอเชีย มีนโยบายลงทุนเพิ่มประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อทำการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเมกกะโปรเจ็คในนาม "เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์ @ ภูเก็ต" ที่ประกอบด้วย โชว์รูม โรลส์-รอยซ์, แอสตัน มาร์ติน, เรือยอร์ชอาซิมุท , บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ, รถยนต์มือสอง, ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังครบวงจร รวมถึงการขยายธุรกิจทั้งในส่วนฟลีทรถเช่าและสาขาของ MMS ซึ่งพร้อมที่จะเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ นอกจากนั้นบริษัทกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์ บริการหลังการขายแห่งใหม่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายใต้ "เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์ @ หาดใหญ่" ซึ่งจะเป็นโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการของ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และฮอนด้า รวมถึงรถยนต์มือสอง, ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังครบวงจรอีกด้วย ทางบริษัทคาดว่าก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 นี้ โดยที่ทั้ง 2 โครงการนี้ ถือเป็นคอมเพล็กซ์ออโต้ซิตี้แห่งแรกในประเทศไทย
สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ภายใต้การดำเนินงาน บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัดได้เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการให้บริการควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการหลังการขายเพื่อให้ตอบสนองและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับกลุ่มลูกค้าทุกราย จึงส่งผลให้มียอดจำหน่ายเติบโตกว่า 4,500 คัน ในส่วนมินิซึ่งเป็นปีที่ 3 ที่มีการเปิดตัวรถรุ่นประกอบในประเทศ (ซีเคดี) ยังคงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยในปีนี้ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มีนโยบายลงทุนเพิ่มประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อทำการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเพิ่มที่หัวเมืองใหญ่ของประเทศไทย โดยอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขายแห่งใหม่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างเสร็จภายในไตรมาส 3 นี้
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรถเช่าภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิ่ล รวมถึง ซิกท์ ประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยฟลีทรถกว่า 6,000 คัน ทั้งในส่วนรถเช่าระยะยาว (ฟลีท)โดยมีรายได้เติบโตขึ้น 10% โดยมีหน่ายงานภาครัฐและบริษัทเอกชนให้การยอมรับในมาตรฐานการให้บริการ ในส่วนรถเช่าระสั้น ภายใต้ซิกท์ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตกว่า 30 % ซึ่งเป็นผลมาจากการยอมรับของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ให้การยอมรับในการให้บริการมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีสาขาให้บริการครอบคลุมในทุกสนามบินและหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศจำนวน 21 สาขาอีกทั้งอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเพิ่มสาขาในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ
กลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ตศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรสำหรับรถที่หมดระยะรับประกัน เอ็มเอ็มเอส-บ๊อช คาร์ เซอร์วิส ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส ( ประเทศไทย ) จำกัด ทำรายได้กว่า 400 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าให้ความมั่นใจในศักยภาพและมาตรฐานการบริการที่ครบวงจรได้มากกว่าควิกเซอร์วิสทั่วไป ซึ่งเห็นได้จากจำนวนรถลูกค้าและบริษัทรถเช่าชั้นนำที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการกว่า 30,000 คัน ในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีฐานลูกค้ากว่า 60,000 คนจากการดำเนินธุรกิจมาครบ 6 ปี โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2016 นี้ จะสามารถเปิดสาขาได้ทั้งสิ้น ครบ 15 แห่ง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดโดยตั้งเป้าผลประกอบการปีนี้ไว้ที่ระดับ 500 ล้านบาท พร้อมศึกษาลู่ทางการขยายตลาดสู่ประเทศต่างๆในอาเซียน
กลุ่ม บริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (เอ็มจีซี-เอเชีย)แบ่งเป็น 8 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย
1.กลุ่มรถยนต์ใหม่ ได้แก่ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก, แอสตัน มาร์ติน แบงคอก, มิลเลนเนียม ออโต้ (บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ) และพัฒนาการฮอนด้า
2.กลุ่มรถยนต์มือสอง ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู (BMW Premium Selection), มินิ (MINI Next), ฮอนด้าเซอร์ทิฟายยูสคาร์, มาสเตอร์เซอร์ทิฟายยูสคาร์ส(มัลติแบรนด์)และ ซุปเปอร์คาร์ส
3.กลุ่มธุรกิจรถเช่า ได้แก่ มาสเตอร์คาร์เรนเทิ้ล (รถเช่าระยะยาว) และ ซิกท์ (Sixt)เรนท์อะ คาร์(รถเช่าระยะสั้น)
4.กลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ตได้แก่ มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส(MMS)
5.ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ในนามบริษัทแมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด
6.ธุรกิจให้บริการศูนย์สาระสนเทศ ในนามบริษัท ไอทเวนตี้โฟร์(i24) จำกัด
7.ธุรกิจศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร ภายใต้ มาสเตอร์ ออโตโมทีฟเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ (MAT)
8.ธุรกิจเรือสำราญ อะซิมุท ไทยแลนด์ ภายใต้ เอ็มจีซี-มารีน
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เปิดเผยว่า หลังจากปีที่แล้ว บริษัทเข้าซื้อกิจการ (Takeover) ดีลเลอร์รถยนต์ ของ ซัมมิท ฮอนด้า ในกลุ่มซูมิโตโม เทรดดิ้ง ทำให้ตอนนี้บริษัทมีโชว์รูม ศูนย์บริการฮอนด้า4 แห่ง (พัฒนาการ,หัวหมาก,อุดมสุข,บางนา) และเตรียมเปิดเพิ่มอีกหนึ่งแห่งที่จังหวัดสงขลาในช่วงไตรมาส3 ซึ่งแผนการดังกล่าวมีส่วนช่วยดันรายได้รวมของบริษัทในปีที่แล้วให้เติบโตถึง 30% หรือรายได้ 21,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในระดับ 20%
“ปีที่แล้วเราขายรถยนต์ฮอนด้าได้ 4,735 คัน ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายต้องเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 คัน จากโชว์รูมทั้ง 5 แห่ง”
ส่วนแผนงานในปีนี้ บริษัทยังเน้นการเข้าซื้อกิจการของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับดีลเลอร์นิสสัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
นอกจากการสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในกลุ่มต่างๆ แล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการสานต่อแผนงานตามวิชั่นปี 2020 นั่นคือการรุกขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างจริงจัง เพื่อรองรับการเปิดการค้าเสรีเต็มรูปแบบภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยการศึกษาแผนการขยายไลน์สินค้าและบริการของธุรกิจในเครือเอ็มจีซี-เอเชียที่จะทำการขยายไปยังภูมิภาคพื้นนี้ในอนาคตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
จากการเปิดการค้าเสรีฯ ในอาเซียนเมื่อต้นปี 2016 ที่ผ่านมา ทำให้มีกลุ่มทุนธุรกิจยานยนต์ต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจที่มีศักยภาพของบริษัทฯ ไปยังภูมิภาคอาเซียนได้เช่นกัน อาทิ กลุ่มธุรกิจรถเช่าภายใต้แบรนด์ ”ซิกท์” ที่นอกจากการที่บริษัทประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวภายใต้แบรนด์ ”ซิกท์ ลาว” แล้วนั้น บริษัทฯยังได้ขยายการลงทุนของธุรกิจ ”ซิกท์” สู่ประเทศมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อย นอกจาก นั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุนสู่ประเทศเวียดนาม เดินหน้าสู่การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่มอาเซียน และกำลังเตรียมขยายธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ตเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนต่อไป เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา เอ็มจีซี-เอเชียได้ปรับองค์กรในทุกมิติให้สอดคล้องกับการเติบโตในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพและพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร การเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถแต่ละธุรกิจ รวมถึงการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกมิติ
สำหรับการลงทุนในประเทศ ในปีนี้ เอ็มจีซี-เอเชีย มีนโยบายลงทุนเพิ่มประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อทำการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเมกกะโปรเจ็คในนาม "เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์ @ ภูเก็ต" ที่ประกอบด้วย โชว์รูม โรลส์-รอยซ์, แอสตัน มาร์ติน, เรือยอร์ชอาซิมุท , บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ, รถยนต์มือสอง, ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังครบวงจร รวมถึงการขยายธุรกิจทั้งในส่วนฟลีทรถเช่าและสาขาของ MMS ซึ่งพร้อมที่จะเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ นอกจากนั้นบริษัทกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์ บริการหลังการขายแห่งใหม่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภายใต้ "เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์ @ หาดใหญ่" ซึ่งจะเป็นโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการของ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และฮอนด้า รวมถึงรถยนต์มือสอง, ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังครบวงจรอีกด้วย ทางบริษัทคาดว่าก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 นี้ โดยที่ทั้ง 2 โครงการนี้ ถือเป็นคอมเพล็กซ์ออโต้ซิตี้แห่งแรกในประเทศไทย
สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ภายใต้การดำเนินงาน บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัดได้เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการให้บริการควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการหลังการขายเพื่อให้ตอบสนองและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับกลุ่มลูกค้าทุกราย จึงส่งผลให้มียอดจำหน่ายเติบโตกว่า 4,500 คัน ในส่วนมินิซึ่งเป็นปีที่ 3 ที่มีการเปิดตัวรถรุ่นประกอบในประเทศ (ซีเคดี) ยังคงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยในปีนี้ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มีนโยบายลงทุนเพิ่มประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อทำการเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเพิ่มที่หัวเมืองใหญ่ของประเทศไทย โดยอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขายแห่งใหม่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างเสร็จภายในไตรมาส 3 นี้
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรถเช่าภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิ่ล รวมถึง ซิกท์ ประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยฟลีทรถกว่า 6,000 คัน ทั้งในส่วนรถเช่าระยะยาว (ฟลีท)โดยมีรายได้เติบโตขึ้น 10% โดยมีหน่ายงานภาครัฐและบริษัทเอกชนให้การยอมรับในมาตรฐานการให้บริการ ในส่วนรถเช่าระสั้น ภายใต้ซิกท์ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตกว่า 30 % ซึ่งเป็นผลมาจากการยอมรับของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ให้การยอมรับในการให้บริการมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีสาขาให้บริการครอบคลุมในทุกสนามบินและหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศจำนวน 21 สาขาอีกทั้งอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเพิ่มสาขาในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ
กลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ตศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรสำหรับรถที่หมดระยะรับประกัน เอ็มเอ็มเอส-บ๊อช คาร์ เซอร์วิส ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส ( ประเทศไทย ) จำกัด ทำรายได้กว่า 400 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าให้ความมั่นใจในศักยภาพและมาตรฐานการบริการที่ครบวงจรได้มากกว่าควิกเซอร์วิสทั่วไป ซึ่งเห็นได้จากจำนวนรถลูกค้าและบริษัทรถเช่าชั้นนำที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการกว่า 30,000 คัน ในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีฐานลูกค้ากว่า 60,000 คนจากการดำเนินธุรกิจมาครบ 6 ปี โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2016 นี้ จะสามารถเปิดสาขาได้ทั้งสิ้น ครบ 15 แห่ง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดโดยตั้งเป้าผลประกอบการปีนี้ไว้ที่ระดับ 500 ล้านบาท พร้อมศึกษาลู่ทางการขยายตลาดสู่ประเทศต่างๆในอาเซียน
กลุ่ม บริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (เอ็มจีซี-เอเชีย)แบ่งเป็น 8 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย
1.กลุ่มรถยนต์ใหม่ ได้แก่ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก, แอสตัน มาร์ติน แบงคอก, มิลเลนเนียม ออโต้ (บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ) และพัฒนาการฮอนด้า
2.กลุ่มรถยนต์มือสอง ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู (BMW Premium Selection), มินิ (MINI Next), ฮอนด้าเซอร์ทิฟายยูสคาร์, มาสเตอร์เซอร์ทิฟายยูสคาร์ส(มัลติแบรนด์)และ ซุปเปอร์คาร์ส
3.กลุ่มธุรกิจรถเช่า ได้แก่ มาสเตอร์คาร์เรนเทิ้ล (รถเช่าระยะยาว) และ ซิกท์ (Sixt)เรนท์อะ คาร์(รถเช่าระยะสั้น)
4.กลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ตได้แก่ มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส(MMS)
5.ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ในนามบริษัทแมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด
6.ธุรกิจให้บริการศูนย์สาระสนเทศ ในนามบริษัท ไอทเวนตี้โฟร์(i24) จำกัด
7.ธุรกิจศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร ภายใต้ มาสเตอร์ ออโตโมทีฟเทรนนิ่งเซ็นเตอร์ (MAT)
8.ธุรกิจเรือสำราญ อะซิมุท ไทยแลนด์ ภายใต้ เอ็มจีซี-มารีน