6 สุดยอดเกมเมอร์ ตัวแทนประเทศไทย ผู้ชนะโครงการ นิสสัน จีที อคาเดมี ประเทศไทย ซีซั่น 2 ได้เดินทางถึงค่ายสุดยอดปั้นนักแข่งรถ นิสสัน จีที อคาเดมี กลุ่มเอเชีย ที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษแล้ว พร้อมร่วมชิงความเป็นหนึ่งกับเหล่าเซียนเกม นิสสัน Gran Turismo กับอีก 4 ประเทศ รวมทั้งสิ้น 30 ชีวิต เพื่อสานฝันสู่การเป็นนักแข่งรถมืออาชีพระดับโลกของทีมนิสโม
ประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการนิสสัน จีที อคาเดมี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างส่งผู้เข้าแข่งขันทั้ง 6 คน ไปเข้าสุดยอดค่ายปั้นนักแข่งที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ ว่าทีมไทยแลนด์ซึ่งเตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่ สามารถฝ่าด่านการทดสอบที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นไปได้อย่างดี โดยทุกคนต่างแสดงให้เห็นถึงความกระฉับกระเฉง ใส่ใจต่อการเรียนรู้ ประพฤติตามกฎ กติกา มารยาท ในการเริ่มต้นเป็นนักแข่งได้อย่างน่าชื่นชม
ทั้งนี้การทดสอบที่มีทั้งความพร้อมของร่างกายที่ผู้เข้าแข่งขันทุกชาติจะต้องเข้าทดสอบ ก็คือการทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวของสายตา รวมถึงความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของร่างกายที่เรียกว่า BATAK Test ซึ่งทีมไทยแลนด์สามารถผ่านการทดสอบร่างกายได้ทุกคน และได้ไปต่อกับกิจกรรมที่ให้สุดยอดโอกาสและประสบการณ์ ซึ่งสำหรับทีมไทย ทางจีที อคาเดมี ได้จัดโค้ชที่เต็มไปด้วยพลังและความสามารถ มีประสบการณ์สูง มาให้คำแนะนำการปฏิบัติตนและเทคนิคการขับแข่งนั่นคือ แซนดี้ สตูวิค ยอดนักแข่งรถลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์ เจ้าของแชมป์ยูโรเปี้ยน ฟอร์มูล่า 3 โอเพ่น 2014
ตลอดช่วง 3 วันแรก ของการเข้าค่ายสุดยอดปั้นนักแข่ง สิ่งที่ทำให้ผู้เข้าแข่งทุกคนปลื้มสุดๆ จนหลายคนถึงกับบอกว่าฝันที่เป็นจริง ซึ่งแม้ว่าจะมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่จะได้ไปต่อ แต่การได้ใช้ชีวิตอยู่บนสนามแข่ง และได้ลงขับรถแข่งหลากรูปแบบทั้งรถซิงเกิ้ลซีท (Single Seaters) หรือรถล้อเปิด รถเคเตอร์แฮม (Caterhams) และรถไฮดาวน์ฟอร์ซ (High-Downforce) หรือรถที่มีแรงกดกระทำบนตัวรถสูง อย่างรถรุ่น LM ของ John Palmer และนิสสัน จีที-อาร์ และทดสอบฝีมือการขับจริงด้วยรถยนต์นิสสัน 370Z บนสนามสโตว์ เซอร์กิต (Stowe Circuit) ที่ให้ประสบการณ์ที่สุดยอดและแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการขับแข่งบนจอคอมพิวเตอร์
ค่ายปั้นนักแข่งนิสสัน จีที อคาเดมี ได้รับการดีไซน์อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ละกิจกรรม มีความเข้มข้นและให้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่หาได้ยากยิ่ง อย่างเช่น “กิจกรรม จีที นินจา แอสซอล์ท” (GT Ninja Assault ) ที่มีทั้งการไต่เชือก ไต่ราว และข้ามกำแพงขนาดใหญ่ ท่ามกลางกองไฟอันร้อนระอุและหมอกควัน พิสูจน์ความทรหดอดทนของร่างกายและน้ำใจแห่งความสามัคคี เพื่อวัดความพร้อมทั้งใจ-กาย หรือ “กิจกรรมยิมคาน่า” (Gymkhana Knockout Competition) ที่ถือเป็นแบบทดสอบวัดทักษะการบังคับรถ การควบคุมพวงมาลัย เพราะต้องขับหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆ ภายใต้ความกดดันในเรื่องของเวลา เพราะผู้เข้าแข่งขันที่ทำเวลาได้ช้าที่สุดจะต้องถูกคัดออก ซึ่งในแบบทดสอบนี้ตลอดการแข่งขันที่ขับเคี่ยวและสูสีมาก ผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทยได้ฉายแววการเป็นนักขับมืออาชีพอย่างแท้จริง
หนึ่งในลักษณะเฉพาะของ จีที อคาเดมี เรซ แคมป์ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา คือ การตัดสินของกรรมการให้สมาชิกแต่ละทีมออกจากการแข่งขันวันละ 1-2 คน ซึ่งสำหรับสามวันของการแข่งขัน ทีมไทยแลนด์ ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 6 คน ปรากฏว่า คนที่ถูกคัดออกเป็นคนแรกคือ นายณัฐนันท์ คฤโฆษ จากบททดสอบขับจริงด้วยรถยนต์นิสสัน 370Z ตามด้วยนายภาณุวิทย์ ธำรงโชติ ในวันที่สองจากกิจกรรมจีที นินจา แอสซอล์ท ซึ่งถึงแม้ว่าในกิจกรรมนี้ นายธนินท์รัฐ อิธิรัฐภูวภัทร์ จะได้รับบาดเจ็บข้อเท้าพลิกจากอุบัติเหตุมือหลุดจากราวขณะฝึกซ้อมจนทำให้ไม่สามารถแข่งได้จนจบ แต่เนื่องจากทำผลงานการขับแข่งไว้ได้ดีในวันแรก จึงทำให้กรรมการให้อยู่ต่อในการแข่งขันถัดไป และจากกิจกรรมขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวางสไตล์ยิมคาน่า ทำให้นายเพียรพัฒน์ รณเรืองฤทธิ์ ที่ทำเวลาได้ช้าที่สุด ต้องออกจากการแข่งขัน ปิดฉากการตามล่าความฝันในวันที่สามของการแข่งขัน เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียง 3 คนสุดท้ายจากทีมไทยแลนด์ ใครจะเป็นคนต่อไปที่ถูกคัดออกและใครจะได้เป็นแชมป์ประเทศไทย ได้ลงแข่งขันกับอีก 4 ประเทศ อันได้แก่ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินเดีย และอินโดนีเซีย เพื่อลุ้นคะแนนรวมเป็นแชมป์ จีที อคาเดมี เอเชีย ต้องมาลุ้นกัน
ประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการนิสสัน จีที อคาเดมี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างส่งผู้เข้าแข่งขันทั้ง 6 คน ไปเข้าสุดยอดค่ายปั้นนักแข่งที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ ว่าทีมไทยแลนด์ซึ่งเตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่ สามารถฝ่าด่านการทดสอบที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นไปได้อย่างดี โดยทุกคนต่างแสดงให้เห็นถึงความกระฉับกระเฉง ใส่ใจต่อการเรียนรู้ ประพฤติตามกฎ กติกา มารยาท ในการเริ่มต้นเป็นนักแข่งได้อย่างน่าชื่นชม
ทั้งนี้การทดสอบที่มีทั้งความพร้อมของร่างกายที่ผู้เข้าแข่งขันทุกชาติจะต้องเข้าทดสอบ ก็คือการทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวของสายตา รวมถึงความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของร่างกายที่เรียกว่า BATAK Test ซึ่งทีมไทยแลนด์สามารถผ่านการทดสอบร่างกายได้ทุกคน และได้ไปต่อกับกิจกรรมที่ให้สุดยอดโอกาสและประสบการณ์ ซึ่งสำหรับทีมไทย ทางจีที อคาเดมี ได้จัดโค้ชที่เต็มไปด้วยพลังและความสามารถ มีประสบการณ์สูง มาให้คำแนะนำการปฏิบัติตนและเทคนิคการขับแข่งนั่นคือ แซนดี้ สตูวิค ยอดนักแข่งรถลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์ เจ้าของแชมป์ยูโรเปี้ยน ฟอร์มูล่า 3 โอเพ่น 2014
ตลอดช่วง 3 วันแรก ของการเข้าค่ายสุดยอดปั้นนักแข่ง สิ่งที่ทำให้ผู้เข้าแข่งทุกคนปลื้มสุดๆ จนหลายคนถึงกับบอกว่าฝันที่เป็นจริง ซึ่งแม้ว่าจะมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่จะได้ไปต่อ แต่การได้ใช้ชีวิตอยู่บนสนามแข่ง และได้ลงขับรถแข่งหลากรูปแบบทั้งรถซิงเกิ้ลซีท (Single Seaters) หรือรถล้อเปิด รถเคเตอร์แฮม (Caterhams) และรถไฮดาวน์ฟอร์ซ (High-Downforce) หรือรถที่มีแรงกดกระทำบนตัวรถสูง อย่างรถรุ่น LM ของ John Palmer และนิสสัน จีที-อาร์ และทดสอบฝีมือการขับจริงด้วยรถยนต์นิสสัน 370Z บนสนามสโตว์ เซอร์กิต (Stowe Circuit) ที่ให้ประสบการณ์ที่สุดยอดและแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการขับแข่งบนจอคอมพิวเตอร์
ค่ายปั้นนักแข่งนิสสัน จีที อคาเดมี ได้รับการดีไซน์อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ละกิจกรรม มีความเข้มข้นและให้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่หาได้ยากยิ่ง อย่างเช่น “กิจกรรม จีที นินจา แอสซอล์ท” (GT Ninja Assault ) ที่มีทั้งการไต่เชือก ไต่ราว และข้ามกำแพงขนาดใหญ่ ท่ามกลางกองไฟอันร้อนระอุและหมอกควัน พิสูจน์ความทรหดอดทนของร่างกายและน้ำใจแห่งความสามัคคี เพื่อวัดความพร้อมทั้งใจ-กาย หรือ “กิจกรรมยิมคาน่า” (Gymkhana Knockout Competition) ที่ถือเป็นแบบทดสอบวัดทักษะการบังคับรถ การควบคุมพวงมาลัย เพราะต้องขับหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆ ภายใต้ความกดดันในเรื่องของเวลา เพราะผู้เข้าแข่งขันที่ทำเวลาได้ช้าที่สุดจะต้องถูกคัดออก ซึ่งในแบบทดสอบนี้ตลอดการแข่งขันที่ขับเคี่ยวและสูสีมาก ผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทยได้ฉายแววการเป็นนักขับมืออาชีพอย่างแท้จริง
หนึ่งในลักษณะเฉพาะของ จีที อคาเดมี เรซ แคมป์ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา คือ การตัดสินของกรรมการให้สมาชิกแต่ละทีมออกจากการแข่งขันวันละ 1-2 คน ซึ่งสำหรับสามวันของการแข่งขัน ทีมไทยแลนด์ ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 6 คน ปรากฏว่า คนที่ถูกคัดออกเป็นคนแรกคือ นายณัฐนันท์ คฤโฆษ จากบททดสอบขับจริงด้วยรถยนต์นิสสัน 370Z ตามด้วยนายภาณุวิทย์ ธำรงโชติ ในวันที่สองจากกิจกรรมจีที นินจา แอสซอล์ท ซึ่งถึงแม้ว่าในกิจกรรมนี้ นายธนินท์รัฐ อิธิรัฐภูวภัทร์ จะได้รับบาดเจ็บข้อเท้าพลิกจากอุบัติเหตุมือหลุดจากราวขณะฝึกซ้อมจนทำให้ไม่สามารถแข่งได้จนจบ แต่เนื่องจากทำผลงานการขับแข่งไว้ได้ดีในวันแรก จึงทำให้กรรมการให้อยู่ต่อในการแข่งขันถัดไป และจากกิจกรรมขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวางสไตล์ยิมคาน่า ทำให้นายเพียรพัฒน์ รณเรืองฤทธิ์ ที่ทำเวลาได้ช้าที่สุด ต้องออกจากการแข่งขัน ปิดฉากการตามล่าความฝันในวันที่สามของการแข่งขัน เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียง 3 คนสุดท้ายจากทีมไทยแลนด์ ใครจะเป็นคนต่อไปที่ถูกคัดออกและใครจะได้เป็นแชมป์ประเทศไทย ได้ลงแข่งขันกับอีก 4 ประเทศ อันได้แก่ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินเดีย และอินโดนีเซีย เพื่อลุ้นคะแนนรวมเป็นแชมป์ จีที อคาเดมี เอเชีย ต้องมาลุ้นกัน