คุยกับผลผลิตจากโครงการนิสสัน จีที อคาเดมี หรือโปรเจกต์ปั้นนักซิ่งในจอตู้สู่นักแข่งรถมืออาชีพ “เบ๊บ-ฐนโรจน์ ธนาสิทธิ์นิธิเกตุ” แชมป์ประเทศไทยปี 2014 ผู้ที่จะมาเล่าเรื่องราวการพลิกชีวิตจากเกมเมอร์สู่นักแข่งรถยนต์หนึ่งเดียวของไทยในแคนาดา โดยล่าสุดขึ้นแท่นผู้นำร่วมด้วยคะแนนสะสมอยู่ในอันดับที่หนึ่งในรายการ “นิสสัน ไมครา คัพ 2015” ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้มีความเป็นมาอย่างไร หนุ่มนักขับวัย 19 ปี พร้อมเปิดเผยคำตอบ...
“ชีวิตผมมาถึงจุดนี้ได้เพราะเกมจริงๆ ครับ แต่ที่มากกว่านั้นคือสิ่งที่พาผมมาถึงการเป็นนักแข่ง ต้องยกให้นิสสัน เพราะหากไม่มีโครงการดีๆ อย่างโปรเจกต์อคาเดมีที่ปั้นเกมเมอร์สู่นักแข่งรถมืออาชีพ ทุกอย่างคงไม่มีความหมาย” เบ๊บ เริ่มต้นบอกถึงจุดเปลี่ยนการพลิกชีวิตพร้อมเล่าต่อว่า
“อย่างที่ทุกคนทราบ ผมเป็นผู้ชนะเลิศจากนิสสัน จีที อคาเดมี ปี 2014 และเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าสู่รอบสุดท้าย แต่เกิดความผิดพลาดที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ ทำให้พลาดตำแหน่งแชมป์ไป อย่างไรก็ตามด้วยผลงานที่ผมแสดงให้คณะกรรมการและผู้บริหารนิสสันได้เห็น(รอบตัดสินทำเวลาควอลิฟายได้อันดับที่หนึ่ง) จึงเป็นที่มาของการได้รับโอกาสในการพลิกชีวิตสู่เส้นทางนักแข่งอีกครั้งครับ”
สำหรับโอกาสแสดงความสามารถที่เจ้าของตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยปีที่แล้วพูดถึง คือ ศึกชิงเจ้าความเร็วรายการ “นิสสัน ไมครา คัพ 2015” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศแคนาดาในปีนี้ โดยใช้รถยนต์นิสสัน ไมครา หรือที่รู้จักกันในไทยชื่อ นิสสัน มาร์ช ผ่านการปรับแต่งด้วยสเปกเดียวกันทุกคัน ขุมพลัง 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ดำเนินการแข่งขันทั้งสิ้น 12 ครั้ง ใน 6 สนาม ล่าสุดทำการแข่งขันผ่านไปแล้ว 4 สนาม หรือนับเป็นเรซการแข่งขัน 8 ครั้ง ผลผลิตจากโครงการปั้นนักขับซีซั่นแรก สังกัดทีมแข่ง “นิสโม จีที อคาเดมี” (Nismo GT Academy) สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม รั้งจ่าฝูงร่วมอยู่ในอันดับที่หนึ่ง ด้วยคะแนนสะสมรวม 284 คะแนน และเหลือการแข่งขันอีกเพียง 2 สนาม หรือ 4 เรซการแข่งขันเท่านั้น (ติดตามข่าวการแข่งขันได้ที่ www.nissan.ca/micra-cup)
ขณะที่ผลงานดังกล่าวเป็นกระจกสะท้อนผลลัพธ์ให้ทุกคนได้ประจักษ์แล้วว่า จากอดีตนักซิ่งในจอตู้สามารถพลิกชีวิตสู่นักขับในสนามแข่งขันได้จริง แต่สิ่งที่ผลักดันเขาให้มาถึงจุดนี้ได้ มีแค่การเล่นเกมเท่านั้นหรือ ข้อสงสัยนี้หนุ่มนักขับวัย 19 ปี ให้คำตอบว่า
“ผมมีพื้นฐานด้านการขับรถในระดับหนึ่ง เพราะตอนเด็กๆ เล่นโกคาร์ทมาตั้งแต่ 9 ขวบ และพอเล่นไปได้ประมาณ 3 ปี เริ่มเข้าสู่การแข่งขันแบบจริงจัง ซึ่งจริงจังที่ว่าคือ ซื้อรถไปแข่งเลย โดยลงทุนครั้งแรกรุ่นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ราคาประมาณ 8 หมื่นบาท เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเพื่อนๆ เริ่มขยับไปรุ่น 2 จังหวะที่แรงกว่าเก่า ผมก็ตามไปด้วย คราวนี้ราคาทะลุหลักแสนแล้ว และสำหรับรายการใหญ่ที่เคยลงแข่งและประทับใจที่สุด คงเป็นรายการโรแท็กซ์ แม็กซ์ (ROTAX MAX) มีจัดแข่งทั่วโลก เก็บคะแนนประจำปี ใครอยู่สูงสุดได้ไปแข่งระดับนานาชาติในรอบสุดท้าย ส่วนผมได้แค่ที่สอง”
เบ๊บเล่าย้อนถึงช่วงชีวิตที่ยังใช้เด็กชายนำหน้าชื่อต่อว่า แม้ฐานะทางบ้านจะไม่ได้ร่ำรวยขนาดลงทุนซื้อของเล่นให้ลูกได้แพงขนาดนี้ แต่เขาโชคดีที่คุณพ่อมีความชอบด้านมอเตอร์สปอร์ตเหมือนกัน จึงกัดฟันสนับสนุนในช่วงแรก แต่ช่วงหลังเมื่อวงการโกคาร์ทเริ่มเงียบไป รวมถึงไม่อยากให้ที่บ้านต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายกับสิ่งฟุ่มเฟือยไปมากกว่านี้ เขาจึงหันความสนใจไปหางานอดิเรกชนิดอื่นบ้าง
“ช่วงหยุดเล่นโกคาร์ท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมคิดว่าหากเล่นต่อ ค่าใช้จ่ายมันก็จะขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ และที่บ้านเราเองก็ไม่ได้รวยขนาดนั้น ก็เลยพอดีกว่า และพอไปเล่นอย่างอื่น แต่ก็ยังเกี่ยวกับรถอยู่ดี เพราะของเล่นทุกอย่างเกี่ยวกับรถแทบทั้งนั้น อย่างรถบังคับ โมเดลรถรุ่นต่างๆ ส่วนเกมส์ก็เป็นเกมรถแข่ง ซึ่งจุดเริ่มมาจากคุณอาซื้อพวงมาลัยบังคับเกมแข่งรถ ผมก็ลองไปเล่นดู ทุกอย่างมันสมจริงมาก คราวนี้พอกลับมาบ้านก็บอกคุณพ่อว่าอยากได้ ท่านก็เลยซื้อมาให้” อดีตนักซิ่งจอตู้กล่าวและว่า
“เปลี่ยนมาเล่นเกมก็ไม่ถือว่าติดมากครับ ตอนหยุดเล่นโกคาร์ทก็มีเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของสโมสรที่เรียนอยู่ด้วย ส่วนเกมก็เล่นคนเดียวมาตลอด เพิ่งมารู้ว่ามันสามารถเล่นออนไลน์ได้ไม่นาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับนิสสัน จีที อคาเดมี เปิดรับสมัคร ผมก็ลองดูและได้รับโอกาสให้ไปแสดงความสามารถในซีซันแรก”
ทั้งนี้โปรเจกต์ปั้นนักซิ่งในจอตู้สู่นักแข่งรถมืออาชีพ ซีซั่น 2 เพิ่งปิดฉากรอบชิงชนะเลิศประเทศไทย และคัดเลือก 6 เซียนเกมที่จะได้ไปต่อสู่สนามซิลเวอร์สโตน อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอังกฤษ เพื่อเข้าค่ายปั้นนักแข่งหรือเรซแคมป์ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะลงทำการแข่งขันรอบสุดท้ายกับกลุ่มตัวแทนจากเอเชียอีก 4 ประเทศ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินเดีย และอินโดนีเซีย และจะมีหนึ่งเดียวที่จะคว้าโอกาสพลิกชีวิตสู่นักแข่งมืออาชีพสังกัดทีมนิสโม
อย่างไรก็ตามเมื่อฟังจากความเป็นมาอาจดูเหมือนเส้นทางที่ก้าวผ่าน แม้ไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่ยากลำบากจนเกินไป หากสิ่งที่เกมเมอร์ผู้พลิกชีวิตยกให้เป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ไขประตูไปสู่ความสำเร็จได้ เขาสรุปสั้นๆ ว่าต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น พร้อมกับการสนับสนุนและเข้าใจจากคนในครอบครัว ทั้งหมดเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว
“ช่วงได้ไปอคาเดมีปีแรกก็ประชุมกันเลยทั้งบ้าน 5 คน (พ่อ แม่ พี่สาว เบ๊บ และน้องสาว) ว่าจะเอายังไง เพราะช่วงนั้นผมเพิ่งเรียนจบมัธยมกำลังเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วย ทีนี้จึงปรึกษากันว่า เมื่อมีโอกาสได้ทำตามฝันแล้วก็ไม่อยากให้หลุดลอยออกไป คำตอบสุดท้ายจึงดร็อปเรียนไปก่อนหนึ่งปี” เบ๊บเล่าถึงทางเลือกที่ตัดสินใจและสิ่งที่เกิดขึ้น
“แต่พอผิดหวังกลับมาก็ไม่ได้เสียใจ เพราะประสบการณ์ที่ได้มามันหาซื้อไม่ได้ และผมคิดว่าเลือกไม่ผิด เมื่อมีโอกาสทำตามความฝันกับการได้ไปแข่งที่แคนาดาเข้ามาหา คราวนี้ผมไม่อยากพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งก่อนเดินทางไปแข่งผมมีการเตรียมตัวทั้งด้านร่างกาย เข้าฟิตเนส ว่ายน้ำ วิ่ง ส่วนด้านการสื่อสารผมมีครูสอนภาษาอังกฤษมาติวให้ถึงที่บ้าน เพราะรู้ว่าเมื่อไปถึงเราต้องแข่งขันกับระดับมืออาชีพ ทุกอย่างจึงต้องเต็มที่ครับ”
นักขับสังกัดทีมแข่ง “นิสโม จีที อคาเดมี” ทิ้งท้ายถึงเป้าหมายชีวิตไว้ว่า “ตอนนี้ก็ทำสิ่งตรงหน้าให้ดีที่สุด ขอใช้โอกาสที่ได้รับอย่างเต็มความสามารถ ชีวิตผมต้องมุ่งเป็นนักแข่งมืออาชีพอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนแผนสองหรือสามก็มีคิดไว้ แต่ยังไงก็ขอเป็นนักแข่งดีกว่าครับ”
***หมายเหตุ รายการแข่งขัน “นิสสัน ไมครา คัพ 2015” เหลือโปรแกรมแข่งอีก 2 สนาม (4 เรซ) ในวันที่ 15 สิงหาคม และ 25-27 กันยายนนี้ ตามลำดับ***
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
“ชีวิตผมมาถึงจุดนี้ได้เพราะเกมจริงๆ ครับ แต่ที่มากกว่านั้นคือสิ่งที่พาผมมาถึงการเป็นนักแข่ง ต้องยกให้นิสสัน เพราะหากไม่มีโครงการดีๆ อย่างโปรเจกต์อคาเดมีที่ปั้นเกมเมอร์สู่นักแข่งรถมืออาชีพ ทุกอย่างคงไม่มีความหมาย” เบ๊บ เริ่มต้นบอกถึงจุดเปลี่ยนการพลิกชีวิตพร้อมเล่าต่อว่า
“อย่างที่ทุกคนทราบ ผมเป็นผู้ชนะเลิศจากนิสสัน จีที อคาเดมี ปี 2014 และเป็นตัวแทนจากประเทศไทยเข้าสู่รอบสุดท้าย แต่เกิดความผิดพลาดที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ ทำให้พลาดตำแหน่งแชมป์ไป อย่างไรก็ตามด้วยผลงานที่ผมแสดงให้คณะกรรมการและผู้บริหารนิสสันได้เห็น(รอบตัดสินทำเวลาควอลิฟายได้อันดับที่หนึ่ง) จึงเป็นที่มาของการได้รับโอกาสในการพลิกชีวิตสู่เส้นทางนักแข่งอีกครั้งครับ”
สำหรับโอกาสแสดงความสามารถที่เจ้าของตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยปีที่แล้วพูดถึง คือ ศึกชิงเจ้าความเร็วรายการ “นิสสัน ไมครา คัพ 2015” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศแคนาดาในปีนี้ โดยใช้รถยนต์นิสสัน ไมครา หรือที่รู้จักกันในไทยชื่อ นิสสัน มาร์ช ผ่านการปรับแต่งด้วยสเปกเดียวกันทุกคัน ขุมพลัง 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ดำเนินการแข่งขันทั้งสิ้น 12 ครั้ง ใน 6 สนาม ล่าสุดทำการแข่งขันผ่านไปแล้ว 4 สนาม หรือนับเป็นเรซการแข่งขัน 8 ครั้ง ผลผลิตจากโครงการปั้นนักขับซีซั่นแรก สังกัดทีมแข่ง “นิสโม จีที อคาเดมี” (Nismo GT Academy) สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม รั้งจ่าฝูงร่วมอยู่ในอันดับที่หนึ่ง ด้วยคะแนนสะสมรวม 284 คะแนน และเหลือการแข่งขันอีกเพียง 2 สนาม หรือ 4 เรซการแข่งขันเท่านั้น (ติดตามข่าวการแข่งขันได้ที่ www.nissan.ca/micra-cup)
ขณะที่ผลงานดังกล่าวเป็นกระจกสะท้อนผลลัพธ์ให้ทุกคนได้ประจักษ์แล้วว่า จากอดีตนักซิ่งในจอตู้สามารถพลิกชีวิตสู่นักขับในสนามแข่งขันได้จริง แต่สิ่งที่ผลักดันเขาให้มาถึงจุดนี้ได้ มีแค่การเล่นเกมเท่านั้นหรือ ข้อสงสัยนี้หนุ่มนักขับวัย 19 ปี ให้คำตอบว่า
“ผมมีพื้นฐานด้านการขับรถในระดับหนึ่ง เพราะตอนเด็กๆ เล่นโกคาร์ทมาตั้งแต่ 9 ขวบ และพอเล่นไปได้ประมาณ 3 ปี เริ่มเข้าสู่การแข่งขันแบบจริงจัง ซึ่งจริงจังที่ว่าคือ ซื้อรถไปแข่งเลย โดยลงทุนครั้งแรกรุ่นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ราคาประมาณ 8 หมื่นบาท เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเพื่อนๆ เริ่มขยับไปรุ่น 2 จังหวะที่แรงกว่าเก่า ผมก็ตามไปด้วย คราวนี้ราคาทะลุหลักแสนแล้ว และสำหรับรายการใหญ่ที่เคยลงแข่งและประทับใจที่สุด คงเป็นรายการโรแท็กซ์ แม็กซ์ (ROTAX MAX) มีจัดแข่งทั่วโลก เก็บคะแนนประจำปี ใครอยู่สูงสุดได้ไปแข่งระดับนานาชาติในรอบสุดท้าย ส่วนผมได้แค่ที่สอง”
เบ๊บเล่าย้อนถึงช่วงชีวิตที่ยังใช้เด็กชายนำหน้าชื่อต่อว่า แม้ฐานะทางบ้านจะไม่ได้ร่ำรวยขนาดลงทุนซื้อของเล่นให้ลูกได้แพงขนาดนี้ แต่เขาโชคดีที่คุณพ่อมีความชอบด้านมอเตอร์สปอร์ตเหมือนกัน จึงกัดฟันสนับสนุนในช่วงแรก แต่ช่วงหลังเมื่อวงการโกคาร์ทเริ่มเงียบไป รวมถึงไม่อยากให้ที่บ้านต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายกับสิ่งฟุ่มเฟือยไปมากกว่านี้ เขาจึงหันความสนใจไปหางานอดิเรกชนิดอื่นบ้าง
“ช่วงหยุดเล่นโกคาร์ท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมคิดว่าหากเล่นต่อ ค่าใช้จ่ายมันก็จะขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ และที่บ้านเราเองก็ไม่ได้รวยขนาดนั้น ก็เลยพอดีกว่า และพอไปเล่นอย่างอื่น แต่ก็ยังเกี่ยวกับรถอยู่ดี เพราะของเล่นทุกอย่างเกี่ยวกับรถแทบทั้งนั้น อย่างรถบังคับ โมเดลรถรุ่นต่างๆ ส่วนเกมส์ก็เป็นเกมรถแข่ง ซึ่งจุดเริ่มมาจากคุณอาซื้อพวงมาลัยบังคับเกมแข่งรถ ผมก็ลองไปเล่นดู ทุกอย่างมันสมจริงมาก คราวนี้พอกลับมาบ้านก็บอกคุณพ่อว่าอยากได้ ท่านก็เลยซื้อมาให้” อดีตนักซิ่งจอตู้กล่าวและว่า
“เปลี่ยนมาเล่นเกมก็ไม่ถือว่าติดมากครับ ตอนหยุดเล่นโกคาร์ทก็มีเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของสโมสรที่เรียนอยู่ด้วย ส่วนเกมก็เล่นคนเดียวมาตลอด เพิ่งมารู้ว่ามันสามารถเล่นออนไลน์ได้ไม่นาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับนิสสัน จีที อคาเดมี เปิดรับสมัคร ผมก็ลองดูและได้รับโอกาสให้ไปแสดงความสามารถในซีซันแรก”
ทั้งนี้โปรเจกต์ปั้นนักซิ่งในจอตู้สู่นักแข่งรถมืออาชีพ ซีซั่น 2 เพิ่งปิดฉากรอบชิงชนะเลิศประเทศไทย และคัดเลือก 6 เซียนเกมที่จะได้ไปต่อสู่สนามซิลเวอร์สโตน อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอังกฤษ เพื่อเข้าค่ายปั้นนักแข่งหรือเรซแคมป์ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะลงทำการแข่งขันรอบสุดท้ายกับกลุ่มตัวแทนจากเอเชียอีก 4 ประเทศ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินเดีย และอินโดนีเซีย และจะมีหนึ่งเดียวที่จะคว้าโอกาสพลิกชีวิตสู่นักแข่งมืออาชีพสังกัดทีมนิสโม
อย่างไรก็ตามเมื่อฟังจากความเป็นมาอาจดูเหมือนเส้นทางที่ก้าวผ่าน แม้ไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่ยากลำบากจนเกินไป หากสิ่งที่เกมเมอร์ผู้พลิกชีวิตยกให้เป็นกุญแจสำคัญที่ใช้ไขประตูไปสู่ความสำเร็จได้ เขาสรุปสั้นๆ ว่าต้องมีการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น พร้อมกับการสนับสนุนและเข้าใจจากคนในครอบครัว ทั้งหมดเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว
“ช่วงได้ไปอคาเดมีปีแรกก็ประชุมกันเลยทั้งบ้าน 5 คน (พ่อ แม่ พี่สาว เบ๊บ และน้องสาว) ว่าจะเอายังไง เพราะช่วงนั้นผมเพิ่งเรียนจบมัธยมกำลังเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วย ทีนี้จึงปรึกษากันว่า เมื่อมีโอกาสได้ทำตามฝันแล้วก็ไม่อยากให้หลุดลอยออกไป คำตอบสุดท้ายจึงดร็อปเรียนไปก่อนหนึ่งปี” เบ๊บเล่าถึงทางเลือกที่ตัดสินใจและสิ่งที่เกิดขึ้น
“แต่พอผิดหวังกลับมาก็ไม่ได้เสียใจ เพราะประสบการณ์ที่ได้มามันหาซื้อไม่ได้ และผมคิดว่าเลือกไม่ผิด เมื่อมีโอกาสทำตามความฝันกับการได้ไปแข่งที่แคนาดาเข้ามาหา คราวนี้ผมไม่อยากพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งก่อนเดินทางไปแข่งผมมีการเตรียมตัวทั้งด้านร่างกาย เข้าฟิตเนส ว่ายน้ำ วิ่ง ส่วนด้านการสื่อสารผมมีครูสอนภาษาอังกฤษมาติวให้ถึงที่บ้าน เพราะรู้ว่าเมื่อไปถึงเราต้องแข่งขันกับระดับมืออาชีพ ทุกอย่างจึงต้องเต็มที่ครับ”
นักขับสังกัดทีมแข่ง “นิสโม จีที อคาเดมี” ทิ้งท้ายถึงเป้าหมายชีวิตไว้ว่า “ตอนนี้ก็ทำสิ่งตรงหน้าให้ดีที่สุด ขอใช้โอกาสที่ได้รับอย่างเต็มความสามารถ ชีวิตผมต้องมุ่งเป็นนักแข่งมืออาชีพอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนแผนสองหรือสามก็มีคิดไว้ แต่ยังไงก็ขอเป็นนักแข่งดีกว่าครับ”
***หมายเหตุ รายการแข่งขัน “นิสสัน ไมครา คัพ 2015” เหลือโปรแกรมแข่งอีก 2 สนาม (4 เรซ) ในวันที่ 15 สิงหาคม และ 25-27 กันยายนนี้ ตามลำดับ***
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring