xs
xsm
sm
md
lg

Test Drive : Toyota Alphard – Vellfire...หรูยิ่งกว่า-สบายได้อีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รวดเร็วเกินคาด เมื่อโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย (TMT) จัดการนำเข้า “อัลฟาร์ด” (Alphard) และ “เวลไฟร์” (Vellfire)โฉมใหม่มาขายในเมืองไทยทันที หลังเพิ่งเปิดตัวพร้อมทำตลาดในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

...บริษัทแม่นำเข้าเอง-ขายเองอย่างรวดเร็ว แถมเสริมทัพเวลไฟร์มาสนับสนุนอีกหนึ่งรุ่น เรียกว่าไม่ยอมปล่อยให้เกรย์มาร์เก็ต ปาดหน้าตีกินยอดขายได้สบายเหมือนเคย!
อัลฟาร์ด
เวลไฟร์
การโมเดลเชนจ์ของ“อัลฟาร์ด”และ “เวลไฟร์” ครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจกับการเดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่สาม ซึ่งทั้งสองรุ่นจริงๆก็เป็นรถคันเดียวกัน ต่างกันเพียงหน้าตา ออปชัน และแยกดีลเลอร์ขายในญี่ปุ่น โดย“อัลฟาร์ด” จะขายผ่านเครือข่าย Toyopet ส่วนเวลไฟร์จะขายผ่าน Netz

การทำตลาดในเมืองไทย อัลฟาร์ดมีสองทางเลือกเครื่องยนต์คือตัวท็อป เบนซิน วี6 ขนาด3.5 ลิตร ราคา 4.649 ล้านบาท และรุ่นไฮบริด มอตอร์ไฟฟ้าผสานกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ราคา 3.549 ล้านบาทซึ่งรุ่นนี้จะพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าช่วงไตรมาสสาม (และยังไม่มีรถทดสอบ) ขณะที่เวลไฟร์ มีทางเลือกเดียวคือเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ราคา3.399 ล้านบาท

รุ่นโฉมเก่าโฉมปัจจุบัน
อัลฟาร์ด3.5L3.5L
 2.4L Hybrid2.5L Hybrid
เวลไฟร์ไม่มีขาย2.5L


หน้าตาแตกต่างกันตามรูปครับ อัลฟาร์ดนั้นออกแนวหรูล้ำ ด้วยแผงกระจังหน้าเด่นชัด ประหลาดแท้ตามสไตล์รถ JDM (ขายในญี่ปุ่น) ส่วนเวลไฟร์ ออกแบบเรียบง่ายลงมานิด เน้นเส้นสายทรงพลัง ดูแข็งแกร่ง ทว่าออปชันในรุ่นแรกจะจัดเต็มกว่า โดยวัดจากเบาะนั่งแถวสองที่โตโยต้าเรียกว่า Excutive Lounge โอ่อ่าอลังการ บุนวมนุ่มหนังนิ่ม พร้อมปรับระดับได้ทุกส่วนการนั่ง ผ่านแผงควบคุมระบบไฟฟ้าที่ฝังตรงที่วางแขน เท่านั้นไม่พอยังมีโต๊ะเล็กๆแบบพับเก็บ-กางออกได้เหมือนบนเครื่องบินมาให้อีกด้วย

เมื่อไล่ดูออปชันเด่นๆของทั้งสองรุ่น โตโยต้าใส่มาไม่ยั้งทั้ง หลังคามูนรูฟคู่ (ทำแยกเป็นสองบานตอนหน้าคนขับและผู้โดยสารหลัง) เครื่องเล่น DVD CD และ MP3 พร้อมช่องต่อ USB iPod AUX รองรับการเชื่อมต่อบลูธูท หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วในด้านหน้า พร้อมลำโพงJBL 17 จุดรอบคัน และจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังขนาด 9 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น Blu-Ray (เฉพาะรุ่น 3.5)
ภายในอัลฟาร์ด
ภายในเวลไฟร์
(ซ้าย)อัลฟาร์ด- (ขวา)เวลไฟร์
ระบบฟอกอากาศแบบ nanoe ปรับแยกอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกอิสระ ซ้าย-ขวา สำหรับด้านหน้าและด้านหลัง ขณะที่ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเป็นแบบซ่อนฝ้าสามารถปรับความสว่างได้ 4 ระดับ เปลี่ยนสีได้ 16 เฉดสี พร้อมไฟอ่านหนังสือส่วนตัว (เฉพาะรุ่น 3.5)

ตลอดจนจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้วและระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control แผงควบคุมการโทร-รับโทรศัพท์ (เฉพาะรุ่น 3.5) และเปิด-ปิด เพลงที่พวงมาลัย ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ 2 ภาษาไทย/อังกฤษ และกล้องมองหลัง

...ของเล่นเยอะขนาดนี้ คงต้องลองขับสัมผัสนั่งจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ละครับถึงจะได้ใช้หมด?

ข้ามมาดูที่การเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง ซึ่งมีผลโดยตรงกับสมรรถนะของรถกันบ้างครับ อย่างอัลฟาร์ดความยาวตัวรถเพิ่ม 45 มม. (เมื่อเทียบกับโมเดลเดิม) ระยะฐานล้อเพิ่ม 50 มม. ความกว้างเพิ่มขึ้น 20 มม.แต่ความสูงลดลง 10 มม. ขณะที่ช่วงล่างด้านหลังใหม่เป็นแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น (Double Wishbone) ต่างจากเดิมที่เป็นทอร์ชันบีม

ประเด็นนี้รู้สึกถึงความต่างจากอัลฟาร์ดรุ่นเดิมชัดเจน การนั่งเป็นผู้โดยสารแถวสองให้การรองรับนุ่มและนิ่ง เบาะนั่งให้ความผ่อนคลายสบายตัวตลอดเส้นทาง

เรื่องของช่วงล่างนั้น การนั่งเป็นผู้โดยสารแถวสองถือว่าสบายที่สุดในรถ ด้วยโครงสร้างเบาะนั่ง และการออกแบบให้ลดแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับกันนะครับหากเราเป็นผู้ขับจะรู้สึกถึงอาการนุ่มโยน ของรถได้มากกว่า
เบาะ Excutive Lounge ของอัลฟาร์ด
ลูกเล่นน้อยกว่า แต่เวลไฟร์ก็นั่งสบายไม่แพ้กัน
ประตูเปิดสไลด์สองข้าง ขึ้นลงสะดวก พร้อมออปชันความหรูหราของอัลฟาร์ด
ขณะที่การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารเงียบมากๆ พวกเสียงการจราจรภายนอก เสียงจากพื้นถนน ลอดผ่านเข้ามาน้อยมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มวัสดุดูดซับเสียงในหลายๆจุด

การลองขับอัลฟาร์ดรุ่นเครื่องยนต์ วี6 3.5 ลิตร DOHC Dual VVT-iวาล์วไอดี-ไอเสียแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 271 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Super ECTโตโยต้าไม่ได้เซ็ทให้การตอบสนองของคันเร่งรวดเร็วเกินไป ดังนั้นบุคลิกของเรี่ยวแรงจึงมาแบบสุภาพ ไม่ดุดันอย่างที่คิด

...เหมือนแรงดี มีซ่อนอยู่ภายใน ถ้าอยากให้ทำงานคงต้องกดคันเร่งลงไปลึกหน่อย ก็ชัดเจนครับกับการเซ็ทบุคลิกของรถอเนกประสงค์แบบ MPV ถ้าออกแนวสปอร์ตมากไปคงนั่งหัวทิ่มหัวตำกันทั้งคัน

ส่วนเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรของเวลไฟร์ ก็เป็น Dual VVT-iให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที แต่หันมาใช้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด ซึ่งเอาเข้าจริงๆผู้เขียนชอบความสมดุลลงตัวของขุมพลังชุดนี้มากกว่าอัลฟาร์ด

อัตราเร่งแซง หรือจังหวะต้องการเพิ่มความเร็วกะทันหัน ทำงานแบบไม่อ้อยอิ่ง ขณะเดียวกันด้วยเครื่องยนต์และเกียร์ที่น้ำหนักเบากว่าอัลฟาร์ด 3.5 กับรถยนต์เครื่องวางหน้า-ขับเคลื่อนล้อหน้า อาจจะส่งผลให้เสถียรภาพควบคุมค่อนข้างนิ่ง หรือเครียดน้อยกว่าการขับอัลฟาร์ด3.5 ครับ



...สรุปคือ เวลไฟร์ 2.5 พละกำลังรวมๆไม่เท่าอัลฟาร์ด 3.5 แต่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แถมการควบคุมยังเนียนแน่น มั่นใจกว่า

ส่วนอัตราบริโภคน้ำมัน อัลฟาร์ด 3.5 ขับทางไกล บวกผู้ขับและผู้โดยสารรวมเป็น 4 ชีวิต ความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. ตัวเลขอยู่แถวๆ 8 กม./ลิตร เวลไฟร์ 2.5 เงื่อนไขเดียวกันทำได้ประมาณ 11-12 กม./ลิตร

ด้านระบบเบรกเป็นดิสก์ทั้งสี่ล้อ พร้อมปรับปรุงในเชิงกลไกลและพวกเซ็นเซอร์หม้อลมเบรกและเซ็นเซอร์แม่ปั๊มเบรก ส่งผลให้การชะลอหยุดสั้น แม่นยำและนุ่มนวล เสริมด้วยระบบป้องกันอย่างเบรก ABS (anti lock brake system) ระบบเสริมแรงเบรก BA (brake assist) ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (vehicle stability control) และระบบป้องกันล้อหมุมฟรี TRC (traction control system) ขณะที่ถุงลมนิรภัย SRS Airbag ยังจัดเต็มถึง 9 ตำแหน่ง (ด้านหน้า2,ด้านข้าง2,ม่าน 4 และเข่าคนขับอีก 1)

นั่นเป็นความรู้สึกคร่าวๆหลังการลองขับทั้ง อัลฟาร์ดและเวลไฟร์ เหนืออื่นใดโตโยต้าพยายามย้ำว่าการซื้อรถกับบริษัทแม่หรือดีลเลอร์โตโยต้าอย่างเป็นทางการจะดีกว่าซื้อจากเกรย์มาร์เก็ตแน่นอน เพราะสเปกต่างๆทำมาเพื่อเมืองไทยโดยเฉพาะ และผ่านการทดสอบ homologation เรียบร้อย รวมถึงออปชับการตกแต่งภายนอก-ภายใน เช่นเดียวกับความมั่นใจจากศูนย์บริการของโตโยต้ากว่า 400 แห่งทั่วประเทศ

รวบรัดตัดความ...เป็นอีกกการพัฒนาของฟูลไซส์ MPVโตโยต้า โดยเน้นความพอใจของผู้โดยสารมากกว่าคนขับ ยิ่งได้นั่งเบาะแถวสองจะเพลินเป็นคุณชาย สบายเป็นคุณหญิง ห้องโดยสารเงียบ และลดแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี ทว่าหากพิจารณาราคา สมรรถนะการขับ และอัตราบริโภคน้ำมันแล้ว เวลไฟร์ 2.5 ลิตร ดูจะลงตัวกว่า ส่วนอัลฟาร์ดคงต้องมองไปที่รุ่นไฮบริด

เวลไฟร์



กำลังโหลดความคิดเห็น