แม้แบรนด์รถน้องใหม่สัญชาติอังกฤษ “เอ็มจี” (MG) ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้อุ้งมือกลุ่มผู้ผลิตรถรายใหญ่ของจีน “เซียงไฮ้ ออโต้ฯ” หรือ SAIC จะยังไม่ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าชาวไทยมากนัก หลังจากส่งรถรุ่นแรก “เอ็มจี6” (MG6) สู่ตลาด แต่ดูจะไม่ทำให้ SAIC-CP ผู้ร่วมทุนในไทยย่อท้อชะลอการรุกตลาด ขยายเครือข่าย หรือประกาศลงทุนใหม่ๆ แต่อย่างใด โดยเฉพาะการเปิดตัวรถใหม่มีรอจ่อคิวบุกตลาดทันที ไม่ต้องรอให้ห่างเนิ่นนานเป็นปี และยังจะมีทยอยตามออกมาอีกต่อเนื่อง
ทั้งนี้ไม่ว่าตัวเลขยอดขายเอ็มจี6 เก๋งคอมแพ็กต์โมเดลแรกที่ถูกส่งลงบุกตลาดไทยจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ชัดเจนคือการประกาศเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้แต่ต้น ว่าจะมีการเปิดตัวรถใหม่ 7 รุ่น ภายใน 5 ปี อย่างที่ “ธนากร เสรีบุรี” ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรมเครือซีพี และประธานกรรมการบริหารของเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี บริษัทร่วมทุนผลิตและจำหน่ายรถยนต์ “เอ็มจี” ในไทย ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในการเปิดไลน์ผลิตรถรุ่นเอ็มจี6 จากโรงงานในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา
ยิ่งมาเป็นการตอกย้ำมากขึ้นในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 ก่อนสิ้นปีที่แล้วมา เมื่อได้มีการเผยโฉมเก๋งซับคอมแพ็กต์ “เอ็มจี3” (MG3) เพื่อเตรียมมาทำตลาดในไทยปี 2558 นี้ พร้อมกับประกาศชัดเจนลงไปอีกว่า จะมีการแนะนำรถรุ่นใหม่สู่ตลาดไทยในทุกๆ 6-8 เดือน หรือภายใน 3 ปี จะมีรถใหม่เปิดตัวประมาณ 5 รุ่น และทั้งหมดจะเป็นรถที่ขึ้นไลน์ผลิตจากโรงงานในประเทศไทย
นั่นหมายความว่ารถโมเดลที่สองจากค่ายเอ็มจี หรือรุ่นเอ็มจี3 จะถูกส่งลงทำตลาดในไทยในเร็วๆ นี้ และกำหนดตารางการเปิดตัวถูกวางไว้แล้ว ว่าจะเป็นในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2015 หรือปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยจะมีให้เลือกทั้งรุ่นปกติแบบแฮทช์แบ็ก และรุ่นยกสูง MG3 Xross โดยในไทยวางขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ ที่ทางเอ็มจีเรียกว่า Celematic ซึ่งจะว่าไปเป็นระบบเกียร์ AMT นั่นเอง
ส่วนสนนราคากำลังหาข้อสรุป แต่แนวโน้มน่าจะเปลี่ยนการวางราคาไม่ใช่แบบรุ่นเอ็มจี6 ที่เคาะราคาออกมาค่อนข้างสูงชนกับค่ายญี่ปุ่นระดับท็อปของตลาดคอมแพ็กต์คาร์ เหตุนี้ราคาของเอ็มจี3 จึงไม่น่าจะปะทะกับเก๋งซับคอมแพ็กต์ค่ายรถญี่ปุ่นโดยตรง แต่จะไม่ต่ำจนทำให้เสียภาพกลายเป็นแบรนด์รถราคาถูกไป
สิ่งที่ต้องจับตาดูคือเอสยูวีโมเดลใหม่ ที่มีการเปิดภาพออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว นั่นคือ “เอ็มจี จีเอส” (MG GS) ซึ่งกำหนดเปิดตัวในประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ที่งานเซียงไฮ้ ออโต้ โชว์ 2015 ในเดือนเมษายนนี้ เพราะนี่คือรถเอสยูวีที่จะเป็นโมเดลถัดไปในการนำเข้ามาทำตลาดในไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเผยโฉมได้ช่วงปลายปีนี้ แต่จะขึ้นไลน์ผลิตและจำหน่ายทันที หรือเป็นต้นปีหน้าต้องมาลุ้นกันอีกที
เอ็มจี จีเอส เป็นคอมแพ็กต์เอสยูวีที่พัฒนามาจากรถต้นแบบ “เอ็มจี ซีเอส” (MG CS Concept) ที่เผยโฉมออกมาในปี 2013 นับเป็นรุ่นไฮไลต์สำคัญในปีนี้ และเป็นโกลบอลโมเดลของ SAIC ซึ่งตามรายงานข่าวจะมีขุมกำลังให้เลือก เป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร 167 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 220 แรงม้า ทั้งสองเครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ DCT หรือแบบคลัตช์คู่
นี่เป็น 2 โมเดลใหม่ที่มีความชัดเจนจะถูกส่งบุกตลาดไทยในปีนี้ และยังมีเก๋งแฮตช์แบ็กรุ่น “เอ็มจี5” (MG5) ตามออกมาในลำดับถัดไป แต่ที่เป็นโครงการใหญ่ของแบรนด์เอ็มจีในไทย เห็นจะเป็นรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์ ระยะที่ 2 (Eco Car Phase2) ซึ่งเอ็มจีเพิ่งได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอเมื่อไม่นานมานี้ นี่นับเป็นโครงการใหม่ที่จะพัฒนารถรุ่นใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ ไม่ใช่รถที่มีอยู่ในไลน์ปัจจุบันของเอ็มจีแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีลุ้นอีกคงเป็นแนวคิดในการผลิตปิกอัพ แม้เอ็มจีจะไม่เคยทำปิกอัพมาก่อน แต่ในฐานะไทยเป็นศูนย์กลางผลิตและตลาดปิกอัพ 1 ตัน จึงเป็นรถอีกโมเดลที่เอ็มจีให้ความสนใจและศึกษาถึงความเป็นไปได้ ที่จะพัฒนาและผลิตมาทำตลาดในไทย ตามที่ผู้บริหารของ SAIC-CP ระบุไว้ก่อนหน้านี้
จากการวางแผนแนะนำรถใหม่สู่ตลาด ครอบคลุมในเกือบทุกเซกเม้นท์หลัก ทำให้ SAIC-CP เริ่มเดินหน้าลงทุนระยะที่ 2 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเพื่อรองรับโครงการอีโคคาร์ 2 ดังนั้นจึงมีรายงานข่าว SAIC-CP เตรียมลงทุนซื้อที่ดิน เพื่อตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมหลายหมื่นล้านบาท จากปัจจุบันโรงงานแห่งแรกจะเป็นสัญญาเช่าที่ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อิสเทิร์น ซีบอร์ด ชลบุรี
อย่างไรก็ตาม นอกจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เอ็มจียังมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และเข้าใจถึงมาตรฐานของเอ็มจีรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 90 ปี โดยปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการตลาด และกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์
ส่วนเรื่องการอำนวยความสะดวกและให้ผู้บริโภคเข้าถึงรถเอ็มจีได้ง่าย ล่าสุดได้มีการเซ็นหนังสือกับผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้แทนจำหน่ายเพิ่มอีก 13 ราย จากปัจจุบันเอ็มจีมีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ 12 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ รวมกันทั้งหมดทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 20 ราย
นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า เอ็มจีได้ลงทุนในส่วนของ "เซอร์วิสเซ็นเตอร์" ที่อ่อนนุช เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางด้านเทคนิค และการขายให้กับตัวแทนจำหน่ายเป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมกับทำรถโมบายเซอร์วิส 4 คัน ในการให้บริการดูแลและแก้ปัญหารถให้กับลูกค้าฟรี
ทั้งหมดเป็นภาพความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “เอ็มจี” แบรนด์รถน้องใหม่ในไทย ซึ่งกำลังถูกจับตามองว่าการผนึกกำลังของทุนใหญ่จีนและไทย แต่เป็นแบรนด์ภายใต้ร่มเงาของจีน จะสามารถฝ่าสังเวียนตลาดรถในไทย ที่ว่ากันว่าเป็นตลาดปราบเซียนไปได้หรือไม่?
ทั้งนี้ไม่ว่าตัวเลขยอดขายเอ็มจี6 เก๋งคอมแพ็กต์โมเดลแรกที่ถูกส่งลงบุกตลาดไทยจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ชัดเจนคือการประกาศเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้แต่ต้น ว่าจะมีการเปิดตัวรถใหม่ 7 รุ่น ภายใน 5 ปี อย่างที่ “ธนากร เสรีบุรี” ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรมเครือซีพี และประธานกรรมการบริหารของเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี บริษัทร่วมทุนผลิตและจำหน่ายรถยนต์ “เอ็มจี” ในไทย ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในการเปิดไลน์ผลิตรถรุ่นเอ็มจี6 จากโรงงานในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา
ยิ่งมาเป็นการตอกย้ำมากขึ้นในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 ก่อนสิ้นปีที่แล้วมา เมื่อได้มีการเผยโฉมเก๋งซับคอมแพ็กต์ “เอ็มจี3” (MG3) เพื่อเตรียมมาทำตลาดในไทยปี 2558 นี้ พร้อมกับประกาศชัดเจนลงไปอีกว่า จะมีการแนะนำรถรุ่นใหม่สู่ตลาดไทยในทุกๆ 6-8 เดือน หรือภายใน 3 ปี จะมีรถใหม่เปิดตัวประมาณ 5 รุ่น และทั้งหมดจะเป็นรถที่ขึ้นไลน์ผลิตจากโรงงานในประเทศไทย
นั่นหมายความว่ารถโมเดลที่สองจากค่ายเอ็มจี หรือรุ่นเอ็มจี3 จะถูกส่งลงทำตลาดในไทยในเร็วๆ นี้ และกำหนดตารางการเปิดตัวถูกวางไว้แล้ว ว่าจะเป็นในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2015 หรือปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยจะมีให้เลือกทั้งรุ่นปกติแบบแฮทช์แบ็ก และรุ่นยกสูง MG3 Xross โดยในไทยวางขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ ที่ทางเอ็มจีเรียกว่า Celematic ซึ่งจะว่าไปเป็นระบบเกียร์ AMT นั่นเอง
ส่วนสนนราคากำลังหาข้อสรุป แต่แนวโน้มน่าจะเปลี่ยนการวางราคาไม่ใช่แบบรุ่นเอ็มจี6 ที่เคาะราคาออกมาค่อนข้างสูงชนกับค่ายญี่ปุ่นระดับท็อปของตลาดคอมแพ็กต์คาร์ เหตุนี้ราคาของเอ็มจี3 จึงไม่น่าจะปะทะกับเก๋งซับคอมแพ็กต์ค่ายรถญี่ปุ่นโดยตรง แต่จะไม่ต่ำจนทำให้เสียภาพกลายเป็นแบรนด์รถราคาถูกไป
สิ่งที่ต้องจับตาดูคือเอสยูวีโมเดลใหม่ ที่มีการเปิดภาพออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว นั่นคือ “เอ็มจี จีเอส” (MG GS) ซึ่งกำหนดเปิดตัวในประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ที่งานเซียงไฮ้ ออโต้ โชว์ 2015 ในเดือนเมษายนนี้ เพราะนี่คือรถเอสยูวีที่จะเป็นโมเดลถัดไปในการนำเข้ามาทำตลาดในไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเผยโฉมได้ช่วงปลายปีนี้ แต่จะขึ้นไลน์ผลิตและจำหน่ายทันที หรือเป็นต้นปีหน้าต้องมาลุ้นกันอีกที
เอ็มจี จีเอส เป็นคอมแพ็กต์เอสยูวีที่พัฒนามาจากรถต้นแบบ “เอ็มจี ซีเอส” (MG CS Concept) ที่เผยโฉมออกมาในปี 2013 นับเป็นรุ่นไฮไลต์สำคัญในปีนี้ และเป็นโกลบอลโมเดลของ SAIC ซึ่งตามรายงานข่าวจะมีขุมกำลังให้เลือก เป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร 167 แรงม้า และขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 220 แรงม้า ทั้งสองเครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ DCT หรือแบบคลัตช์คู่
นี่เป็น 2 โมเดลใหม่ที่มีความชัดเจนจะถูกส่งบุกตลาดไทยในปีนี้ และยังมีเก๋งแฮตช์แบ็กรุ่น “เอ็มจี5” (MG5) ตามออกมาในลำดับถัดไป แต่ที่เป็นโครงการใหญ่ของแบรนด์เอ็มจีในไทย เห็นจะเป็นรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์ ระยะที่ 2 (Eco Car Phase2) ซึ่งเอ็มจีเพิ่งได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอเมื่อไม่นานมานี้ นี่นับเป็นโครงการใหม่ที่จะพัฒนารถรุ่นใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ ไม่ใช่รถที่มีอยู่ในไลน์ปัจจุบันของเอ็มจีแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีลุ้นอีกคงเป็นแนวคิดในการผลิตปิกอัพ แม้เอ็มจีจะไม่เคยทำปิกอัพมาก่อน แต่ในฐานะไทยเป็นศูนย์กลางผลิตและตลาดปิกอัพ 1 ตัน จึงเป็นรถอีกโมเดลที่เอ็มจีให้ความสนใจและศึกษาถึงความเป็นไปได้ ที่จะพัฒนาและผลิตมาทำตลาดในไทย ตามที่ผู้บริหารของ SAIC-CP ระบุไว้ก่อนหน้านี้
จากการวางแผนแนะนำรถใหม่สู่ตลาด ครอบคลุมในเกือบทุกเซกเม้นท์หลัก ทำให้ SAIC-CP เริ่มเดินหน้าลงทุนระยะที่ 2 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเพื่อรองรับโครงการอีโคคาร์ 2 ดังนั้นจึงมีรายงานข่าว SAIC-CP เตรียมลงทุนซื้อที่ดิน เพื่อตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมหลายหมื่นล้านบาท จากปัจจุบันโรงงานแห่งแรกจะเป็นสัญญาเช่าที่ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช อิสเทิร์น ซีบอร์ด ชลบุรี
อย่างไรก็ตาม นอกจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เอ็มจียังมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และเข้าใจถึงมาตรฐานของเอ็มจีรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 90 ปี โดยปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการตลาด และกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์
ส่วนเรื่องการอำนวยความสะดวกและให้ผู้บริโภคเข้าถึงรถเอ็มจีได้ง่าย ล่าสุดได้มีการเซ็นหนังสือกับผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้แทนจำหน่ายเพิ่มอีก 13 ราย จากปัจจุบันเอ็มจีมีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ 12 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ รวมกันทั้งหมดทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 20 ราย
นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า เอ็มจีได้ลงทุนในส่วนของ "เซอร์วิสเซ็นเตอร์" ที่อ่อนนุช เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางด้านเทคนิค และการขายให้กับตัวแทนจำหน่ายเป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมกับทำรถโมบายเซอร์วิส 4 คัน ในการให้บริการดูแลและแก้ปัญหารถให้กับลูกค้าฟรี
ทั้งหมดเป็นภาพความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “เอ็มจี” แบรนด์รถน้องใหม่ในไทย ซึ่งกำลังถูกจับตามองว่าการผนึกกำลังของทุนใหญ่จีนและไทย แต่เป็นแบรนด์ภายใต้ร่มเงาของจีน จะสามารถฝ่าสังเวียนตลาดรถในไทย ที่ว่ากันว่าเป็นตลาดปราบเซียนไปได้หรือไม่?