สร้างความฮือฮาด้วยการนำต้นแบบGR-HEV มาอวดโฉมในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2013 จากนั้นมีภาพรถคันจริงจากสายการผลิต หลุดออกมาให้ตื่นเต้นในโลกออนไลน์ (แต่ก็โดนเก็บเรียบ) ทำเอาหลายคนนั่งจินตนาการ พร้อมนับวันรอ พ.ศ.ที่คิดถึง ด้วยหวังเป็นเจ้าของปิกอัพรูปโฉมโดดเด่นบนสมรรถนะที่ปรับปรุงใหม่
ก่อนงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 จะเริ่มขึ้น (18 พ.ย.)มิตซูบิชิจัดงานเปิดตัว “ไทรทัน โฉมใหม่” (All New Mitsubishi Triton) แบบเวิลด์ พรีเมียร์ ลอนซ์ หรือครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย ภายใต้แนวคิด “Ultimate Sport Utility Truck” ปิกอัพอเนกประสงค์แบบสปอร์ต พร้อมดึง“ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” มาช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ดังกล่าว
...คงต้องรอวัดผลอีกสัก 1-2 เดือน หลังกระหน่ำโฆษณา และเดินสายโรดโชว์ไปทั่วประเทศว่าไทรทัน โฉมใหม่ จะได้กระแสตอบรับดีขนาดไหน ทว่าความรู้สึกผู้เขียนในช่วงแรก(หลังงานเปิดตัวจนถึงวันนี้) ต้องบอกว่าเงียบไปนิด เมื่อเทียบกับการเป็นปิกอัพแห่งความหวังของมิตซูบิชิ
การทำตลาดในช่วงแรกไทรทัน โฉมใหม่ จะมีแต่ตัวถังดับเบิ้ลแค็บ แบ่งเป็น 9รุ่นย่อย เครื่องยนต์ดีเซล - เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร ประกบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด 5สปีด และอัตโนมัติ 5 สปีด ราคา 7.91แสนบาท - 1.008 ล้านบาท ส่วนตัวถังซิงเกิ้ลแค็บ (ตอนเดียว) เมกะแค็บ (ตอนครึ่ง) จะตามมาในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ผู้เขียนได้รุ่น GLS NAVI 2.4L ราคา 9.25 แสนบาทมาทดสอบครับ ปิกอัพขับเคลื่อนสองล้อยกสูงตระกูลPlus ถือเป็นรุ่นพิมพ์นิยมที่ขายดีของมิตซูบิชิก็ว่าได้ ยิ่งเป็นตัวถังดับเบิลแค็บชัดเจนว่า ซื้อมาเน้นเท่ ใช้งานได้อเนกประสงค์ ไม่เน้นลุยหนัก
ขนาดตัวถังเมื่อจอดเทียบกับไทรทัน พลัส รุ่นเก่า มีความใกล้เคียงกันมาก โดยโฉมใหม่มีความยาว 5,280 มิลลิเมตร กว้าง 1,815 มิลลิเมตร สูง 1,780 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มิลลิเมตร
ขณะที่น้ำหนักตัวลดลงประมาณ 50 กิโลกรัม ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่รหัส 4N15 ขนาด 2.4 ลิตร ฝาสูบและเสื้อสูบทำจากอะลูมิเนียม มีส่วนช่วยให้น้ำหนักเครื่องยนต์หายไปถึง35 กิโลกรัม (เทียบกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 เดิม)
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ระบบรางร่วมคอมมอนเรล ให้แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง200 เมกะปาสคาล พร้อมระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดี MIVEC และเทอร์โบแปรผัน (VG Turbo) อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที
….เบากว่าเดิมแต่ให้ประสิทธิผลที่ดีขึ้นในเรื่องเรี่ยวแรง ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันและการปล่อยมลพิษไอเสียมิตซูบิชิเคลมว่าลดลง 20% และ17% ตามลำดับ (เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเดิม ขนาด 2.5 ลิตร VG Turbo 178 แรงม้า)
การขับจริงกำลังเหลือใช้ครับ อารมณ์คล้ายๆกับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเดิม และให้การตอบสนองดีกว่า 2.2 ของฟอร์ด เรนเจอร์นิดๆ พลังดูดีตั้งแต่รอบต่ำ เรียกแรงเร่งเร็วมาทันใจพอสมควร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดจังหวะเปลี่ยนเกียร์รู้สึกกระชากเล็กๆ ช่วยส่งกำลังได้พอดีกับจังหวะการใช้งาน ความเร็วปลาย 120 กม./ชม. ที่เกียร์สูงสุด รอบเครื่องยนต์อยู่แถวๆ 2,400 รอบ (จริงๆควรจะอยู่แถวๆ 2,000 รอบ)
โดยเครื่องยนต์เดินเรียบ ทำงานเงียบจนไม่น่าเชื่อว่าไทรทัน โฉมใหม่ เปลี่ยนมาใช้สายพานไทม์มิ่งแบบโซ่ เพราะเสียงไม่ดังโครมครามกระแทกหู ซึ่งการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารรวมๆถือเป็นจุดเด่นครับ เสียงเครื่องยนต์ ลมปะทะ และยางบดพื้นถนน จัดการได้เงียบกว่าปิกอัพหลายๆรุ่น
อย่างไรก็ตามอารมณ์และการตกแต่งภายในห้องโดยสารของไทรทัน ผู้เขียนว่ายังดูธรรมดาไปนิด หรูหราไม่เท่า นิสสัน นาวารา หรือการติดตั้งฟังก์ชันต่างๆก็ไม่ได้เหนือไปกว่าปิกอัพรุ่นอื่นๆ ส่วนออปชันอย่าง แอร์อัตโนมัติแยกปรับซ้าย-ขวา กุญแจอัจฉริยะ KOS (Keyless Operation System) พร้อมปุ่มสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์ หน้าจอสัมผัสพร้อมแสดงระบบนำทางและภาพจากกล้องมองหลัง ตลอดจนเบาะนั่ง พวงมาลัย หัวเกียร์หุ้มหนัง อาจจะช่วยส่งให้รถดูดีมีราคาขึ้นมาอีกนิด
ในรุ่นนี้ระบบความปลอดภัยจัด ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD มาให้ ส่วนระบบช่วยเบรกBA ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASTC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSAจะมาในรุ่นท็อปราคาทะลุล้าน
ด้านระบบเบรกหน้าดิสก์ หลังดรัม ตอบสนอบกระชับ เบรกจิกได้อย่างมั่นใจ แต่จังหวะชะลอหยุดอาจจะไม่นุ่มนวลนัก เช่นเดียวกับช่วงล่างที่แสดงให้เห็นว่าไทรทันยังมีการบ้านต้องกลับไปแก้ไข แม้มิตซูบิชิจะให้ข้อมูลว่า ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกสองชั้น มาพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ขึ้น ด้านหลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนวางเหนือเพลา พร้อมโช้คอัพไขว้ ที่ออกแบบจุดยึดและปรับตั้งแหนบใหม่ ประกบล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ยางออลเทอเรนของดันลอป 245/65 R17
โดยการขับขี่ทั่วไป ใช้ในเมืองและวิ่งทางไกลออกต่างจังหวัด การรองรับของไทรทันค่อนข้างกระด้าง ในตำแหน่งผู้ขับ ช่วงล่างลักษณะนี้ให้ความมั่นคงบนความเร็ว 120 กม./ชม.ขึ้นไป ทางตรงโค้งยาวเกาะถนนหนึบ เพียงแต่ว่าการใช้งานรวมๆจะรับรู้ถึงความเด้งสะเทือนเข้ามามาก ยิ่งตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง ที่นั่งกว้างขวาง ยืดขาสบายตามสไตล์ไทรทัน(เดิม) นั้นจริงอยู่ เพียงแต่ต้องแลกด้วยอาการกระดอนกระเด้ง พอสมควร
ส่วนพวงมาลัยแบบแรคแอนด์พิเนียน ปรับอัตราทดใหม่ให้การตอบสนองแม่นยำขึ้น แต่น้ำหนักมากเกินไป ยิ่งในกรณีขับออก-ถอยเข้าเพื่อจอดรถ ต้องใช้กำลังแขนมากหน่อย
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันตามหน้าจอแสดงผล ช่วงขับนิ่งๆบนความเร็ว 80-100 กม./ชม. มีตัวเลข 7 ลิตรต่อ 100 กม. หรือ 14 กม./ลิตร หากไต่ขึ้นไประดับ 120-130 กม./ชม. ตัวเลขจะอยู่แถวๆ 12 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ…ถ้าเทียบกับปิกอัพโมเดลใหม่ ที่เปิดตัวปีเดียวกันอย่าง “เอ็นพี300 นาวารา” รวมๆแล้วผู้เขียนประทับใจปิกอัพของนิสสันมากกว่า ทั้งออปชัน อารมณ์ภายใน สมรรถนะ รวมถึงช่วงล่างที่สมดุล นี่ยังไม่นับปิกอัพมหาเทพอย่าง “ฟอร์ด เรนเจอร์” และเร็วๆนี้ยังมีพี่ใหญ่ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ โฉมใหม่” จ่อคิวอีกหนึ่งรุ่น
“ไทรทัน” แทบจะไร้ความโดดเด่นเมื่อเทียบกับบรรดาคู่แข่ง นอกเหนือจากเครื่องยนต์และเกียร์ที่เชิดชูได้ แต่ช่วงล่าง การควบคุม รวมถึงออปชัน หน้าตา คงต้องให้เวลากลับไปปรับจูนอีกสักหน่อย โมเดลใหม่อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบลงตัว...ไม่ต้องรีบซื้อก็ได้
ก่อนงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 จะเริ่มขึ้น (18 พ.ย.)มิตซูบิชิจัดงานเปิดตัว “ไทรทัน โฉมใหม่” (All New Mitsubishi Triton) แบบเวิลด์ พรีเมียร์ ลอนซ์ หรือครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย ภายใต้แนวคิด “Ultimate Sport Utility Truck” ปิกอัพอเนกประสงค์แบบสปอร์ต พร้อมดึง“ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” มาช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ดังกล่าว
...คงต้องรอวัดผลอีกสัก 1-2 เดือน หลังกระหน่ำโฆษณา และเดินสายโรดโชว์ไปทั่วประเทศว่าไทรทัน โฉมใหม่ จะได้กระแสตอบรับดีขนาดไหน ทว่าความรู้สึกผู้เขียนในช่วงแรก(หลังงานเปิดตัวจนถึงวันนี้) ต้องบอกว่าเงียบไปนิด เมื่อเทียบกับการเป็นปิกอัพแห่งความหวังของมิตซูบิชิ
การทำตลาดในช่วงแรกไทรทัน โฉมใหม่ จะมีแต่ตัวถังดับเบิ้ลแค็บ แบ่งเป็น 9รุ่นย่อย เครื่องยนต์ดีเซล - เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร ประกบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด 5สปีด และอัตโนมัติ 5 สปีด ราคา 7.91แสนบาท - 1.008 ล้านบาท ส่วนตัวถังซิงเกิ้ลแค็บ (ตอนเดียว) เมกะแค็บ (ตอนครึ่ง) จะตามมาในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ผู้เขียนได้รุ่น GLS NAVI 2.4L ราคา 9.25 แสนบาทมาทดสอบครับ ปิกอัพขับเคลื่อนสองล้อยกสูงตระกูลPlus ถือเป็นรุ่นพิมพ์นิยมที่ขายดีของมิตซูบิชิก็ว่าได้ ยิ่งเป็นตัวถังดับเบิลแค็บชัดเจนว่า ซื้อมาเน้นเท่ ใช้งานได้อเนกประสงค์ ไม่เน้นลุยหนัก
ขนาดตัวถังเมื่อจอดเทียบกับไทรทัน พลัส รุ่นเก่า มีความใกล้เคียงกันมาก โดยโฉมใหม่มีความยาว 5,280 มิลลิเมตร กว้าง 1,815 มิลลิเมตร สูง 1,780 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มิลลิเมตร
ขณะที่น้ำหนักตัวลดลงประมาณ 50 กิโลกรัม ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกใหม่รหัส 4N15 ขนาด 2.4 ลิตร ฝาสูบและเสื้อสูบทำจากอะลูมิเนียม มีส่วนช่วยให้น้ำหนักเครื่องยนต์หายไปถึง35 กิโลกรัม (เทียบกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 เดิม)
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ระบบรางร่วมคอมมอนเรล ให้แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง200 เมกะปาสคาล พร้อมระบบวาล์วแปรผันฝั่งไอดี MIVEC และเทอร์โบแปรผัน (VG Turbo) อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที
….เบากว่าเดิมแต่ให้ประสิทธิผลที่ดีขึ้นในเรื่องเรี่ยวแรง ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันและการปล่อยมลพิษไอเสียมิตซูบิชิเคลมว่าลดลง 20% และ17% ตามลำดับ (เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเดิม ขนาด 2.5 ลิตร VG Turbo 178 แรงม้า)
การขับจริงกำลังเหลือใช้ครับ อารมณ์คล้ายๆกับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเดิม และให้การตอบสนองดีกว่า 2.2 ของฟอร์ด เรนเจอร์นิดๆ พลังดูดีตั้งแต่รอบต่ำ เรียกแรงเร่งเร็วมาทันใจพอสมควร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดจังหวะเปลี่ยนเกียร์รู้สึกกระชากเล็กๆ ช่วยส่งกำลังได้พอดีกับจังหวะการใช้งาน ความเร็วปลาย 120 กม./ชม. ที่เกียร์สูงสุด รอบเครื่องยนต์อยู่แถวๆ 2,400 รอบ (จริงๆควรจะอยู่แถวๆ 2,000 รอบ)
โดยเครื่องยนต์เดินเรียบ ทำงานเงียบจนไม่น่าเชื่อว่าไทรทัน โฉมใหม่ เปลี่ยนมาใช้สายพานไทม์มิ่งแบบโซ่ เพราะเสียงไม่ดังโครมครามกระแทกหู ซึ่งการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารรวมๆถือเป็นจุดเด่นครับ เสียงเครื่องยนต์ ลมปะทะ และยางบดพื้นถนน จัดการได้เงียบกว่าปิกอัพหลายๆรุ่น
อย่างไรก็ตามอารมณ์และการตกแต่งภายในห้องโดยสารของไทรทัน ผู้เขียนว่ายังดูธรรมดาไปนิด หรูหราไม่เท่า นิสสัน นาวารา หรือการติดตั้งฟังก์ชันต่างๆก็ไม่ได้เหนือไปกว่าปิกอัพรุ่นอื่นๆ ส่วนออปชันอย่าง แอร์อัตโนมัติแยกปรับซ้าย-ขวา กุญแจอัจฉริยะ KOS (Keyless Operation System) พร้อมปุ่มสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์ หน้าจอสัมผัสพร้อมแสดงระบบนำทางและภาพจากกล้องมองหลัง ตลอดจนเบาะนั่ง พวงมาลัย หัวเกียร์หุ้มหนัง อาจจะช่วยส่งให้รถดูดีมีราคาขึ้นมาอีกนิด
ในรุ่นนี้ระบบความปลอดภัยจัด ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD มาให้ ส่วนระบบช่วยเบรกBA ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASTC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSAจะมาในรุ่นท็อปราคาทะลุล้าน
ด้านระบบเบรกหน้าดิสก์ หลังดรัม ตอบสนอบกระชับ เบรกจิกได้อย่างมั่นใจ แต่จังหวะชะลอหยุดอาจจะไม่นุ่มนวลนัก เช่นเดียวกับช่วงล่างที่แสดงให้เห็นว่าไทรทันยังมีการบ้านต้องกลับไปแก้ไข แม้มิตซูบิชิจะให้ข้อมูลว่า ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกสองชั้น มาพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ขึ้น ด้านหลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนวางเหนือเพลา พร้อมโช้คอัพไขว้ ที่ออกแบบจุดยึดและปรับตั้งแหนบใหม่ ประกบล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ยางออลเทอเรนของดันลอป 245/65 R17
โดยการขับขี่ทั่วไป ใช้ในเมืองและวิ่งทางไกลออกต่างจังหวัด การรองรับของไทรทันค่อนข้างกระด้าง ในตำแหน่งผู้ขับ ช่วงล่างลักษณะนี้ให้ความมั่นคงบนความเร็ว 120 กม./ชม.ขึ้นไป ทางตรงโค้งยาวเกาะถนนหนึบ เพียงแต่ว่าการใช้งานรวมๆจะรับรู้ถึงความเด้งสะเทือนเข้ามามาก ยิ่งตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง ที่นั่งกว้างขวาง ยืดขาสบายตามสไตล์ไทรทัน(เดิม) นั้นจริงอยู่ เพียงแต่ต้องแลกด้วยอาการกระดอนกระเด้ง พอสมควร
ส่วนพวงมาลัยแบบแรคแอนด์พิเนียน ปรับอัตราทดใหม่ให้การตอบสนองแม่นยำขึ้น แต่น้ำหนักมากเกินไป ยิ่งในกรณีขับออก-ถอยเข้าเพื่อจอดรถ ต้องใช้กำลังแขนมากหน่อย
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันตามหน้าจอแสดงผล ช่วงขับนิ่งๆบนความเร็ว 80-100 กม./ชม. มีตัวเลข 7 ลิตรต่อ 100 กม. หรือ 14 กม./ลิตร หากไต่ขึ้นไประดับ 120-130 กม./ชม. ตัวเลขจะอยู่แถวๆ 12 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ…ถ้าเทียบกับปิกอัพโมเดลใหม่ ที่เปิดตัวปีเดียวกันอย่าง “เอ็นพี300 นาวารา” รวมๆแล้วผู้เขียนประทับใจปิกอัพของนิสสันมากกว่า ทั้งออปชัน อารมณ์ภายใน สมรรถนะ รวมถึงช่วงล่างที่สมดุล นี่ยังไม่นับปิกอัพมหาเทพอย่าง “ฟอร์ด เรนเจอร์” และเร็วๆนี้ยังมีพี่ใหญ่ “โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ โฉมใหม่” จ่อคิวอีกหนึ่งรุ่น
“ไทรทัน” แทบจะไร้ความโดดเด่นเมื่อเทียบกับบรรดาคู่แข่ง นอกเหนือจากเครื่องยนต์และเกียร์ที่เชิดชูได้ แต่ช่วงล่าง การควบคุม รวมถึงออปชัน หน้าตา คงต้องให้เวลากลับไปปรับจูนอีกสักหน่อย โมเดลใหม่อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบลงตัว...ไม่ต้องรีบซื้อก็ได้