xs
xsm
sm
md
lg

สัมผัสเทคโนโลยี SKYACTIV กับ 3 รูปแบบการขับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก่อนที่จะพบกับ “มาสด้า 2” โฉมใหม่ รถยนต์เทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ” (SKYACTIV) ทั้งคันโมเดลที่ 3 ในประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความโดดเด่นของเทคโนโลยีดังกล่าว มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จึงได้จัดกิจกรรมให้สัมผัสประสิทธิภาพและสมรรถนะของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ตัวถัง และแชสซี...

อย่างที่ทราบกันเทคโนโลยีกายแอคทีฟ เป็นการปฏิวัติทางเทคโนโลยีของมาสด้ายุคใหม่ และเชื่อว่าจะใช้เทคโนโลยีนี้ไปอีกนาน นี่จึงย่างก้าวสำคัญที่จะพิสูจน์ว่า รถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ สามารถเป็นยานยนต์สีเขียวที่มีราคาไม่แพงได้ โดยยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในปกติ ไม่ต้องก้าวข้ามไปยังเทคโนโลยีไฮบริด หรืออื่นๆ แต่ยังให้ในเรื่องของความแรงและประหยัดใกล้เคียง หรือเทียบเท่า ในขณะเดียวกันยังเพิ่มความปลอดภัยไปพร้อมๆ กัน


สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นการให้สื่อมวลชนได้ลองขับ รถยนต์มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และมาสด้า 3 โฉมใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน 2 รุ่นแรกในไทย ด้วยการให้ขับใน 3 รูปแบบ คือการขับฟรีรันหรือใช้งานปกติบนถนนหลวง การขับในสถานีพิเศษ (Gymkhana) และขับในรูปแบบของการประหยัดน้ำมัน โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ-เพชรบูรณ์ แบ่งเป็นขับฟรีรัน 186 กม. และประหยัดน้ำมัน 148 กม. พร้อมกับใช้ลานจอดรถที่ไทวัสดุ จ.เพชรบูรณ์ เป็นจุดขับในสถานีพิเศษ

ทริปนี้ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้ขับมาสด้า 3 ใหม่รุ่นซีดาน เครื่องยนต์ SKYACTIV G 2.0 ลิตร 165 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ซึ่งมีกำลังอัดสูงสุด 14.0 : 1 ใกล้เคียงกับรถแข่ง และยังมาพร้อมกับระบบป้องกันการเผาไหม้ผิดปกติ หรือการน็อค ดังนั้นเรื่องความจี๊ดจ๊าดของขุมพลังจึงไม่เป็นปัญหา เมื่อบวกกับการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV Drive ที่รวมจุดเด่นของเกียร์ CVT คลัตช์แผ่นคู่ (Dual Clutch) และเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม จึงให้ความไหลลื่นนุ่มนวล แต่เมื่อต้องการเร่งแซงจะรู้สึกกระชับเหมือนเกียร์ธรรมดา เมื่อบวกกับการออกแบบตัวถังและระบบช่วงล่างใหม่ โดยเฉพาะแชสซีสกายแอคทีฟเทคโนโลยี นับว่าเป็นรถที่ควบคุมและให้การทรงตัวดีมาก

นี่จึงเป็นเหตุผลที่มาสด้ามั่นใจเรื่องความแรง ขณะเดียวกันยังให้ความประหยัดน้ำมัน จากการมุ่งมั่นลดการสูญเสียพลังงาน ที่เป็นปัญหาใหญ่ของรถเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน ไม่ว่าจะจากท่อไอเสีย ระบบหล่อเย็น ผนังเครื่องยนต์ และห้องเกียร์ รวมถึงการลดการเสียดทานในเครื่องยนต์ลง 30% จึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากกว่าเครื่องยนต์เดิม


ดังนั้นในช่วงที่สองจึงเป็นการขับแบบประหยัดน้ำมัน ระยะทางกว่า 148 กม. โดยต้องขับในเวลาไม่เกิน 2.40 ชั่วโมง หรือความเร็วไม่ต่ำกว่า 60 กม./ชม. และรถต้องอยู่ในสภาพใช้งานปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอร์ และลมยางที่เติมตามมาตรฐานล้อ/หน้า (มาสด้า 3 ลมยาง 34/33 และรุ่นซีเอ็กซ์-5 36/36 PSI) นั่งคันล่ะ 3 คน (รวมคนจากอื่นทีมอื่นมานั่งด้วย) เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 E10 ซึ่งช่วงนี้จึงเป็นการใช้ทักษะในการคุมรอบให้สัมพันธ์กับความเร็ว บวกกับพิสูจน์สมรรถนะของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ

ปรากฎว่าในทริปนี้อัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้ ในรุ่นมาด้า 3 ซีดาน ต่ำที่สุด 26.3 กม./ลิตร มากสุด 18.3 กม./ลิตร รุ่นแฮทช์แบ็กประหยัดสุด 27.8 กม./ลิตร สิ้นเปลืองสุด 21.0 กม./ลิตร ในมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ดีที่สุด 18.3 กม./ลิตร มากสุด 12.9 กม./ลิตร และรุ่นดีเซล 2.2 ประหยัดที่สุด 23.4 กม./ลิตร และต่ำสุด 17.3 กม./ลิตร

มาถึงช่วงสุดท้ายเป็นการขับสถานีพิเศษ หรือในรูปแบบยิมคาน่า ด้วยการใช้กรวยเป็นตัวกำหนดเส้นทางในรูปแบบต่าง ไม่ว่าจะสลาลอม (Slalom) โดนัท เลี้ยวซ้าย-ขวาแบบกระทันหัน และทางตรงระยะสั้นๆ รวมถึงการจอดให้พอดีกับเส้นจบ ซึ่งจะมีเวลากำหนด 30 วินาที/รอบ เป็นคะแนนเต็มทำเวลาตามกำหนด และต้องไม่เฉี่ยว ชนกรวย หรือผิดเส้นทาง หากผิดเงื่อนไขต้องเสียคะแนน โดยแต่ละทีมจะต้องขับทั้งมาสด้า 3 และซีเอ็กซ์-5 คันล่ะรอบต่อทีม ผลการแข่งขันเอาเวลารวมของทั้งสองคันมารวม ทีมเสียคะแนนน้อยที่สุดเป็นผู้ชนะ

สถานีนี้จึงเป็นพิสูจน์เรื่องของช่วงล่างและตัวถัง รวมถึงพวงมาลัย สมรรถนะของเครื่องยนต์ และเกียร์ ที่จะต้องทำงานสัมพันธ์กัน เนื่องจากรูปแบบการขับยิมคาน่าจะใช้ความเร็วต่ำ-ปานกลาง แต่ตามหลักการออกแบบรถการเพิ่มความว่องไวในการบังคับเลี้ยวที่ความเร็วดังกล่าว ย่อมส่งผลกระทบต่อความสามารถในการควบคุมและเสถียรภาพที่ความเร็วสูง การที่จะทำให้สัมพันธ์กันได้ในทุกความเร็ว จึงนับเป็นเรื่องที่ท้าย และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทำได้ดีทีเดียว

โดยเฉพาะมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ที่แม้จะเป็นรถเอสยูวีไม่เหมาะกับการขับแบบยิมคาน่าอยู่แล้ว แต่ด้วยระบบแชสซี-สกายแอคทีฟ การออกแบบตัวถังให้เบาแต่แข็งแรงและปลอดภัย ผสานกับพวงมาลัย สมรรถนะเครื่องยนต์ และเกียร์ จึงทำให้แต่ละทีมสามารถควบคุมรถในการขับสถานีพิเศษนี้ได้ไม่ยากนัก และทำเวลาใกล้เคียงกับกำหนด ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 32-34 วินาที ดีสุดจะอยู่ระหว่างประมาณ 29 และ 31 วินาที

นับเป็นทริปที่สัมผัสเทคโนโลยีสกายแอคทีฟได้ใกล้ชิดขึ้น และจากการได้ลองขับคงต้องบอกว่า… เป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีโดดเด่นมากในปัจจุบัน




กำลังโหลดความคิดเห็น