ต่อจากการรุกตลาดด้วยตัวถังที่เน้นความอเนกประสงค์ คราวนี้ถึงคิวของความสปอร์ตในแบบ เปิดประทุนของรถยนต์รุ่นเล็กอย่างซีรีส์ 2 โดยมาพร้อมกับหลังคาอ่อนแบบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมทางเลือกของเครื่องยนต์ที่หลากหลาย
ซีรีส์ 2 ถือกำเนิดขึ้นมาจากการแตกไลน์ออกมาจากซีรีส์ 1 เพื่อสร้างความชัดเจนในแง่ของกลุ่มตลาด และตัวถัง โดยตัวเลขที่เป็นเลขคู่นั้นจะเป็นตัวถังคูเป้ และเปิดประทุน ซึ่งในซีรีส์ 2 ใหม่นี้ถือเป็นโมเดลเชนจ์ ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์สวยและสปอร์ตขึ้น โดยที่มีเส้นสายและหน้าตาอ้างอิงจากสไตล์การออกแบบของรถยนต์รุ่นปัจจุบันจากค่ายใบพัดสีฟ้าที่เริ่มมาตั้งแต่ซีรีส์ 7
บนตัวถังแบบเปิดประทุน 4 ที่นั่งตัวรถมาพร้อมกับความยาวในระดับ 4,432 มิลลิเมตร โดยยาว ขึ้นจากรุ่นที่แล้ว 72 มิลลิเมตร ส่วนหลังคาผ้าใบเมื่อถูกพับเก็บอยู่ที่ฝากระโปรงท้ายจะใช้เวลา 20 วินาทีในการกางออกหรือพับเก็บ
สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีทั้งเบนซินและเทอร์โบดีเซล โดยเริ่มที่รุ่น 220i เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,250 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. ที่ 1,250-4,500 รอบ/นาที ใช้เวลา 7.5 วินาทีสำหรับบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง อีกทางเลือกสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน เป็นรหัส 228i ที่ใช้เครื่องยนต์4 สูบ 2,000 ซีีซี พร้อมระบบ Di พร้อมระบบ VALVETRONIC และ Double Vanos รีดกำลังออกมาได้ 245 แรงม้า ที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 1,250-4,500 รอบ/นาที และใช้เวลา 6.1 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง
ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซลเริ่มสตาร์ทที่รหัส 220d ที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีบล็อกใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนามา เพื่อตอบสนองทั้งในด้านความประหยัดน้ำมัน และความเร้าใจในการขับขี่ ด้วยกำลังขับเคลื่อน 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 1,250-4,500 รอบ/นาที และใช้เวลา 7.5 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง
ทุกรุ่นสามารถเลือกจับคู่ได้ระหว่างเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 จังหวะในการถ่ายทอดกำลังสู่ล้อหลัง ซึ่งในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ผู้ัขับขี่สามารถเลือกปรับการทำงานให้สอดคล้องกับการขับขี่ได้ โดยมีโหมดให้เลือกคือ ECO PRO, COMFORT และ SPORT แต่ถ้าใครยอมจ่ายเงินเพิ่มติดตั้งชุเ M Sport Package ก็จะมีโหมดที่ 4 ติดตั้งมาให้ด้วย นั่นคือ SPORT+
การทำตลาดของซีรีส์ 2 เปิดประทุนใหม่จะเริ่มขึ้นในยุโรปช่วงปลายปีนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 38,850 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.24 ล้านบาท
ซีรีส์ 2 ถือกำเนิดขึ้นมาจากการแตกไลน์ออกมาจากซีรีส์ 1 เพื่อสร้างความชัดเจนในแง่ของกลุ่มตลาด และตัวถัง โดยตัวเลขที่เป็นเลขคู่นั้นจะเป็นตัวถังคูเป้ และเปิดประทุน ซึ่งในซีรีส์ 2 ใหม่นี้ถือเป็นโมเดลเชนจ์ ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์สวยและสปอร์ตขึ้น โดยที่มีเส้นสายและหน้าตาอ้างอิงจากสไตล์การออกแบบของรถยนต์รุ่นปัจจุบันจากค่ายใบพัดสีฟ้าที่เริ่มมาตั้งแต่ซีรีส์ 7
บนตัวถังแบบเปิดประทุน 4 ที่นั่งตัวรถมาพร้อมกับความยาวในระดับ 4,432 มิลลิเมตร โดยยาว ขึ้นจากรุ่นที่แล้ว 72 มิลลิเมตร ส่วนหลังคาผ้าใบเมื่อถูกพับเก็บอยู่ที่ฝากระโปรงท้ายจะใช้เวลา 20 วินาทีในการกางออกหรือพับเก็บ
สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีทั้งเบนซินและเทอร์โบดีเซล โดยเริ่มที่รุ่น 220i เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,250 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. ที่ 1,250-4,500 รอบ/นาที ใช้เวลา 7.5 วินาทีสำหรับบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง อีกทางเลือกสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน เป็นรหัส 228i ที่ใช้เครื่องยนต์4 สูบ 2,000 ซีีซี พร้อมระบบ Di พร้อมระบบ VALVETRONIC และ Double Vanos รีดกำลังออกมาได้ 245 แรงม้า ที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 1,250-4,500 รอบ/นาที และใช้เวลา 6.1 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง
ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซลเริ่มสตาร์ทที่รหัส 220d ที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซีบล็อกใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนามา เพื่อตอบสนองทั้งในด้านความประหยัดน้ำมัน และความเร้าใจในการขับขี่ ด้วยกำลังขับเคลื่อน 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 1,250-4,500 รอบ/นาที และใช้เวลา 7.5 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง
ทุกรุ่นสามารถเลือกจับคู่ได้ระหว่างเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 จังหวะในการถ่ายทอดกำลังสู่ล้อหลัง ซึ่งในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ผู้ัขับขี่สามารถเลือกปรับการทำงานให้สอดคล้องกับการขับขี่ได้ โดยมีโหมดให้เลือกคือ ECO PRO, COMFORT และ SPORT แต่ถ้าใครยอมจ่ายเงินเพิ่มติดตั้งชุเ M Sport Package ก็จะมีโหมดที่ 4 ติดตั้งมาให้ด้วย นั่นคือ SPORT+
การทำตลาดของซีรีส์ 2 เปิดประทุนใหม่จะเริ่มขึ้นในยุโรปช่วงปลายปีนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 38,850 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.24 ล้านบาท