เป็นไปตามคาดแบบไม่มีอะไรพลิกโผ เพราะคล้อยหลังจากการเปิดตัวโฉมใหม่ของ X5 ออกสู่ตลาด ไปได้ไม่นาน ทางด้าน BMW ก็จัดการส่งผลผลิตต่อเนื่องอย่าง X6 ที่แชร์พื้นฐานเดียวกัน ออกมาแล้ว โดยจะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมปีนี้ ด้วยทางเลือก 1 เครื่องยนต์เบนซิน และ 2 เทอร์โบดีเซล ส่วนใครที่ต้องการมากกว่านั้นต้องรอต้นปีหน้า
X6 ถือเป็น SUV มาดสปอร์ตที่ทาง BMW เป็นผู้บุกเบิกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับตลาด เหมือนกับที่ตลาดรถยนต์ระดับหรูขนาดกลาง มีพวกสปอร์ตซีดานแบบประตูไร้กรอบ โดยเปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 2008 พร้อมแนวคิดในการฉีกสไตล์ SUV ทั่วไปด้วยความสปอร์ตของงานออกแบบ และสมรรถนะในการขับเคลื่อน โดยพื้นฐานทางวิศวกรรมถูกแชร์ร่วมกับเพื่อนร่วมค่ายอย่าง X5
สำหรับรุ่นใหม่ที่กำลังจะวางขายในปลายปีนี้เป็นรุ่นใหม่แบบโมเดลเชนจ์ และเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของสายพันธุ์ X6 โดยจะมีรหัสตัวถังในการทำตลาด F16 และแน่นอนว่ายังเหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา ในการแชร์พื้นฐานทางวิศวกรรมเดียวกัน
นอกจากนั้น X6 ใหม่ก็ยังยึดมั่นสไตล์ในการออกแบบโครงสร้างตัวถังภายนอกเพื่อให้เกิดสัมผัสแห่ง ความปราดเปรียวเหมือนเดิม โดยจุดเด่นของงานดีไซน์ เห็นจะเป็นเสาหลังคาหลังที่มีลักษณะลาดเทไปทางด้านหน้า และทำให้ตัวรถดูเพรียวและลู่ลมกว่าพวก SUV แบบเดิมๆ
ทางเลือกของเครื่องยนต์ในช่วงแรกยังไม่ค่อยหลากหลายเท่าไร อย่างรุ่นเบนซินมีเพียงแบบเดียว คือ X6 xDrive50i เครื่องยนต์เบนซิน ทวินเทอร์โบ วี8 4,400 ซีซี ที่มีกำลัง 450 แรงม้า เพิ่มขึ้น 43 แรงม้าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม แรงบิดสูงสุด 66.2 กก.-ม. ตอบสนองต่ออัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.8 วินาที
ตามด้วยเทอร์โบดีเซล ในรหัส X6 xDrive30d ซึ่งเป็นบล็อก 6 สูบเรียง 3,000 ซีซี 258 แรงม้า ปิดท้ายด้วยรุ่น X6 M50d ที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแต่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถ โดยขยับความเร้าใจเป็น 381 แรงม้า ใช้เวลาเพียง 5.8 วินาทีสำหรับการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะพร้อมโหมด Steptronic ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้เองตามความต้องการ ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็น xDrive ที่ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองการขับขี่ได้ดีขึ้น และมีความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังสู่ล้อขับเคลื่อน
สำหรับในปีหน้า BMW จะเปิดตัวเพิ่มอีก 2 ทางเลือกลงสู่ตลาด นั่นคือ xDrive35i (306 แรงม้า) และ X6 xDrive40d (313 แรงม้า)
แม้ว่าจะได้เห็นหน้าตาและรายละเอียดกันแบบเต็มๆ ของ X6 รุ่นปรับโฉมกันแล้ว แต่ทว่าคันจริงจะเริ่มส่ง มอบในเดือนธันวาคม 2014 ช่วงนี้ก็เก็บเงินรอกันก่อนได้เลย
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring
X6 ถือเป็น SUV มาดสปอร์ตที่ทาง BMW เป็นผู้บุกเบิกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับตลาด เหมือนกับที่ตลาดรถยนต์ระดับหรูขนาดกลาง มีพวกสปอร์ตซีดานแบบประตูไร้กรอบ โดยเปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี 2008 พร้อมแนวคิดในการฉีกสไตล์ SUV ทั่วไปด้วยความสปอร์ตของงานออกแบบ และสมรรถนะในการขับเคลื่อน โดยพื้นฐานทางวิศวกรรมถูกแชร์ร่วมกับเพื่อนร่วมค่ายอย่าง X5
สำหรับรุ่นใหม่ที่กำลังจะวางขายในปลายปีนี้เป็นรุ่นใหม่แบบโมเดลเชนจ์ และเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของสายพันธุ์ X6 โดยจะมีรหัสตัวถังในการทำตลาด F16 และแน่นอนว่ายังเหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา ในการแชร์พื้นฐานทางวิศวกรรมเดียวกัน
นอกจากนั้น X6 ใหม่ก็ยังยึดมั่นสไตล์ในการออกแบบโครงสร้างตัวถังภายนอกเพื่อให้เกิดสัมผัสแห่ง ความปราดเปรียวเหมือนเดิม โดยจุดเด่นของงานดีไซน์ เห็นจะเป็นเสาหลังคาหลังที่มีลักษณะลาดเทไปทางด้านหน้า และทำให้ตัวรถดูเพรียวและลู่ลมกว่าพวก SUV แบบเดิมๆ
ทางเลือกของเครื่องยนต์ในช่วงแรกยังไม่ค่อยหลากหลายเท่าไร อย่างรุ่นเบนซินมีเพียงแบบเดียว คือ X6 xDrive50i เครื่องยนต์เบนซิน ทวินเทอร์โบ วี8 4,400 ซีซี ที่มีกำลัง 450 แรงม้า เพิ่มขึ้น 43 แรงม้าเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม แรงบิดสูงสุด 66.2 กก.-ม. ตอบสนองต่ออัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.8 วินาที
ตามด้วยเทอร์โบดีเซล ในรหัส X6 xDrive30d ซึ่งเป็นบล็อก 6 สูบเรียง 3,000 ซีซี 258 แรงม้า ปิดท้ายด้วยรุ่น X6 M50d ที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแต่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถ โดยขยับความเร้าใจเป็น 381 แรงม้า ใช้เวลาเพียง 5.8 วินาทีสำหรับการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะพร้อมโหมด Steptronic ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้เองตามความต้องการ ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็น xDrive ที่ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองการขับขี่ได้ดีขึ้น และมีความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังสู่ล้อขับเคลื่อน
สำหรับในปีหน้า BMW จะเปิดตัวเพิ่มอีก 2 ทางเลือกลงสู่ตลาด นั่นคือ xDrive35i (306 แรงม้า) และ X6 xDrive40d (313 แรงม้า)
แม้ว่าจะได้เห็นหน้าตาและรายละเอียดกันแบบเต็มๆ ของ X6 รุ่นปรับโฉมกันแล้ว แต่ทว่าคันจริงจะเริ่มส่ง มอบในเดือนธันวาคม 2014 ช่วงนี้ก็เก็บเงินรอกันก่อนได้เลย
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring