“ผมเชื่อว่าคนเราทุกคน ย่อมจะมีความฝัน ตามสิ่งที่เรารักแตกต่างกันไป จะเป็นฝันเล็ก ฝันใหญ่ เราทุกคนย่อมฝันได้ แต่มันก็ไม่สำคัญ เท่ากับ เราจะกล้าตัดสินใจก้าวตามความฝันของเราหรือไม่”
เป็นคำกล่าวของหนุ่มนักบิด ตง-เสริมธนชาติ คูณแสนโชติสิน ซึ่งกำลังเดินทางรอบโลกด้วยรถจักรยานยนต์คู่ใจ โดยเรามีโอกาสพูดคุยกับเขาสั้นๆ ก่อนโปรเจกต์ Tong Rides the World หรือทริปในฝันของเขาจะเริ่มสตาร์ทเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา
“การเดินทางรอบโลกครั้งนี้ผมมีเพื่อนร่วมทางอีกสองคนคือ พี่อ้วน-วิรุน ชาญวิทยารมณ์ และพี่โฟ่-วรุน อรุณวิวัฒน์กุล โดยเราทั้งสามคนจะใช้รถรุ่นเดียวกัน นั่นคือ บีเอ็มดับเบิลยู เอฟ 800 จีเอส (BMW F 800 GS) ที่เลือกรุ่นนี้เพราะเราไม่ได้เน้นความเร็ว แต่ต้องการความคล่องตัว ขนาดกลางกำลังเหมาะ หากใหญ่เกินไปก็ไม่ดี หรือถ้าเล็กกว่านี้ก็ค่อนข้างลำบาก”
“เพื่อนรุ่นพี่ทั้งสองเป็นคนที่รักการขี่บิ๊กไบค์และชอบผจญภัยเหมือนกัน โดยพวกเรารู้จักกันผ่านทรานส์ เอเชีย รูท หรือบริษัทที่รับจัดการเดินทางทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานพร้อมอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยเริ่มแรกผมเป็นคนคิดโปรเจกต์และไปปรึกษากับพี่กิตติ(ทรานส์ เอเชีย รูท) เขาบอกว่าพอรู้จักคนที่มีความฝันแบบเดียวกัน เดี๋ยวจะแนะนำให้ หลังจากนนั้นก็มาคุยกัน ลองขี่ออกทริปไกลข้ามประเทศไปลาวด้วยกัน พอเห็นว่าความคิดเห็นและทัศนะคติไปด้วยกันได้ พวกเราจึงตัดสินใจตกลงร่วมทริปกันในที่สุด” ตงย้อนให้ฟังถึงที่มาของสมาชิกร่วมทริปขี่รอบโลก
ชายหนุ่มผู้กล้าทำตามความฝันเล่าต่อว่า พวกเขาทั้งสามจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ด่านเชียงของ เพื่อข้ามแม่นํ้าโขงเข้าสู่สาธรณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเข้าสู่ประเทศจีนทางด่านบ่อเต็น หลังจากนั้นจะมุ่งหน้าขึ้นสู่เมืองเชียงรุ้ง ก่อนเดินทางขึ้นไปทางเหนือของจีนจนถึงเมืองซีอาน จากนั้นทั้งสามจะผ่านเส้นทางสายไหมตะลุยสู่ความหนาวเหน็บ ร้อนแห้งแล้งและกันดารบนทะเลทรายโกบี สู่ประเทศมองโกเลีย ผ่านเมืองอูลานบาตอร์ ซึ่งเส้นทางโหดสายนี้จะเป็นบททดสอบแรกของพวกเขาเพื่อตามฝันของจุดมุ่งหมายที่รออยู่ข้างหน้า
สำหรับสภาพเส้นทางจากชายแดนจีนผ่านเข้าทะลุมองโกเลีย พื้นที่โดยรวมจะต้องขี่ผ่านทุ่งหญ้าสเตปป์และเขตทะเลทรายโกบี ซึ่งถนนส่วนมากจะเป็นออฟโรดแบบเส้นทางธรรมชาติ ระยะทางประมาณร่วม 2,000กม.
“จากนั้นเราจะตะลุยเข้าสู่ประเทศรัสเซีย ผ่านเส้นทางแคว้นไซบีเรียหรือดินแดนเยือกแข็งที่อย่างน้อย7-8เดือนอากาศจะติดลบ พร้อมแวะสำรวจทะเลสาบไบคาล ที่ได้ชื่อว่ามีน้ำจืด 1ใน5ของโลกอยู่ที่ทะเลสาบนี้ โดยเราจะผ่านจุดเชื่อมต่อระหว่างเอเชียและยุโรปไปจนถึงเมือหลวงมอสโคว์ ก่อนสิ้นสุดเมืองสุดท้ายที่เซ็นปีเตอร์เบิร์ก โดยใช้ระยะเวลาร่วมเดือนกว่าจะผ่านประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
ทริปบิดไปแตะขอบฟ้าจะมุ่งสู่ชายแดนยุโรป เพื่อเข้าประเทศแรกที่ Estonia และผ่าน Latvia-Lithuania-Poland พร้อมไปต่อตามเส้นทางเข้าประเทศ Czech-Germany-Austria-Italy-Monaco-Spain-Andorra-France-Switzerland-Luxamburg-Belgium-Holland ข้ามเรือต่อสู่เกาะอังกฤษ รวมระยะทางกว่า 30,000 กม. โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 5 เดือน
อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของชายหนุ่มนักบิดยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ด้วยความตั้งใจอย่างมุ่งมั่น การเดินทางจะเริ่มใหม่อีกครั้งที่ทวีปอเมริกา เพราะเขาได้วางแผนที่จะส่งพาหนะคู่ใจข้ามจากยุโรปไปยังเมืองนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นต่อของการเดินทางในช่วงที่สองจากฝั่งตะวันออกสู่ฝั่งตะวันตกปลายทางที่เมือง San Francisco
นอกจากนั้น หลังข้ามจากฝั่งขวาสุดไปซ้ายสุดแล้ว เขาบอกว่ามีแนวโน้มจะส่งพาหนะคู่ใจไปขี่ล่าฝันในส่วนเหนือสุดของโลก โดยใช้เส้นทางสาย Pan America เริ่มที่อลาสก้าไปจบที่ขั้วโลกใต้ ก่อนสิ้นสุดที่จุดสุดท้ายที่ประเทศอาเจนติน่า หรือไม่ก็ขี่ตะลุยทวีปแอฟริกา เริ่มจาก ไคโร ประเทศอียิปต์ มุ่งหน้าสู่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งทั้งหมดเป็นแผนสำรองหลังจากปิดทริปที่ประเทศอังกฤษได้แล้ว
“การเดินทางแบบนี้เป็นการเดินทางแบบผจญภัย อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ผมไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อย่างน้อยผมก็กล้าที่จะลงมือทำ ท้ายที่สุดจึงอยากขอกำลังใจจากพี่ๆ และเพื่อนๆ ตลอดการล่าฝันในครั้งนี้ด้วยครับ” เจ้าของโปรเจกต์ Tong Rides the World กล่าวสรุป
สำหรับนักบิดที่ชื่นชอบการขี่บิ๊กไบค์และผจญภัยแบบข้ามประเทศ สามารถซ้อนท้ายเกาะติดการเดินทางของตง พร้อมให้กำลังใจได้ที่หน้าแฟนเพจ Tong Rides The World และ TransAsia.route
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ ASTVผู้จัดการ Motoring