จี๊ปตั้งเป้าคัมแบ็คในตลาดโลกอย่างเต็มตัว ประกาศตั้งเป้ายอดขายใหม่ โดยภายในปี 2018 จะต้องมีตัวเลขยอดขายต่อปีในระดับ 1.5 ล้านคัน หรือมากกว่ายอดขายในปี 2009 โดยปัจจัยขับเคลื่อนให้ทะลุเป้าหมายนี้ได้อยู่ที่การเติบโตของตลาดอย่างจีน และอเมริกาใต้
แซร์โจ้ มาร์คิออนเน่ บอสส์ใหญ่ของเฟียต และไครสเลอร์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟียตกล่าวว่า จี๊ปถือเป็นแบรนด์ที่ดูแล้วมีอนาคตสดใสในตลาดโลกมากที่สุดในเครือไครสเลอร์ และเขาเชื่อว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า และทางบริษัทในเปิดเผยแผนระยะ 5 ปีในการคัมแบ็คตลาดโลกของจี๊ปออกมาแล้ว ซึ่ีงแบรนด์นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลก หลังจากที่มีผลผลิตใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับ การใช้งานในชีวิตประจำวันออกวางขายในตลาด
นับจากที่มาร์คิออนเน่เข้ามาดูแลกิจการของไครสเลอร์ในเดือนพฤศจิกายน 2009 จี๊ปเป็นแบรนด์เดียวในเครือนี้ที่ทำยอดขายมากกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้ในแต่ละปี อย่างในปีที่แล้ว จี๊ปมียอดขายเพิ่มเป็น 800,000 คันจากเดิมที่มีตัวเลขแค่ 497,000 คันในปี 2008 และในปีนี้ เขาตั้งเป้าผลักดันให้จี๊ปมียอดขาย
ตามแผนระยะ 5 ปีของจี๊ป การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เป็นสิ่งที่สำคัญ และการเปิดตัวเอสยูวีชนาดซับคอมแพ็กต์อย่าง Renegade ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ ทำให้จี๊ปสามารถเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างขึ้น และเชื่อว่าจะได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดหลัก ที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้อย่างจีน และบราซิล ซึ่งโรงงานในอิตาลี วางแผนผลิตเอสยูวีรุ่นนี้เอาไว้ 150,000 คันต่อปีเลยทีเดียว
นอกจากนั้น ในปลายปี 2015 หลังจากที่เฟียต ไครสเลอร์เริ่มผลิตจี๊ปในจีนตามข้อตกลงกับกลุ่ม Guangzhou Automobile Group จะถือเป็นการเปิดตลาดที่มีโอกาสเพิ่มยอดขายให้กับจี๊ปอย่างมาก และ Renegade จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ จากนั้นในปี 2016 ก็จะเริ่มผลิตรถยนต์รุ่นที่ 2 ซึ่งก็คือ ผลผลิตที่มีรหัสโครงการว่า 551 ตอนที่อยู่โรงงานของเฟียต โดยจะเป็นเอสยูวีไซส์คอมแพ็กต์ ซึ่งเข้ามาแทนที่รุ่น Compass และ Patriot
จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของจี๊ปนอกอเมริกาเหนือ โดยมีตัวเลขยอดขายต่อปี 60,000 คัน ขณะที่สหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ด้วยยอดขาย 490,500 คัน โดยที่ยุโรปอยู่ที่ 24,056 คัน
แซร์โจ้ มาร์คิออนเน่ บอสส์ใหญ่ของเฟียต และไครสเลอร์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟียตกล่าวว่า จี๊ปถือเป็นแบรนด์ที่ดูแล้วมีอนาคตสดใสในตลาดโลกมากที่สุดในเครือไครสเลอร์ และเขาเชื่อว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า และทางบริษัทในเปิดเผยแผนระยะ 5 ปีในการคัมแบ็คตลาดโลกของจี๊ปออกมาแล้ว ซึ่ีงแบรนด์นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลก หลังจากที่มีผลผลิตใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับ การใช้งานในชีวิตประจำวันออกวางขายในตลาด
นับจากที่มาร์คิออนเน่เข้ามาดูแลกิจการของไครสเลอร์ในเดือนพฤศจิกายน 2009 จี๊ปเป็นแบรนด์เดียวในเครือนี้ที่ทำยอดขายมากกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้ในแต่ละปี อย่างในปีที่แล้ว จี๊ปมียอดขายเพิ่มเป็น 800,000 คันจากเดิมที่มีตัวเลขแค่ 497,000 คันในปี 2008 และในปีนี้ เขาตั้งเป้าผลักดันให้จี๊ปมียอดขาย
ตามแผนระยะ 5 ปีของจี๊ป การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เป็นสิ่งที่สำคัญ และการเปิดตัวเอสยูวีชนาดซับคอมแพ็กต์อย่าง Renegade ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ ทำให้จี๊ปสามารถเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างขึ้น และเชื่อว่าจะได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดหลัก ที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้อย่างจีน และบราซิล ซึ่งโรงงานในอิตาลี วางแผนผลิตเอสยูวีรุ่นนี้เอาไว้ 150,000 คันต่อปีเลยทีเดียว
นอกจากนั้น ในปลายปี 2015 หลังจากที่เฟียต ไครสเลอร์เริ่มผลิตจี๊ปในจีนตามข้อตกลงกับกลุ่ม Guangzhou Automobile Group จะถือเป็นการเปิดตลาดที่มีโอกาสเพิ่มยอดขายให้กับจี๊ปอย่างมาก และ Renegade จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ จากนั้นในปี 2016 ก็จะเริ่มผลิตรถยนต์รุ่นที่ 2 ซึ่งก็คือ ผลผลิตที่มีรหัสโครงการว่า 551 ตอนที่อยู่โรงงานของเฟียต โดยจะเป็นเอสยูวีไซส์คอมแพ็กต์ ซึ่งเข้ามาแทนที่รุ่น Compass และ Patriot
จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของจี๊ปนอกอเมริกาเหนือ โดยมีตัวเลขยอดขายต่อปี 60,000 คัน ขณะที่สหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ด้วยยอดขาย 490,500 คัน โดยที่ยุโรปอยู่ที่ 24,056 คัน