หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือน มกราคม ที่ผ่านมา สำหรับ โตโยต้า อัลติส โฉมใหม่ ทางยักษ์ใหญ่ไม่รอช้าเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้มีการทดสอบและสัมผัสทันที ซึ่งทีมงาน เอเอสทีวีผู้จัดการมอเตอริ่ง ได้รายงานการขับขี่กันไปเรียบร้อยแล้ว และล่าสุด โตโยต้า ได้ปล่อยรุ่น ESPORT พร้อมจัดให้ได้ลองทันควันเช่นเคย
แต่ก่อนที่จะไปถึงตัวรถ เรามาทำความรู้จักนิยามคำว่า เอสสปอร์ต (ESPORT) กันก่อน คำนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ของ Corolla Altis เริ่มจากตัว E นั้นย่อมาจากคำว่า Excellent Extreme Exciting ซึ่งจะใช้ตัวอักษร E เพียงอักษรเดียวมาทำการสื่อสารถึงความยอดเยี่ยม ความเป็นที่สุด และความเร้าใจจากภาพลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน คำที่สองมาจากคำวา Sporty แต่ใช้ย่อว่า Sport เพื่อบ่งบอกถึงสมรรถนะความเร้าใจในการขับขี่ทีน่าหลงไหล
ดังนั้น โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต จึงหมายถึงรถยนต์ที่เร้าใจสไตล์สปอร์ต ทั้งดีไซน์และสมรรถนะ ....และนี่คือโจทย์ที่เราต้องไปหาคำตอบกัน
เริ่มจากภายนอก โตโยต้า เติมความดุดันด้วยกระจังหน้าโครเมียมพร้อมแถบ Gun Metallic และเพิ่มความปราดเปรียวด้วย สเกิร์ตที่กันชนหน้า ด้านข้างเพิ่ม สเกิร์ตแบบชิ้นเดียว ขณะที่ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ LED Daytime Running Lights ล้ออัลลอย 17 นิ้วกับยาง มิชลินไพลอต สปอร์ต 3 ขนาด 215/45 R17
ด้านหลังเพิ่มสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 เพิ่มสเกิร์ตที่กันชนท้าย พร้อม Diffuse ลายเคฟล่าร์ และปลายท่อไอเสียโครเมียมแบบสปอร์ต ปิดท้ายด้วยสัญลักษณ์ ESPORT ที่ฝากระโปรงหลัง และเพิ่มครีบจัดระเบียบอากาศใต้ท้องรถ ติดตั้งบริเวณใต้ห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์
ห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยสีดำเพิ่มความสปอร์ตเข้มขึ้น เปลี่ยนเบาะคู่หน้าแบบสปอร์ต เพิ่มความแน่นของเนื้อเบาะ ปีกด้านข้างโอบกระชับร่างกายได้ดีขึ้น 8 % มาพร้อมระบบ WIL Whiplash Injury Lessening และตกแต่งคอนโซลกลางด้วยลายคาร์บอนที่ โตโยต้า เรียกว่า “Cyber Carbon” มาพร้อมพวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนัง พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และ Paddle Shift สำหรับควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ซึ่งจากการเดินสำรวจหน้าตารูปลักษณ์ทั้งด้านนอก ภายใน ของเจ้าเอสสปอร์ต กับอุปกรณ์ตกแต่งที่เพิ่มเติมเสริมความหล่อมาให้ ก็น่าจะผ่าน แม้จะไม่สปอร์ตจิ๊ดจ๊าดมากนักในสายตาผู้เขียน แต่ก็ดูดุดันขึ้น จะติก็ต้องสีนี่แหละ น่าจะมีสีแปร๊ด ๆ ให้เลือกสักหน่อย ที่จำหน่ายอยู่มันดูสุขุมไปนิด หากโตโยต้าต้องการจับกลุ่มวัยรุ่น น่าจะมีสีเปรี้ยว ๆ เพิ่มสักนิด
และจุดที่น่าจะเป็นไฮไลต์ของรถรุ่นนี้คือการปรับช่วงล่างใหม่ทั้งหมดเพิ่มความหนึบ รองรับการขับแบบสปอร์ตได้ดียิ่งขึ้น ด้านหน้าเปลี่ยนสปริงใหม่เพิ่มความแข็งจากรุ่น 1.8 v ประมาณ6 % ตัวสปริงมีขนาดไม่เท่ากันทั้งเส้น เพื่อให้มีน้ำหนักเบาและขนาดเล็ก ขณะเดียวกันคอยล์สปริงด้านหลังเปลื่ยนใหม่ มีความแข็งเพิ่มขึ้นจากรุ่น 1.8 V ประมาณ5 % พร้อมเปลี่ยนช๊อคแอ็บซอร์เบอร์ให้มีความหนึบมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนวาล์วภายใน ปรับจูนความหนึบให้เหมาะสมกับล้อแม๊กเฉพาะรุ่น ขนาด 7X17 นิ้ว นอกจากนี้ยังเพิ่ม Cross Bar ที่ตัวถังบริเวณด้านหลังของเบาะหลัง เพิ่มความแข็งแรงของตัวถัง 30 % ช่วยลดการบิดตัวเมื่อใช้ความเร็วสูง
เรามาลองขับกันดูว่า สมรรถนะจะเร้าใจ สมกับที่โตโยต้ากล่าวไว้ข้างต้นหรือป่าว โดยเส้นทางที่สื่อมวลชน จะวิ่งจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปอำเภอแม่สะเมิง ซึ่งเกือบตลอดเส้นทางมีลักษณะคดเคี้ยวลัดเลาะไปตามภูเขาที่ลาดชัน ..ขบวนเริ่มออกจากจุดสตาร์ท สัมผัสแรกพวงมาลัยให้น้ำหนักการควบคุมกำลังดี อัตราเร่งหรือคลิกดาวน์ก็สามารถเรียกพลังได้ค่อนข้างทันใจ แต่เมื่อเริ่มใช้ความเร็วเพิ่มช่วงขึ้นเขา ทางโค้ง พบว่าช่วงล่างหนึบ และรู้สึกได้ว่าแข็งขึ้นนิดหน่อย การยึดเกาะถนนถือว่าทำได้ดี แต่หากย้อนกลับไปดูคำนิยามของโตโยต้า เอสสปอร์ต ช่วงล่างน่าจะกระด้างมากว่านี้หรือป่าว สำหรับคอคนรักรถสปอร์ต
บวกกับเครื่องยนต์เหมือนกับรุ่นธรรมดา คือ เครื่องยนต์ DOHC Dual VVT-I ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE กำลังสูงสุด 141 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/ นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตรที่รอบต่ำกว่า 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Super CVT-i แบบ gate-type ไม่มีมีการปรับเปลี่ยนในรุ่นเอสสปอร์ตแต่อย่างใด ผู้เขียนคิดว่าถ้าเพิ่มแรงม้า เข้าไปอีกสักนิด อารมณ์การขับขี่น่าจะสนุกมากกว่านี้ เพราะได้มีการปรับช่วงล่างไปแล้ว
อัลติส เอสสปอร์ต จะสปอร์ตโดนใจหรือไม่ก็แล้วมุมมองแต่ละคน แต่ผู้เขียนอยากให้จิ๊ดจ๊าดมากกว่านี้ ทั้งเครื่องยนต์ ชุดแต่ง และ สีรถ จะตอบโจทยคำว่า เอสสปอร์ต ได้เลย ส่วนรุ่นนี้มาพร้อมราคา 899,000 บาท แลกกับชุดแต่ง เข้ม ๆ ทั้งภายใน-ภายนอก บวกช่างล่างหนึบและแข็งขึ้นเล็กน้อย ขับสนุกขึ้นนิดหน่อย ก็โอเค นะ สำหรับคนรักรถสปอร์ตแบบลูกครึ่ง