ข่าวในประเทศ-โยโกฮามาเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ “BluEarth-A (บลูเอิร์ธ เอส)” นำเข้าจากญี่ปุ่น รองรับกลุ่มเก๋งเล็กถึงขนาดกลาง ตั้งเป้าขาย 65,000 เส้น เชื่อดันยอดขายทั้งปี 350,000 เส้น พร้อมชี้ภาพรวมตลาดยางรถยนต์เมืองไทยจะมีปริมาณการขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาหรือประมาณ 10 ล้านเส้น เหตุต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลกระทบทางการเมือง
ซาโตชิ ฟูจิตสึ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวแนะนำยางรถยนต์รุ่นใหม่ “BluEarth-A (บลูเอิร์ธ เอส)” ยางรถยนต์ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี BluEarth อันเป็นแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมของโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิง พร้อมให้การขับขี่ที่นิ่มนวล ภายใต้นวัตกรรม “Noise Controlled Pitch” ที่ให้ความมั่นใจในความเงียบได้ยาวนาน ด้วยการพัฒนาบล็อกดอกยางให้มีระยะของบล็อกที่มีขนาดเล็กลง นอกจากจะช่วยลดเสียงได้ดีแล้ว ยังป้องกันการสึกหรอแบบไม่เรียบ โดยบล็อกดอกยางมีความละเอียดมากถึง 84 บล็อก ช่วยให้ผู้ขับขี่บังคับควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ให้สมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และให้ระยะเบรกที่สั้นกว่าบนถนนเปียก
ทั้งนี้จากผลการทดสอบเปรียบเทียบระยะเบรกระหว่างยางบลูเอิร์ธ เอส กับยาง Earth-1 จากความเร็ว 120 กม.ต่อชม. จนลดลงเหลือ 0 กม.ต่อชม. บนพื้นผิวถนนเปียก ยางบลูเอิร์ธ เอส ให้ระยะเบรกที่สั้นกว่าถึง 20% จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยในการยึดเกาะถนนแม้วันฝนตก
สำหรับยางบลูเอิร์ธ เอส เป็นยางที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น สามารถตอบเทรนด์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ชนทั่วโลกให้ความใส่ใจในปัจจุบัน มีให้เลือกตั้งแต่ขอบ 14-17 นิ้ว หน้ากว้าง 175-245 และซีรี่ส์มีให้เลือกตั้งแต่ 40-65 รวม 30 ขนาด ราคาจำหน่าย 2,125-6,500 บาท ครอบคลุมรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป ตั้งแต่กลุ่มรถซับคอมแพกต์คาร์ถึงกลุ่มรถขนาดมิดไซซ์ซีดาน เช่น Toyota Yaris, Toyota Vios, Toyota New Altis, Toyota Prius, Toyota Camry, Honda City, Honda Jazz, Honda Civic, Honda Accord, Nissan Slyphy, Nissan Teana, Mazda 2 และ Mazda 3 เป็นต้น
“บลูเอิร์ธ เอส ถือเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ของ YOKOHAMA ในปีนี้ ที่จะมาช่วยต่อยอดความสำเร็จในการจำหน่ายยางรถยนต์ของ YOKOHAMA รุ่นต่างๆ ที่วางตลาดไปก่อนหน้า โดยตั้งเป้าจำหน่ายยางบลูเอิร์ธ เอส ไว้ที่ 65,000 เส้น ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ยอดขายรวมของ YOKOHAMA ในปีนี้ตั้งไว้ที่ 350,000 เส้น แบ่งเป็นยางกลุ่มรถยนต์นั่ง 45% กลุ่มยางรถยนต์ SUV รวมกับยางกลุ่มรถปิกอัพและ SUV 45% และรถบัสรถบรรทุกอีก 10% แม้เป้ายอดจำหน่ายในปีนี้จะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา 30,000 เส้นก็ตาม แต่เมื่อวิเคราะห์จากปัจจัยลบและผลกระทบรอบด้าน ถือว่าสมเหตุสมผล หากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น สถานการณ์การเมืองคลี่คลายลงโดยเร็ว ความต้องการของตลาดอาจมีทิศทางการเติบโตดีขึ้นได้ เราอาจจะปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น”
สำหรับนโยบายการทำการตลาดในปี 2557 นอกจากจะขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 360 องศา ที่มีทั้งในรูปแบบ Push, Pull และ Motor Sport Marketing ผ่านการสนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการสำคัญระดับประเทศ อาทิ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2014, โปร.เรซซิ่ง ซีรี่ส์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2014, รายการ D1 Grand Prix Thailand Series 2014 และสนับสนุนนักขับในรายการ Off Road Trophy เพื่อร่วมกันต่อยอดความสำเร็จการดำเนินธุรกิจของเครือข่ายอย่างยั่งยืน และให้สามารถตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่จะดำเนินงานอย่างเข้มข้นตลอดปี 2557 แล้ว YOKOHAMA จะเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาด OEM ร่วมกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยอีกด้วย
ซาโตชิ ฟูจิตสึ ยังกล่าวถึงภาพรวมตลาดยางรถยนต์เมืองไทยในปีนี้ว่า ไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปีนี้ คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองโดยตรง ขณะที่ค่าเงินบาทภาวะเศรษฐกิจที่ยังตกต่ำในปัจจุบัน รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าว และราคายางพารา ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง จากภาวะดังกล่าวนี้ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น
“ช่วงที่ผ่านมาผู้บริโภคจะยืดระยะเวลาในการเปลี่ยนยาง แต่ตราบใดที่รถยนต์ยังเป็นสิ่งจำเป็น ที่สุดแล้วความต้องการของตลาดจะกลับคืนมา นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มรถอีโคคาร์ที่วางตลาดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีปริมาณการขายที่สูงมาก รถกลุ่มนี้ถึงะเวลาที่ต้องเปลี่ยนยาง จะมีส่วนทำให้ตลาดยางทดแทนมีโอกาสทางการขายสูงในปีนี้ เบื้องต้นคาดว่า ตลาดยางรถยนต์เมืองไทยจะมีปริมาณจำหน่ายรวมกันที่ 10 ล้านเส้น ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้ว” ซาโตชิ ฟูจิตสึ กล่าว
ซาโตชิ ฟูจิตสึ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวแนะนำยางรถยนต์รุ่นใหม่ “BluEarth-A (บลูเอิร์ธ เอส)” ยางรถยนต์ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี BluEarth อันเป็นแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมของโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิง พร้อมให้การขับขี่ที่นิ่มนวล ภายใต้นวัตกรรม “Noise Controlled Pitch” ที่ให้ความมั่นใจในความเงียบได้ยาวนาน ด้วยการพัฒนาบล็อกดอกยางให้มีระยะของบล็อกที่มีขนาดเล็กลง นอกจากจะช่วยลดเสียงได้ดีแล้ว ยังป้องกันการสึกหรอแบบไม่เรียบ โดยบล็อกดอกยางมีความละเอียดมากถึง 84 บล็อก ช่วยให้ผู้ขับขี่บังคับควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ให้สมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม และให้ระยะเบรกที่สั้นกว่าบนถนนเปียก
ทั้งนี้จากผลการทดสอบเปรียบเทียบระยะเบรกระหว่างยางบลูเอิร์ธ เอส กับยาง Earth-1 จากความเร็ว 120 กม.ต่อชม. จนลดลงเหลือ 0 กม.ต่อชม. บนพื้นผิวถนนเปียก ยางบลูเอิร์ธ เอส ให้ระยะเบรกที่สั้นกว่าถึง 20% จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยในการยึดเกาะถนนแม้วันฝนตก
สำหรับยางบลูเอิร์ธ เอส เป็นยางที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น สามารถตอบเทรนด์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ชนทั่วโลกให้ความใส่ใจในปัจจุบัน มีให้เลือกตั้งแต่ขอบ 14-17 นิ้ว หน้ากว้าง 175-245 และซีรี่ส์มีให้เลือกตั้งแต่ 40-65 รวม 30 ขนาด ราคาจำหน่าย 2,125-6,500 บาท ครอบคลุมรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป ตั้งแต่กลุ่มรถซับคอมแพกต์คาร์ถึงกลุ่มรถขนาดมิดไซซ์ซีดาน เช่น Toyota Yaris, Toyota Vios, Toyota New Altis, Toyota Prius, Toyota Camry, Honda City, Honda Jazz, Honda Civic, Honda Accord, Nissan Slyphy, Nissan Teana, Mazda 2 และ Mazda 3 เป็นต้น
“บลูเอิร์ธ เอส ถือเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ของ YOKOHAMA ในปีนี้ ที่จะมาช่วยต่อยอดความสำเร็จในการจำหน่ายยางรถยนต์ของ YOKOHAMA รุ่นต่างๆ ที่วางตลาดไปก่อนหน้า โดยตั้งเป้าจำหน่ายยางบลูเอิร์ธ เอส ไว้ที่ 65,000 เส้น ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ยอดขายรวมของ YOKOHAMA ในปีนี้ตั้งไว้ที่ 350,000 เส้น แบ่งเป็นยางกลุ่มรถยนต์นั่ง 45% กลุ่มยางรถยนต์ SUV รวมกับยางกลุ่มรถปิกอัพและ SUV 45% และรถบัสรถบรรทุกอีก 10% แม้เป้ายอดจำหน่ายในปีนี้จะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา 30,000 เส้นก็ตาม แต่เมื่อวิเคราะห์จากปัจจัยลบและผลกระทบรอบด้าน ถือว่าสมเหตุสมผล หากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น สถานการณ์การเมืองคลี่คลายลงโดยเร็ว ความต้องการของตลาดอาจมีทิศทางการเติบโตดีขึ้นได้ เราอาจจะปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น”
สำหรับนโยบายการทำการตลาดในปี 2557 นอกจากจะขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 360 องศา ที่มีทั้งในรูปแบบ Push, Pull และ Motor Sport Marketing ผ่านการสนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการสำคัญระดับประเทศ อาทิ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2014, โปร.เรซซิ่ง ซีรี่ส์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2014, รายการ D1 Grand Prix Thailand Series 2014 และสนับสนุนนักขับในรายการ Off Road Trophy เพื่อร่วมกันต่อยอดความสำเร็จการดำเนินธุรกิจของเครือข่ายอย่างยั่งยืน และให้สามารถตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่จะดำเนินงานอย่างเข้มข้นตลอดปี 2557 แล้ว YOKOHAMA จะเพิ่มความเข้มข้นในการทำตลาด OEM ร่วมกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยอีกด้วย
ซาโตชิ ฟูจิตสึ ยังกล่าวถึงภาพรวมตลาดยางรถยนต์เมืองไทยในปีนี้ว่า ไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปีนี้ คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองโดยตรง ขณะที่ค่าเงินบาทภาวะเศรษฐกิจที่ยังตกต่ำในปัจจุบัน รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าว และราคายางพารา ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง จากภาวะดังกล่าวนี้ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น
“ช่วงที่ผ่านมาผู้บริโภคจะยืดระยะเวลาในการเปลี่ยนยาง แต่ตราบใดที่รถยนต์ยังเป็นสิ่งจำเป็น ที่สุดแล้วความต้องการของตลาดจะกลับคืนมา นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มรถอีโคคาร์ที่วางตลาดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีปริมาณการขายที่สูงมาก รถกลุ่มนี้ถึงะเวลาที่ต้องเปลี่ยนยาง จะมีส่วนทำให้ตลาดยางทดแทนมีโอกาสทางการขายสูงในปีนี้ เบื้องต้นคาดว่า ตลาดยางรถยนต์เมืองไทยจะมีปริมาณจำหน่ายรวมกันที่ 10 ล้านเส้น ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้ว” ซาโตชิ ฟูจิตสึ กล่าว