ตลาดรถยนต์เมืองไทยตลอดปีที่ผ่านมา แม้จะทำยอดขายได้ระดับ 1.2 -1.3 ล้านคัน แต่ทว่าสถานการณ์ในภาพรวมถือว่าระส่ำ จากอาฟเตอร์ช็อกของโครงการรถยนต์คันแรกที่เล่นเอาหลายค่ายพลิกตำรารับแทบไม่ทัน ซึ่งการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว มีผลโดยตรงต่อการวางแผนผลิต การวางกลยุทธ์การขาย รวมถึงช่วงเวลาในการแนะนำรถยนต์เข้าสู่ตลาด
อย่างไรก็ตามรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทยอยเปิดตัวตลอดปี 2556 หลายรุ่นมีความน่าสนใจให้พูดถึง ทั้งในแง่การพัฒนากว่าจะมาเป็นตัวขายจริง ตลอดจนสมรรถนะการขับขี่ ความคุ้มค่าน่าใช้...และนี่เป็น 5 รถยนต์รุ่นเด่นแห่งปี ที่แยกตามความถูกใจในแบบฉบับของ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง”
รถใหม่น่าใช้....โตโยต้า วีออส
ต้องยอมรับว่าตลอดปีที่ผ่านมาเป็นปีของรถยนต์นั่ง เพราะในส่วนของปิกอัพนับว่ามีความเคลื่อนไหวน้อย(ปล่อยของไปหมดแล้ว) ซึ่ง “โตโยต้า วีออส” เป็นหนึ่งในรถยนต์ยอดฮิตของคนไทย และรุ่นใหม่เจเนอเรชัน 4 ก็สร้างความฮือฮาตั้งแต่การเปิดขายด้วยโบร์ชัวร์แผ่นเดียว
ก่อนการขอใช้สิทธิ์ในโครงการรถยนต์คันแรกจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป เดือนพฤศจิกายน โตโยต้าแจ้งดีลเลอร์และลูกค้าว่า “วีออส รุ่นใหม่” ที่กำลังจะเปิดตัวมี 9 รุ่นย่อย วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ราคาเริ่มต้น 5.59-7.34 แสนบาท ได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวแล้ว นั่นหมายถึงหากลูกค้าจองโดยยังไม่ได้เห็นรถคันจริง(ในวันนั้น) ก็มีสิทธิ์ได้เงินภาษีคืนเต็ม 100,000 บาท
นั่นเป็นเรื่องเดินเกมเหนือเมฆของโตโยต้า ขณะที่รถคันจริงกว่าจะได้เห็นต้องรอถึงงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2013 ส่วนการส่งมอบต้องรอถึงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา
ในแง่ของการขับขี่ “วีออส ใหม่” อาจจะได้ชื่อว่าเปลี่ยนแค่กระดองตัวถัง เพราะเครื่องยนต์และเกียร์ยังเป็นชุดเดิมเหมือนโฉมก่อนหน้า เจเนอเรชันที่ 3 (และโฉมก่อนหน้า เจเนอเรชัน2) แต่บล็อก 1NZ-FE ขนาด 1.5 ลิตร 109 แรงม้า ก็พัฒนาให้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 4 เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ปรับสมองกลใหม่ให้สั่งงานหรือทำการเปลี่ยนเกียร์ได้สอดคล้องกับรอบเครื่องยนต์มากขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้สเปกดูโบราณ แต่หลังจากการลองขับ ผู้เขียนว่าขุมพลังขับเคลื่อนชุดนี้สามารถสู้กับคู่แข่งได้สบาย ทั้งในแง่สมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน โดดเด่นด้วยพละกำลังไหลลื่น ช่วงล่างแน่น การบังคับควบคุมเนียนกว่าเดิม เช่นเดียวกับระบบเบรกที่สัมผัสแม่นยำ และมั่นใจมากขึ้น
***เก๋งกลางน่าซื้อ...นิสสัน เทียน่า
ปีนี้รถยนต์นั่งขนาดกลาง หรือดี-เซกเมนต์ พร้อมใจเปิดตัวใหม่สองรุ่นคือ “ฮอนด้า แอคคอร์ด” กับ “นิสสัน เทียน่า” โดยรุ่นแรกเปิดตัวก่อนในวันที่ 11 มีนาคม ส่วนรุ่นหลังจัดงาน 21 ตุลาคมที่ผ่านมา
สำหรับรถยนต์ระดับดี-เซกเมนต์ เจ้าตลาดยังต้องยกให้ “โตโยต้า คัมรี่” มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 2.5 ลิตร และ 2.5 ไฮบริด แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสมรรถนะและจุดเด่น ทั้งสามรุ่นก็มีความต่างกันไป และที่ผู้เขียนยกให้ “เทียน่า” เป็นรุ่นที่น่าซื้อ เพราะถ้าเทียบสเปก ออปชัน สมรรถนะ ในรุ่นเครื่องยนต์เดียวกัน(ไม่นับไฮบริด) รถธงของนิสสันจัดมาเต็มจริงๆ
“เทียน่า ใหม่” รหัส L33 แบ่งการทำตลาดเป็น 5 รุ่นย่อย สองทางเลือกเครื่องยนต์คือ MR20DE ขนาด 2.0 ลิตร บล็อกเดิม กับ QR25DE ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ ซึ่งมาแทนรหัส VQ25DE แบบ 6 สูบเดิม สนนราคา 1.27 -1.62 ล้านบาท
บุคลิกโดยรวมขับขี่สปอร์ตหนักแน่นมากขึ้น ช่วงล่างหนึบและการเก็บเสียงถือเป็นจุดเด่น เว้นเสียแต่การนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังไม่ถือว่าสบายเหนือคู่แข่ง ขณะที่ออปชันอัจฉริยะและระบบความปลอดภัยมาตรฐานจัดเต็มมาตั้งแต่รุ่นล่าง ในภาพรวมถือว่าเทียน่าเป็นรถที่ให้ความคุ้มค่าดีทีเดียว
เอสยูวีน่าขับ...มาสด้า ซีเอ็กซ์-5
พูดถึงกันมานานอย่างน้อยสองปี กว่าที่รถคันจริงจะข้ามน้ำผ่านทะเลมาจากโรงงานผลิตประเทศมาเลเซีย เพื่อขายในประเทศไทย พร้อมเปิดตัวไปเมื่อ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เป็นเอสยูวีระดับคอมแพคต์ มาพร้อมเทคโนโลยี“สกายแอคทีฟ” ไม่ว่าจะเป็น ตัวถัง ช่วงล่าง เกียร์ เครื่องยนต์ ล้วนสอดประสาน หวังลดอัตราบริโภคน้ำมัน ปล่อยไอเสียน้อย แถมให้สมรรถนะการขับขี่เป็นเลิศ ตามสไตล์ “ซูม-ซูม” ขับสนุกของมาสด้า
การทำตลาดในเมืองไทยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร2.5 ลิตร และดีเซล 2.2 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งผู้เขียนได้ลองขับมาครบทุกรุ่น พบว่าบุคลิกไม่ได้สปอร์ตดุดันเหมือนรถยนต์รุ่นอื่นๆของค่าย อย่างดีเซล 175 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร สมรรถนะการขับขี่ออกแนวนุ่มนวล ไม่มุทะลุดุดัน ขณะที่รุ่นเบนซิน 2.5 แอบแรง แต่รุ่น 2.0 การตอบสนองก็ไม่ได้ขี้เหร่
โดยสรุป ซีเอ็กซ์-5 เป็นเอสยูวีขับขี่คล่องแคล่ว นั่งสบาย พร้อมรูปลักษณ์โดดเด่น น่าจะโดนใจกลุ่มคนรักครอบครัวได้ไม่ยาก
พยายามที่สุด...ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ พลัส4
เป็นรางวัลพิเศษที่มอบให้กับความพยายามพัฒนาปิกอัพดัดแปลงของ “ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์” ล่าสุดโมเดลปี 2013 เปิดตัว “ทีอาร์ ทรานส์ฟอร์เมอร์ พลัส4” เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 163 แรงม้า (ของโตโยต้า วีโก้) เกียร์อัตโนมัติ แต่ด้วยเหตุผลด้านภาษี จึงตีตัวถังให้เป็นดับเบิลแค็บมีท้ายกระบะ ต่างจากทรานส์ฟอร์เมอร์รุ่นเกียร์ธรรมดาที่เป็นหลังคาแข็งแบบเอสยูวี
โดยทรานส์ฟอร์เมอร์ พลัส4 เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1.59 ล้านบาท ส่วนทรานส์ฟอร์เมอร์ เกียร์ธรรมดา ราคา 1.485 ล้านบาท ซึ่งใครชอบความเท่สไตล์ฮัมเมอร์ของอเมริกาจะลองอุดหนุนคนไทยสักคันก็ได้ แต่ซื้อไปแล้วคงต้องไปปรับปรุงช่วงล่าง และเบรกใหม่ ถึงจะขับได้มั่นใจ
น้ำตาเล็ดที่สุด...“สเตปแวกอน สปาด้า ไมเนอร์เชนจ์”
ปิดท้ายด้วยอีกรางวัลพิเศษ ที่ยกให้“สเตปแวกอน สปาด้า” ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากน้ำท่วมปี 2554 เพราะฮอนด้าตัดสินใจนำเข้ามาจากญี่ปุ่น หวังทำตลาดในวันที่รถในประเทศผลิตไม่ได้ ซึ่งเอ็มพีวีรุ่นดังเปิดราคาเอาไว้ 2.174 ล้านบาท
ถัดมาเพียงปีเดียว “สเตปแวกอน สปาด้า” ถึงคิวไมเนอร์เชนจ์ ปรับโฉมให้ดูสปอร์ตเข้มด้วยกระจังหน้าโครเมียมรมดำ โคมไฟหน้ารมดำ ใช้ไฟหรี่แบบหลอดLED ชุดไฟท้ายหลอดLED สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบLED แถมติดตั้งหลังคาแก้ว Skyroof มาให้ แต่ราคากลับลดลง 2.15 แสนบาท ด้วยการเคลมว่ารถใหม่รองรับแก๊สโซฮอล์ อี20 จึงได้ลดภาษีสรรพสามิต ส่งผลให้ราคาขายถูกลง
โดยสเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ รุ่นท็อป EL ราคา 1.959 ล้านบาท มาพร้อมเบาะหนังและพื้นห้องโดยสารแบบลามิแนต ส่วนรุ่น E เสริมไลน์เข้ามาใหม่ราคา 1.899 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เบาะผ้าและพื้นห้องโดยสารเป็นพรม
สเตปแวกอน สปาด้า มีรูปลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว อเนกประสงค์ด้วยประตูสไลด์ไฟฟ้าด้านข้างซ้าย-ขวา ขึ้น-ลงสะดวก เบาะก็นั่งสบาย ด้านเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 150 แรงม้า ประกบ เกียร์ CVT ตอบสนองการขับขี่ได้ดีพอสมควร....เพียงแต่ว่าคนที่ซื้อรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ไป ตอนนี้อาจจะยังนั่งน้ำตาซึมอยู่ แค่นั้นเอง