ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “มิว-เอ็กซ์” รถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดของอีซูซุ ฮอตจริง จริง เพราะเพียงแค่ 10 วัน ฟันยอดจองถึง 5,000 คัน หลังจากเปิดตัว และหากนับวันเพิ่มจนถึงปัจจุบัน คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเลยยอดจองจะพุ่งทะยานไปเกือบหมื่นก็น่าจะไม่เกินความจริง
หลังการเปิดตัวในไทยไม่นาน ทางบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ก็ได้เชิญสื่อมวลชนไทย ร่วมทดสอบรถอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ณ สนามทดสอบรถอีซูซุ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
แต่ก่อนจะรายงานการทดสอบ มาทำความรู้จักกับ มิว-เอ็กซ์ แบบฉบับย่อกันก่อน (รายละเอียดเต็ม นำเสนอไปแล้ว)
อีซูซุมิว-เอ็กซ์ มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว เร้าใจ สไตล์สปอร์ตและที่พิเศษคือ Super Daylight ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน มาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป ไฟหน้าแบบ PROJECTOR ที่ออกแนวเส้นรับกับกระจังหน้าแบบ 3-DIMENSION นอกจากนี้ทุกเส้นสายดีไซน์เฉพาะตัว รูปทรงลู่ลม ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Cd) เพียง 0.4 ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน แถมมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.7 เมตร เทียบเท่ารถยนต์นั่งขนาดกลาง
ด้านท้ายออกแนวโค้งมน ไฟท้ายแบบ ARC-DIMENSION ติดกล้องมองหลังแบบบิวท์-อิน ด้านบนติดตั้งเสาอากาศ DUAL FUNCTION แบบ SHARK FIN พร้อมรับได้ทั้งสัญญาณวิทยุและระบบนำทาง นอกจากนี้ยังมี ROOF RAIL เอาไว้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางสามารถบรรทุกสัมภาระสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งยึดของ ROOF RACKได้อย่างอิสระ พร้อมล้อแม็กซ์ 17 นิ้ว
ขณะที่ภายในดูโออ่า หรูหรา พิถีพิถัน ใช้สีแบบทูโทน ที่นั่งด้านคนขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมพนักพิงศีรษะดีไซน์ซ่อนรูป เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดครบทั้ง 7 ที่นั่ง แถมมีช่องแอร์ครบ 3แถว พร้อมปุ่มควบคุมแยกตอนหน้า-หลัง ระบบปรับพับเบาะแบบ ONE ACTION โดยสามารถพับเบาะทั้งตอน 2 และตอน 3 ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกุญแจอัจฉริยะ
รถครอบครัวคันนี้มากับระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ ทั้งเครื่องเล่น DVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง i-Genii จอมอนิเตอร์บนเพดานแบบ BUILT-IN ขนาด 10.5 นิ้ว ระบบเสียง SURROUND SOUND ลำโพง 8 ทิศทาง
อีซูซุมิว-เอ็กซ์ มาพร้อมกับ 2 เครื่องยนต์คือ Ddi 3.0 พร้อม VGS Turbo ขุมพลัง 177 แรงม้า ที่ 3,600รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที และเครื่อง Ddi 2.5 พร้อม VGS Turbo ขุมพลัง 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ REV TRONIC
ขณะที่ช่วงล่างมีการออกแบบพิเศษ โดยพัฒนาขึ้นจาก 2 แนวคิด นั่นคือ แนวคิด LINEAR HANDLING ให้เสถียรภาพการทรงตัว และการบังคับควบคุมที่แม่นยำ เกาะถนน ทรงตัวดีเยี่ยม เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจในทุกช่วงความเร็ว ผสานกับแนวคิด FLAT RIDING เน้นประสิทธิภาพในการรับแรงสะเทือน เพื่อความนิ่งของตัวรถแม้ผ่านสภาพทางขรุขระ ให้ความนุ่มนวลสูงสุดในการโดยสาร
ช่วงล่างเป็นแบบคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ โดยด้านหลังเป็นแบบ 5-LINK SUSPENSION พร้อม STABILIZER BAR เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้อารมณ์การขับขี่ดีขึ้นกว่าเดิมชัดเจน
สำหรับสนามทดสอบ วาคัม บนเกาะฮอคไกโด ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้สื่อมวลชนไทยลองขับเป็นสนามที่รองรับการวิจัยและทดสอบหลักของรถยนต์อีซูซุทุกรุ่น ทั้งรุ่นเล็กและรถใหญ่ มีพื้นที่รวม 2,760 ไร่ ใกล้เคียงกับสนามบินนาริตะ สนามแห่งนี้มีสถานีทดสอบ 5 สถานีคือ 1.การทดสอบความเร็วสูง 2. การทดสอบการขับขี่ทางตรง 3. การขับขี่บนพื้นผิวเสียดทานต่ำ 4. การขับขี่บนพื้นผิวพิเศษ เช่น เบลเยียม โรล 5. เส้นทางวิบาก มีพนักงานรวม 155 คน และผู้เกี่ยวข้องอีก 12 คน เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี 2522
การทดสอบครั้งนี้อาจจะบอกอะไรได้ไม่มากนัก เพราะแต่ละสนามทดสอบมีโอกาสสัมผัสเพียงน้อยนิด โดยอีซูซุ กำหนดการทดสอบออกเป็น 3 ส่วน หลัก คือ 1. การทดสอบความเร็ว 2.การทดสอบความนุ่มนวลของช่วงล่างบนทางลูกคลื่นและทางขรุขระ ทั้งทางวิ่งแบบอิฐบล็อก ทางฝุ่น และเนินสูง และ3.ทดสอบการบังคับ การควบคุม บนเส้นทางคดเคี้ยว การเข้าโค้งด้วยความเร็ว เพื่อดูถึงการทรงตัว การเกาะถนน และการทำงานระบบช่วยเหลือต่างๆ เช่น ESC ช่วยในการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ป้องกันการลื่นไถลขณะออกตัว
การทดสอบความเร็วในสนามรูปวงรี ความยาว 5 กม. ออกแบบโค้งปลายทางตรงให้เป็นเนินเอียงลดหลั่นกันไป โดยช่วงบนสุดหรือเลนขวาเอียง 42 องศา รองรับความเร็วได้ 200 กม./ชม. เลนกลาง 160 กม./ชม. สถานีนี้สามารถที่จะกดความเร็วค้างไว้ได้ตลอดเวลา และเมื่อถึงทางโค้ง ความเอียงของสนามจะทำให้รถวิ่งในช่องทางโดยที่ไม่ต้องหมุนพวงมาลัยเลยด้วยซ้ำไป
ทางสนามกำหนดให้เราใช้ได้แค่ระดับสอง คือเลนกลางและจำกัดความเร็ว150 ซึ่งการไต่ระดับความเร็วไปที่ 150 ไม่ใช้เรื่องยาก แค่อึดใจเดียว บวกกับพวงมาลัยควบคุมง่าย แม่นยำ ยิ่งในย่านความเร็ว ก็แค่ประคองพวงมาลัยอย่างเดียว ก็ฉลุย มีเพื่อนสื่อบางท่านแหกกฎนิดหน่อยไต่ไปที่ 180 ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ว่า ส่วนการออกตัวก็ถือว่าทำได้รวดเร็ว ทันใจ โดยเฉพาะเครื่อง 3.0 ลิตร จะดีกว่า 2.5 ลิตร เครื่องยนต์มีเสียงดังนิดหน่อย แต่ก็เบากว่ารุ่นเก่า ในสนามนี้ทีมงานให้พวกเราวิ่งได้ 2 รอบ
เส้นทางที่สอง เป็นการขับบนเส้นทางขรุขระ ซึ่งมีหลายแบบ ทั้งทางวิ่งแบบอิฐบล็อก ทางฝุ่น ทางเนินสูงระนาด ทางลูกคลื่น ทั้งคลื่นที่ล้อซ้าย-ขวา ผ่านพร้อมกัน และสลับกันซ้าย-ขวา ซึ่งก็ต้องยอมรับครับว่า มิว-เอ็กซ์ ทำช่วงล่างรองรับตรงนี้ได้ดี ดูดซับแรงสั่นสะเทือนดีทีเดียว นั่งนุ่ม นิ่ม หนึบ โดยเฉพาะแถว 3 ไม่กระแทกกระเทือน นุ่มกว่าตัวเก่า นั่งสบาย
ส่วนการทดสอบเส้นทางคดเคี้ยว ทางสนามขอสงวนสิทธิ์ ขับให้พวกสื่อมวลชนนั่งอย่างเดียว ซึ่งก็พอจะจับอารมณ์ได้ว่า การโยนของตัวถังมีให้รู้สึก แต่รถก็ยังคงรักษาการยึดเกาะถนน การทรงตัวได้ดี ตอนเข้าโค้งคนนั่งจะเสียว ๆ บ้าง แต่คนขับมั่นใจมากในการควบคุม การขับขี่ในทุกช่วงความเร็วโดยเฉพาะตอนเข้าโค้ง ไม่ลื่นไถล ผู้เขียนแอบมองอัตราความเร็วที่คนขับใช้อยู่ในช่วงนั้นประมาณ 100 กว่า
สรุป มิว-เอ็กซ์ มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ 4 สี ราคา 1,014,000-1,401,000 บาท ซึ่งราคาในตัวท็อปถูกกว่าคู่แข่งที่อยู่ในตลาด บวกกับความใหม่ สด และดีไซน์ภายนอก ภายใน ที่ใครหลายคนเห็นแล้วชอบ ส่วนช่างล่างที่ปรับปรุงใหม่หมด ถือว่าดีที่สุดในรถประเภทพีพีวีที่มีอยู่ขณะนี้ก็ว่าได้ และที่สำคัญฐานล้อ(ช่วงระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง) ที่สั้นสุด จึงทำให้การขับขี่คล่องตัวกว่าเยอะ เหนืออื่นใดที่นั่งแถว 3 สูงขึ้นกว่าข้างหน้าทำให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ และหากวิ่งทางไกล จะทำให้อาการวิงเวียนศีรษะ น้อยลง ส่วนการพับเบาะที่นั่งสามารถปรับได้แบบราบเรียบ เลยทีเดียว
ความโดดเด่นดังกล่าวแลกกับราคา 1,401,000 บาท ถือว่าคุ้ม หากต้องการรถครอบครัวสักคันหนึ่ง ที่สำคัญการบริการหลังการขายยี่ห้อนี้ถือว่าดูแลลูกค้าได้ประทับใจ เช่นเดียวกับราคาขายต่อ หายห่วง ... ถึงบรรทัดนี้ ผู้อ่านคงต้องตัดสินใจเองแหละครับ