กระแสการเปิดประชาคมอาเซียนกำลังมาแรง ทำให้ธุรกิจหลากหลายในไทยเริ่มสยายปีกสู่ประเทศต่างๆ ในอาเซียน เช่นเดียวกับ “ลามิน่า” (Lamina) ฟิล์มกรองแสงรายใหญ่แบรนด์ของคนไทย ภายใต้มาตรฐานการผลิตของซีพีฟิล์มอิงค์ สหรัฐอเมริกา ได้ขยับก้าวรุกสู่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ประเดิมบุกตลาดสปป.ลาวแห่งแรก ซึ่งการเปิดตลาดครั้งนี้และต่อจะเป็นอย่างไร? มาฟังคำตอบจาก “จันทร์นภา สายสมร” กรรมการผู้จัดการบริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ลามิน่าในไทย และ “อนุชิต สังเวียน” ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายในประเทศลาว…
เหตุผลในการเข้ามาทำตลาดในสปป.ลาว
จันทร์นภา - ฟิล์มกรองแสงลามิน่าชาวลาวรู้จักมานานเป็น 10 ปีแล้ว ทั้งจากสื่อต่างๆ ของไทยที่รับได้ในลาว หรือจากประสบการณ์การใช้งานของคนลาวเอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการนำเข้าฟิล์มของผู้ประกอบการลาวจากร้านค้าไทยตามแนวชายแดน หรือนำรถข้ามแดนไปติดตั้งในไทยด้วยตัวเอง ประกอบกับอัตราการเติบโตของตลาดรถนยต์ลาวสูงมากปีละ 15-20% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจ แต่สิ่งสำคัญอยากให้ชาวลาวได้รับบริการต่างๆ คุณภาพ และมาตรฐานการติดตั้งเหมือนกับในไทย จึงตัดสินใจเข้ามาทำตลาด โดยแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย หรือดิสทริบิวเตอร์ บริษัท แอลเอ็มแอล จำกัด บริหารโดยคุณอนุชิต สังเวียน ในการเป็นดูแลฟิล์มลามิน่าในสปป.ลาว
อนุชิต - ตลาดรถยนต์ในสปป.ลาวแม้จะเป็นช่วงเริ่มต้น มีการนำเข้ารยถนต์ปีที่ผ่านมากว่า 25.000 คัน คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 คัน และเพิ่มเป็น 33,000 คัน ในปี 2557 นอกจากนี้ชาวลาวที่มีรถยนต์เขามีศักยภาพในการติดตั้งฟิล์มกรองแสงลามิน่าอยู่แล้ว แม้ราคาจะสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่นำเข้ามาทำตลาดก็ตาม
เป้าหมายของลามิน่าในการทำตลาดครั้งนี้
จันทร์นภา - ตัวเลขยอดขายรถยนต์อาจจะไม่มาก แต่หากดูอัตราการเติบโตนับว่าสูงมาก ซึ่งชาวลาวเองรู้จักและให้ความเชื่อมั่นต่อฟิล์มลามิน่ามายาวนานนับสิบปีแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญในการเข้ามาทำตลาด ลามิน่าต้องการให้ชาวลาวได้รับการบริการและมาตรฐานการติดตั้งฟิล์มเหมือนกับในไทย จากตัวแทนจำหน่ายในลาวที่ได้รับแต่งตั้ง และผ่านการฝึกอบรมโดยตรง ไม่ใช่จากผู้ประกอบการลาวที่นำฟิล์มเข้ามาติดตั้งให้ ซึ่งอาจจะไม่ได้รับมาตรฐานหรือคุณภาพเหมือนกัน ทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ ขณะที่เรื่องเป้าหมายยอดขายเบื้องต้นที่ทำตลาดจริงจังในปี 2557 น่าจะสามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาด หรือมาร์เก็ตแชร ได้ไม่น้อยกว่า 20% หรือคิดเป็นรายได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท
อนุชิต - แอลเอ็มแอลจะเป็นผู้แต่งตั้งตัวแทนขาย หรือศูนย์บริการติดตั้งมาตรฐานฟิล์มลามิน่าทั้งหมดในลาว ซึ่งปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งไปแล้วทั้งหมด 7 แห่ง ในนครหลวงเวียงจันทน์ และจะเดินหน้าขยายศูนย์บริการออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 10 แห่งในสิ้นปีนี้ และเป็น 15 แห่งในปี 2557 ด้วยการขยายไปยังแขวงสำคัญอย่าง ปากเซ-จำปาสัก, สุวรรณเขต, คำม่วน และหลวงพระบาง
การควบคุมฟิล์มลามิน่าจากไทยมาสู่ลาว
จันทร์นภา - บริษัทฯ กับตัวแทนจำหน่ายในไทยมีสัญญากันอยู่แล้ว ในการไม่อนุญาตให้ขายฟิล์มเป็นม้วนไปยังที่ต่างๆ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเป็นทางการ และประกอบกับความนิยมของชาวลาว จึงทำให้มีการนำฟิล์มลามิน่าเข้ามายังลาว โดยที่ไม่ได้มีการเปิดเผยแหล่งการนำเข้ามา แต่จากนี้ไปคงจะต้องมีการร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางแอลเอ็มแอล ซึ่งจะเป็นผู้ตรวจสอบฟิล์มมาจากไหน หรือย่างไร และแจ้งกับบริษัทเทคโนเซลฯ เพื่อไปคุยกับตัวแทนจำหน่ายในไทย ในการทำให้เกิดความเข้าใจและห้ามส่งม้วนฟิล์มข้ามเขตอีก
กลยุทธ์และการสนับสนุนในการทำตลาด
จันทร์นภา - แน่นอนย่อมต้องเป็นเรื่องบริการก่อนและหลังการขาย โดยเฉพาะการติดตั้งฟิล์มที่ได้มาตรฐานเช่นเดียวกับในไทย รวมถึงการสนับสนุนด้านราคา หรือแคมเปญต่างๆ รวมถึงประสบการณ์การทำตลาดในไทย ที่จะถูกถ่ายทอดและนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับชาวลาว ขณะที่ราคาจำหน่ายจะเหมือนกับในไทย แต่จะได้รับการประกันที่ดีกว่าจากการข้ามไปติดฝั่งไทย หรือศูนย์บริการที่ไม่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัทฯ
อนุชิต - จะมีการจัดแคมเปญ รวมถึงโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ชาวลาวรับรู้ และสื่อโฆษณาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หรือป้ายตามจุดต่างๆ จะมีการบ่งบอกให้รู้ว่านี่เป็นฟิล์มลามิน่าประเทศลาว เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นโฆษณาฟิล์มลามิน่าของไทย
แผนการขยายแบรนด์ลามิน่าสู่ประเทศอื่นๆ
จันทร์นภา - ปัจจุบันฟิล์มที่ผลิตโดยบริษัทซีพีฟิล์มอิงค์ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีตัวแทนจำหน่ายอยู่กว่า 100 ประเทศทั่วโลก และในอาเซียนมีตัวแทนเกือบหมดแล้ว จึงเป็นมารยาทที่เทคโนเซล์ เฟรย์ จะไม่เข้าไปทำตลาด ยกเว้นประเทศที่ยังไม่มีตัวแทนของซีพีฟิล์มอิงค์ อย่างสปป.ลาวที่เข้ามาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้ว หรือประเทศกัมพูชา และพม่า ที่กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการทำตลาดอยู่