ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสาน นับว่าเป็นตลาดที่ศักยภาพสูงรองลงมาจากกรุงเทพฯและปริมณฑล จากจำนวนประชากรและพื้นที่ขนาดใหญ่ ยิ่งมีชายแดนติดกับหลายประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เป็นประตูสำคัญทางการค้าขาย หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เหตุนี้มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย ภายใต้การนำของ “โนบุยูกิ มูราฮาชิ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ จับมือดีลเลอร์รายใหญ่ในภาคอีสาน ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ต่อตลาดรถยนต์ในภาคอีสาน ซึ่งน่าสนใจทีเดียว…
“อีสานเป็นตลาดที่ใหญ่รองจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล มียอดขายประมาณ 2 แสนคันต่อปี จากจำนวนประชากรมากกว่า 21 ล้านคน และมีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีการปลูกสินค้าเกษตรจำนวนมาก และปัจจุบันยังได้ขยายการปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ๆ อย่างยางพารา ทุเรียน และลำไย ที่สำคัญมีพื้นที่ติดกับประเทศลาว และกัมพูชา เป็นประตูเส้นทางขนส่งทางการค้าผ่านสู่ประเทศเวียดนาม และจีน โดยเฉพาะแผนการเปิดเส้นทางคมนาคมต่างๆ รับเออีซี รวมถึงการผลักดันนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ส่งผลให้เกิดการลงทุนและจ้างงานมากขึ้น ทำให้อีสานเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมากในอนาคต” มูราฮาชิ กล่าว
โดยในช่วงที่ผ่านมาตัวเลขยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ ในอีสานมีการขยายตัวมาก มีส่วนแบ่งทางการตลาด หรือแชร์ กว่า 7% ในปี 2555 เพิ่มเป็น 11.16% ในปีนี้(ม.ค.-ส.ค.) ที่มียอดขายทั้งสิ้น 14,599 คัน หรือมากกว่าตลอดทั้งปี 2554 เกือบเท่าตัว ซึ่งนอกจากปัจจัยการขยายตัวของตลาดในช่วงที่ผ่านมา ยังมาจากมิตซูบิชิได้ขยายเครือข่ายในภาคอีสาน จากจำนวน 34 แห่ง จากปี 2554 เพิ่มเป็น 45 แห่งในปี 2556 รวมถึงการนำนโยบายการเปิดโชว์รูมขนาดเล็ก เพื่อเจาะเข้าไปยังระดับอำเภอต่างๆ อีกด้วย เพื่อรองรับศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอีสานในอนาคต
ศุภชัย ลิ้มวัฒนาพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์ จำกัด (ขอนแก่น, กาฬสินธ์ และมุกดาหาร)
“ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางของเมืองข้าราชการ สถาบันการศึกษา และเกษตร ปัจจุบันยังมีภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก และชุมชนเมืองขยายตัวรวดเร็ว ซึ่งมิตซูบิชิมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองได้ทุกกลุ่ม จึงทำให้ทิศทางในอนาคตมีศักยภาพการเติบโตสูง แต่เมื่อขายรถไปมากๆ ต้องกลับมามองหลังบ้าน นั่นคือการบริการหลังการขาย ซึ่งเราถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นนโยบายหลัก จึงเตรียมพร้อมเปิดศูนย์ฝึกอบรมที่ขอนแก่น และแผนกเคาะพ่นสี เพื่อรองรับลูกค้าได้ครบวงจร ขณะที่การจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ จะเน้นรายละเอียดมากขึ้น”
ในส่วนของความเสี่ยงอย่างราคาพืชผลทางเกษตร แน่นอนมีความผันผวนบ้าง แต่ยังไงรัฐบาลต้องเข้ามาดูแลไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ขณะที่อุตสาหกรรมต่างๆ ในขอนแก่น ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล หรือไฟฟ้า ยังคงเติบโตได้ดี และโดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดเออีซี
กิตติพงษ์ สกุลคู กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูเจียงหนองคาย จำกัด (หนองคาย, อุดรธานี และบึงกาฬ)
“อุดรธานี หนองคาย และบึงกาฬ เป็นประตูสู่ประเทศลาว ซึ่งนอกจากเศรษฐกิจมาจากสินค้าผลิตผลทางการเกษตร ยังมาจากการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งมีการเปิดเออีซีจะทำให้การค้าขายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงแผนการลงทุนของรัฐบาลเกี่ยวกับระบบขนส่งต่างๆ ตรงนี้จะทำให้บรรดารถกระบะมีทิศทางที่ขยายตัวมาก แต่ก็เป็นตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง”
สำหรับการที่จะสามารถแข่งขันได้ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า มิตซูเจียงหนองคายต้องปรับกลยุทธ์การทำตลาดและสื่อสารกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพิ่มการขายรับผิดชอบเข้าถึงระดับอำเภอ วางเป้าหมายการขายเจาะลึกในพื้นที่ย่อยตำบล ขณะที่การบริการหลังการขายมีการติดตามลูกค้า ให้เข้ารับการดูแลรักษาตามมาตรฐาน และยังมีการให้ส่วนลดพิเศษด้วย
สราวุธ เหล่าอยู่คง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูไทยยนต์ จำกัด (อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ)
“อุบลราชธานีเป็นศูนย์กลางของอีสานล่าง และมีการเชื่อมต่อกับประเทศลาวทางเมืองปากเซ-จำปาสัก โดยภาคเศรษฐกิจหลักๆ ของจังหวัดในอีสานล่างมาจากข้าว และปัจจุบันมีพืชผลการเกษตรใหม่ๆ ที่เข้ามา เช่น ยางพารา ทุเรียน และลำไย เป็นต้น ซึ่งหากราคาสินค้าเกษตรดีย่อมทำให้การซื้อขายดีตาม แต่ถือเป็นสินค้าที่มีความผันผวน สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การทำให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุด เราจึงต้องเน้นการบริการครบวงจร ทั้งเรื่องการขาย และหลังการขาย ซึ่งรวมถึงเรื่องรถยนต์มือสอง”
ทั้งนี้การจะมัดใจลูกค้าได้ ต้องมีการเอาใส่ในทุกกระบวนการ ไม่ใช่จบทันทีหลังลูกค้ารับรถไปแล้ว ต้องมีการติดตามและให้บริการลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันมีการเพิ่มและพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ รวมถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดที่สามารถรองรับสถานการณ์ต่างๆ ได้ อย่างเช่นกรณีปัญหาของรถคันแรก ที่ต้องเปลี่ยนไปใช้กิจกรรมเชิงรุกเข้าหาลูกค้า และออกเดินตลาดอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
“อีสานเป็นตลาดที่ใหญ่รองจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล มียอดขายประมาณ 2 แสนคันต่อปี จากจำนวนประชากรมากกว่า 21 ล้านคน และมีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีการปลูกสินค้าเกษตรจำนวนมาก และปัจจุบันยังได้ขยายการปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ๆ อย่างยางพารา ทุเรียน และลำไย ที่สำคัญมีพื้นที่ติดกับประเทศลาว และกัมพูชา เป็นประตูเส้นทางขนส่งทางการค้าผ่านสู่ประเทศเวียดนาม และจีน โดยเฉพาะแผนการเปิดเส้นทางคมนาคมต่างๆ รับเออีซี รวมถึงการผลักดันนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ส่งผลให้เกิดการลงทุนและจ้างงานมากขึ้น ทำให้อีสานเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมากในอนาคต” มูราฮาชิ กล่าว
โดยในช่วงที่ผ่านมาตัวเลขยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ ในอีสานมีการขยายตัวมาก มีส่วนแบ่งทางการตลาด หรือแชร์ กว่า 7% ในปี 2555 เพิ่มเป็น 11.16% ในปีนี้(ม.ค.-ส.ค.) ที่มียอดขายทั้งสิ้น 14,599 คัน หรือมากกว่าตลอดทั้งปี 2554 เกือบเท่าตัว ซึ่งนอกจากปัจจัยการขยายตัวของตลาดในช่วงที่ผ่านมา ยังมาจากมิตซูบิชิได้ขยายเครือข่ายในภาคอีสาน จากจำนวน 34 แห่ง จากปี 2554 เพิ่มเป็น 45 แห่งในปี 2556 รวมถึงการนำนโยบายการเปิดโชว์รูมขนาดเล็ก เพื่อเจาะเข้าไปยังระดับอำเภอต่างๆ อีกด้วย เพื่อรองรับศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอีสานในอนาคต
ศุภชัย ลิ้มวัฒนาพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูขอนแก่นยนต์ไพบูลย์ จำกัด (ขอนแก่น, กาฬสินธ์ และมุกดาหาร)
“ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางของเมืองข้าราชการ สถาบันการศึกษา และเกษตร ปัจจุบันยังมีภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก และชุมชนเมืองขยายตัวรวดเร็ว ซึ่งมิตซูบิชิมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองได้ทุกกลุ่ม จึงทำให้ทิศทางในอนาคตมีศักยภาพการเติบโตสูง แต่เมื่อขายรถไปมากๆ ต้องกลับมามองหลังบ้าน นั่นคือการบริการหลังการขาย ซึ่งเราถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นนโยบายหลัก จึงเตรียมพร้อมเปิดศูนย์ฝึกอบรมที่ขอนแก่น และแผนกเคาะพ่นสี เพื่อรองรับลูกค้าได้ครบวงจร ขณะที่การจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ จะเน้นรายละเอียดมากขึ้น”
ในส่วนของความเสี่ยงอย่างราคาพืชผลทางเกษตร แน่นอนมีความผันผวนบ้าง แต่ยังไงรัฐบาลต้องเข้ามาดูแลไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ขณะที่อุตสาหกรรมต่างๆ ในขอนแก่น ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล หรือไฟฟ้า ยังคงเติบโตได้ดี และโดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดเออีซี
กิตติพงษ์ สกุลคู กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูเจียงหนองคาย จำกัด (หนองคาย, อุดรธานี และบึงกาฬ)
“อุดรธานี หนองคาย และบึงกาฬ เป็นประตูสู่ประเทศลาว ซึ่งนอกจากเศรษฐกิจมาจากสินค้าผลิตผลทางการเกษตร ยังมาจากการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งมีการเปิดเออีซีจะทำให้การค้าขายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงแผนการลงทุนของรัฐบาลเกี่ยวกับระบบขนส่งต่างๆ ตรงนี้จะทำให้บรรดารถกระบะมีทิศทางที่ขยายตัวมาก แต่ก็เป็นตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง”
สำหรับการที่จะสามารถแข่งขันได้ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า มิตซูเจียงหนองคายต้องปรับกลยุทธ์การทำตลาดและสื่อสารกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพิ่มการขายรับผิดชอบเข้าถึงระดับอำเภอ วางเป้าหมายการขายเจาะลึกในพื้นที่ย่อยตำบล ขณะที่การบริการหลังการขายมีการติดตามลูกค้า ให้เข้ารับการดูแลรักษาตามมาตรฐาน และยังมีการให้ส่วนลดพิเศษด้วย
สราวุธ เหล่าอยู่คง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูไทยยนต์ จำกัด (อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ)
“อุบลราชธานีเป็นศูนย์กลางของอีสานล่าง และมีการเชื่อมต่อกับประเทศลาวทางเมืองปากเซ-จำปาสัก โดยภาคเศรษฐกิจหลักๆ ของจังหวัดในอีสานล่างมาจากข้าว และปัจจุบันมีพืชผลการเกษตรใหม่ๆ ที่เข้ามา เช่น ยางพารา ทุเรียน และลำไย เป็นต้น ซึ่งหากราคาสินค้าเกษตรดีย่อมทำให้การซื้อขายดีตาม แต่ถือเป็นสินค้าที่มีความผันผวน สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การทำให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุด เราจึงต้องเน้นการบริการครบวงจร ทั้งเรื่องการขาย และหลังการขาย ซึ่งรวมถึงเรื่องรถยนต์มือสอง”
ทั้งนี้การจะมัดใจลูกค้าได้ ต้องมีการเอาใส่ในทุกกระบวนการ ไม่ใช่จบทันทีหลังลูกค้ารับรถไปแล้ว ต้องมีการติดตามและให้บริการลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันมีการเพิ่มและพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ รวมถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดที่สามารถรองรับสถานการณ์ต่างๆ ได้ อย่างเช่นกรณีปัญหาของรถคันแรก ที่ต้องเปลี่ยนไปใช้กิจกรรมเชิงรุกเข้าหาลูกค้า และออกเดินตลาดอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น