เข้าสู่ฤดูขายและยังมีงานเทกระจาดส่งท้ายปี “มอเตอร์เอ็กซ์โป” รออยู่อีก นอกจากเห็นค่ายรถงัดแคมเปญออกมาแย่งชิงลูกค้า แผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงนี้ และเป็นอะไรที่ต้องเปิดตัวออกมาพร้อมๆ หรือไล่เลี่ยกันด้วย ซึ่งปีนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ที่มีรถใหม่แนะนำสู่ตลาดหลากหลายรุ่น ตั้งแต่รถตลาด รถหรู ไปจนถึงซูเปอร์คาร์ราคาหลายสิบล้าน จนกลายเป็นสัปดาห์เดือด! ของตลาดรถยนต์ไทยไปแล้ว…
ว่ากันตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์นี้เลย เพราะมีการแนะนำรถใหมู่สู่ตลาดมากถึง 3 โมเดลในวันเดียว เริ่มจากการเปิดตัวโฉมใหม่ของ “นิสสัน เทียน่า” ที่ถือฤกษ์วันจันทร์ที่ 21 ต.ค.ประเดิมบุกตลาด กับรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวมากขึ้น แม้จะมีหลายเสียงบ่นเหมือนนำรุ่นซิลฟีมาเพิ่มขนาดก็ตาม แต่นิสสันยืนยันนี่เป็นการออกแบบภายใต้แนวคิด Suggestive Aura ด้วยดีไซน์ปราดเปรียวล้ำสมัย และสง่างาม เส้นสายที่พลิ้วไหวจากภายนอกสู่ห้องโดยสารที่กว้างขวางสไตล์สปอร์ต
แต่สิ่งโดดเด่นชัดเจนของ นิสสัน เทียน่า ใหม่ เห็นจะเป็นการอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย โดยเป็นรถยนต์รุ่นแรกในไทย ที่มีกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor: AVM) เปิดมุมมองเสมือนจริงจากมุมสูงทุกองศา ผสานการทำงานของระบบเตือนให้รักษาตำแหน่งรถในช่องทาง (LDW) ระบบเตือนจุดอับสายตา (BSW) และระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบรถ (MOD) พร้อมเพิ่มความปลอดภัยกับระบบช่วยควบคุมทิศทางขณะเลี้ยว (ATC) มั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุดในทุกรุ่น และขณะขับขี่ยังสุนทรีกับเครื่องเสียง BOSE แบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลก
ขุมกำลังของเทียน่า ใหม่ มาจากเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด QR25DE ขนาด 2.5 ลิตร DOHC เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว Twin CVTC กำลังสูงสุด 173 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที (เดิม VQ 6 สูบ 2.5 ลิตร 182 แรงม้า) และเครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ MR20DE 2.0 ลิตร DOHC เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว CVTC ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ XTRONIC CVT ชุดใหม่ ให้อัตราเร่งทันใจและประหยัดน้ำมัน ระบบช่วงล่างหลังอิสระมัลติลิงค์ดีไซน์ใหม่ ส่งผลให้การขับขี่ที่นุ่มนวล และเกาะถนนดีเยี่ยม
นิสสัน เทียน่า ใหม่ วางจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น แยกเป็นขนาดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ได้แก่ รุ่น 2.0XE ราคา 1,270,000 บาท , รุ่น 2.0XL 1,330,000 บาท และรุ่น 2.0 XL Navi 1,380,000 บาท และขนาดเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร มีรุ่น 2.5XV 1,570,000 บาท และ 2.5XV Navi ราคา 1,620,000 บาท
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้ร่อนเอกสารข่าวแนะนำรถหรูรุ่นใหม่ในตระกูล “ซี-คลาส” สู่ตลาด โดยเป็นรุ่นตกแต่งให้มีดีไซน์สปอร์ตมากขึ้น และเสริมความเป็นตัวตนที่มีสไตล์ของคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่กระจังหน้าแบบสปอร์ตสีดำเคลือบเงาเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และไฟหน้าแบบฮาโลเจน (halogen) รมดำ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น Edition C เช่นเดียวกับห้องโดยสารที่ใช้สีตัดกันของพื้นผิวให้ดูสะดุดตา ด้วยลายอลูมิเนียมที่คอนโซลกลางและแผงประตู รวมทั้งเบาะนั่งสปอร์ตดีไซน์ใหม่หุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA Microfibre สีดำเดินด้ายสีน้ำเงิน/เทา
C200 Edition C ยังสวยงามและสปอร์ตขึ้นกับชุดแต่ง AMG Bodystyling ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ต สัญลักษณ์ “Edition C” ด้านข้างตัวรถ พรมรองพื้นหุ้มขอบและเดินด้ายสีเทา พร้อมด้วยล้ออัลลอยลาย 5 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตทูโทนดำ-บรอนซ์เงิน โดยวางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,796 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุด 135 กิโลวัตต์ (184 แรงม้า) ที่ 5,250 รอบ/นาที ราคาขายอยู่ที่ 2,290,00 บาท
ตกสู่ช่วงเย็นเป็นการเปิดตัวของซูเปอร์คาร์กระทิงดุ “ลัมบอร์กินี” โดยเป็นการแนะนำรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี ของ “ลัมบอร์กินี Aventador LP 720-4 50° Anniversario” โดยมีให้เลือกทั้งแบบคูเป้ 2 ประตู และเปิดประทุนโรดสเตอร์ ที่สำคัญผลิตจำนวนจำกัดเพียงโมเดลละ 100 คันทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งบริษัทนิชคาร์ในฐานะตัวแทนขายในไทย ได้โควต้ามา 12 คัน เปิดราคาที่ 46 ล้านบาท
โดยความพิเศษของ Aventador LP 720-4 50° Anniversario คือการเพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์มากขึ้นอีก 20 แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบกับตัว Aventador รุ่นปกติเครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 สูบ 700 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ ISR 7 สปีด ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกปรับให้ดูดุดันและสปอร์ตเร้าใจรอบคัน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานตามหลักอากาศพลศาสตร์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ พร้อมกับตกแต่งภายในมีให้เลือก 2 สี คือ สีแทน Terra Emilia และ สีเหลือง Giallo Quercus โดยเป็นหนังวัวแท้เกรดพิเศษ
ถัดมาอีกวันทุกสายตาต่างจดจ้องแทบไม่กระพริบ จากการเปิดตัวของ “โตโยต้า ยาริส” โฉมใหม่ ที่ลงมากินรวบตลาดอีโคคาร์และซับคอมแพ็กต์ ซึ่งรูปลักษณ์หน้าตาและรายละเอียดคงเห็นกันแล้ว เพราะ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้รายงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยยาริสใหม่ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “Value Beyond Belief” เห็นได้จากตัวถังที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่ารุ่นเดิมในทุกมิติ และหากเทียบกับอีโคคาร์แบบแฮทช์แบ็กรุ่นอื่นๆ ยิ่งโดดเด่นชัดเจน
ยาริสใหม่มากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร DOHC Dual VVT-i 4 สูบแถวเรียง 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อมด้วยช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่เกาะถนนดียิ่งขึ้น ปลอดภัยกับระบบเบรก ABS / EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ (Pre-tensioner & Force limiter) อันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
โตโยต้า ยาริส ใหม่ ทำตลาดกับ 4 รุ่นย่อย มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ ประกอบด้วยรุ่น 1.2J Eco ราคา 469,000 บาท รุ่น 1.2J 519,000 บาท รุ่น 1.2E 549,000 บาท และรุ่น 1.2G ราคา 599,000 บาท โดยมีให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีส้ม..Orange Metallic ใหม่, สีแดง..Red Mica Metallic ใหม่, สีฟ้า..Frozen Blue Metallic ใหม่, สีเทา..Gray Metallic, สีขาว..Super white, สีเงิน..Silver Metallic และ สีดำ..Attitude Black Mica
ขยับไปอีกสัปดาห์มีคิวรถใหม่จ่อเปิดตัวเช่นกัน ไฮไลต์คงต้องเป็น “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” (Isuzu MU-X) หรือโฉมใหม่ของรถอเนกประสงค์แบบพีพีวีที่จะมาแทนรุ่นมิว-7 กำหนดแนะนำกับสื่อมวลชน 31 ต.ค.นี้ โดยมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย เกียร์อัตโนมัติทุกรุ่น ทั้งจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.5 ลิตร VGS และ 3.0 ลิตร VGS ที่วางอยู่ในปิกอัพดี-แมคซ์ หรือเครื่องยนต์ละ 2 รุ่นย่อย แต่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีเฉพาะในรุ่น 3.0VGS ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.06 - 1.33 ล้านบาท และจะลงสู่โชว์รูมทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ 6 พ.ย.ที่จะถึงนี้
แต่ก่อนนั้นเพียงวันเดียว 30 ต.ค.นี้ ฟอร์ด ประเทศไทย จะมีการเปิดแคมเปญแนะนำรถอเนกประสงค์เล็ก “ฟอร์ด เอคโค่ สปอร์ต” ซึ่งเบื้องต้นทำตลาดกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร 108 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 138 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด และจากนั้นจะมีการแนะนำรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ “ฟอร์ด เฟียสต้า” และยังมีเครื่องยนต์ใหม่อีโคคาร์บูสต์ 1.0 ลิตร 125 แรงม้า มาเพิ่มเป็นอีกทางเลือกด้วย
ส่วนผู้ที่สนใจรถครอสโอเวอร์ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” เตรียมเปิดตัวเป็นทางการ 7 พ.ย.นี้ โดยทำตลาดกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี 2.0 ลิตร 155 แรงม้า และรุ่น 2.5 ลิตร ไดเร็ตอินเจ็กชัน 188 แรงม้า แต่ที่เป็นไฮไลต์เครื่องยนต์ดีเซลสกายแอคทีฟ-ดี 2.2 ลิตร 175 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ซึ่งทุกรุ่นไม่ว่าจะขับเคลื่อนล้อหน้า หรือแบบ 4 ล้อ แบบ Real Time AWD ต่างใช้ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ สกายแอคทีฟ-ไดร์ฟ เหมือนกันหมดทุกรุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นกว่า 1.19 และไม่เกิน 1.7 ล้านบาท ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
นี่เป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดหน้าค่าตามาแล้ว หรือกำหนดวันแนะนำสู่ตลาดชัดเจน จึงนับเป็นช่วงสัปดาห์แห่งความร้อนแรงของตลาดรถไทย และนี่ยังไม่รวมอีกหลายรุ่นที่จะเปิดตัว ในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ทีนี้คงต้องมาดูว่าแต่ละค่ายจะสามารถปั่นตัวเลขยอดขาย ให้ฟื้นจากพิษรถคันแรกได้หรือไม่?...
ว่ากันตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์นี้เลย เพราะมีการแนะนำรถใหมู่สู่ตลาดมากถึง 3 โมเดลในวันเดียว เริ่มจากการเปิดตัวโฉมใหม่ของ “นิสสัน เทียน่า” ที่ถือฤกษ์วันจันทร์ที่ 21 ต.ค.ประเดิมบุกตลาด กับรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวมากขึ้น แม้จะมีหลายเสียงบ่นเหมือนนำรุ่นซิลฟีมาเพิ่มขนาดก็ตาม แต่นิสสันยืนยันนี่เป็นการออกแบบภายใต้แนวคิด Suggestive Aura ด้วยดีไซน์ปราดเปรียวล้ำสมัย และสง่างาม เส้นสายที่พลิ้วไหวจากภายนอกสู่ห้องโดยสารที่กว้างขวางสไตล์สปอร์ต
แต่สิ่งโดดเด่นชัดเจนของ นิสสัน เทียน่า ใหม่ เห็นจะเป็นการอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย โดยเป็นรถยนต์รุ่นแรกในไทย ที่มีกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor: AVM) เปิดมุมมองเสมือนจริงจากมุมสูงทุกองศา ผสานการทำงานของระบบเตือนให้รักษาตำแหน่งรถในช่องทาง (LDW) ระบบเตือนจุดอับสายตา (BSW) และระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบรถ (MOD) พร้อมเพิ่มความปลอดภัยกับระบบช่วยควบคุมทิศทางขณะเลี้ยว (ATC) มั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุดในทุกรุ่น และขณะขับขี่ยังสุนทรีกับเครื่องเสียง BOSE แบรนด์ไฮเอนด์ระดับโลก
ขุมกำลังของเทียน่า ใหม่ มาจากเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด QR25DE ขนาด 2.5 ลิตร DOHC เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว Twin CVTC กำลังสูงสุด 173 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที (เดิม VQ 6 สูบ 2.5 ลิตร 182 แรงม้า) และเครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ MR20DE 2.0 ลิตร DOHC เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว CVTC ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ XTRONIC CVT ชุดใหม่ ให้อัตราเร่งทันใจและประหยัดน้ำมัน ระบบช่วงล่างหลังอิสระมัลติลิงค์ดีไซน์ใหม่ ส่งผลให้การขับขี่ที่นุ่มนวล และเกาะถนนดีเยี่ยม
นิสสัน เทียน่า ใหม่ วางจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น แยกเป็นขนาดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ได้แก่ รุ่น 2.0XE ราคา 1,270,000 บาท , รุ่น 2.0XL 1,330,000 บาท และรุ่น 2.0 XL Navi 1,380,000 บาท และขนาดเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร มีรุ่น 2.5XV 1,570,000 บาท และ 2.5XV Navi ราคา 1,620,000 บาท
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้ร่อนเอกสารข่าวแนะนำรถหรูรุ่นใหม่ในตระกูล “ซี-คลาส” สู่ตลาด โดยเป็นรุ่นตกแต่งให้มีดีไซน์สปอร์ตมากขึ้น และเสริมความเป็นตัวตนที่มีสไตล์ของคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่กระจังหน้าแบบสปอร์ตสีดำเคลือบเงาเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และไฟหน้าแบบฮาโลเจน (halogen) รมดำ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น Edition C เช่นเดียวกับห้องโดยสารที่ใช้สีตัดกันของพื้นผิวให้ดูสะดุดตา ด้วยลายอลูมิเนียมที่คอนโซลกลางและแผงประตู รวมทั้งเบาะนั่งสปอร์ตดีไซน์ใหม่หุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA Microfibre สีดำเดินด้ายสีน้ำเงิน/เทา
C200 Edition C ยังสวยงามและสปอร์ตขึ้นกับชุดแต่ง AMG Bodystyling ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ต สัญลักษณ์ “Edition C” ด้านข้างตัวรถ พรมรองพื้นหุ้มขอบและเดินด้ายสีเทา พร้อมด้วยล้ออัลลอยลาย 5 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตทูโทนดำ-บรอนซ์เงิน โดยวางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,796 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุด 135 กิโลวัตต์ (184 แรงม้า) ที่ 5,250 รอบ/นาที ราคาขายอยู่ที่ 2,290,00 บาท
ตกสู่ช่วงเย็นเป็นการเปิดตัวของซูเปอร์คาร์กระทิงดุ “ลัมบอร์กินี” โดยเป็นการแนะนำรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี ของ “ลัมบอร์กินี Aventador LP 720-4 50° Anniversario” โดยมีให้เลือกทั้งแบบคูเป้ 2 ประตู และเปิดประทุนโรดสเตอร์ ที่สำคัญผลิตจำนวนจำกัดเพียงโมเดลละ 100 คันทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งบริษัทนิชคาร์ในฐานะตัวแทนขายในไทย ได้โควต้ามา 12 คัน เปิดราคาที่ 46 ล้านบาท
โดยความพิเศษของ Aventador LP 720-4 50° Anniversario คือการเพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์มากขึ้นอีก 20 แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบกับตัว Aventador รุ่นปกติเครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 สูบ 700 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ ISR 7 สปีด ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกปรับให้ดูดุดันและสปอร์ตเร้าใจรอบคัน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานตามหลักอากาศพลศาสตร์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ พร้อมกับตกแต่งภายในมีให้เลือก 2 สี คือ สีแทน Terra Emilia และ สีเหลือง Giallo Quercus โดยเป็นหนังวัวแท้เกรดพิเศษ
ถัดมาอีกวันทุกสายตาต่างจดจ้องแทบไม่กระพริบ จากการเปิดตัวของ “โตโยต้า ยาริส” โฉมใหม่ ที่ลงมากินรวบตลาดอีโคคาร์และซับคอมแพ็กต์ ซึ่งรูปลักษณ์หน้าตาและรายละเอียดคงเห็นกันแล้ว เพราะ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้รายงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยยาริสใหม่ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “Value Beyond Belief” เห็นได้จากตัวถังที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่ารุ่นเดิมในทุกมิติ และหากเทียบกับอีโคคาร์แบบแฮทช์แบ็กรุ่นอื่นๆ ยิ่งโดดเด่นชัดเจน
ยาริสใหม่มากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร DOHC Dual VVT-i 4 สูบแถวเรียง 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อมด้วยช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่เกาะถนนดียิ่งขึ้น ปลอดภัยกับระบบเบรก ABS / EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ (Pre-tensioner & Force limiter) อันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
โตโยต้า ยาริส ใหม่ ทำตลาดกับ 4 รุ่นย่อย มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ ประกอบด้วยรุ่น 1.2J Eco ราคา 469,000 บาท รุ่น 1.2J 519,000 บาท รุ่น 1.2E 549,000 บาท และรุ่น 1.2G ราคา 599,000 บาท โดยมีให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีส้ม..Orange Metallic ใหม่, สีแดง..Red Mica Metallic ใหม่, สีฟ้า..Frozen Blue Metallic ใหม่, สีเทา..Gray Metallic, สีขาว..Super white, สีเงิน..Silver Metallic และ สีดำ..Attitude Black Mica
ขยับไปอีกสัปดาห์มีคิวรถใหม่จ่อเปิดตัวเช่นกัน ไฮไลต์คงต้องเป็น “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” (Isuzu MU-X) หรือโฉมใหม่ของรถอเนกประสงค์แบบพีพีวีที่จะมาแทนรุ่นมิว-7 กำหนดแนะนำกับสื่อมวลชน 31 ต.ค.นี้ โดยมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย เกียร์อัตโนมัติทุกรุ่น ทั้งจากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.5 ลิตร VGS และ 3.0 ลิตร VGS ที่วางอยู่ในปิกอัพดี-แมคซ์ หรือเครื่องยนต์ละ 2 รุ่นย่อย แต่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีเฉพาะในรุ่น 3.0VGS ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.06 - 1.33 ล้านบาท และจะลงสู่โชว์รูมทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ 6 พ.ย.ที่จะถึงนี้
แต่ก่อนนั้นเพียงวันเดียว 30 ต.ค.นี้ ฟอร์ด ประเทศไทย จะมีการเปิดแคมเปญแนะนำรถอเนกประสงค์เล็ก “ฟอร์ด เอคโค่ สปอร์ต” ซึ่งเบื้องต้นทำตลาดกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร 108 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 138 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด และจากนั้นจะมีการแนะนำรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ “ฟอร์ด เฟียสต้า” และยังมีเครื่องยนต์ใหม่อีโคคาร์บูสต์ 1.0 ลิตร 125 แรงม้า มาเพิ่มเป็นอีกทางเลือกด้วย
ส่วนผู้ที่สนใจรถครอสโอเวอร์ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” เตรียมเปิดตัวเป็นทางการ 7 พ.ย.นี้ โดยทำตลาดกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-จี 2.0 ลิตร 155 แรงม้า และรุ่น 2.5 ลิตร ไดเร็ตอินเจ็กชัน 188 แรงม้า แต่ที่เป็นไฮไลต์เครื่องยนต์ดีเซลสกายแอคทีฟ-ดี 2.2 ลิตร 175 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ซึ่งทุกรุ่นไม่ว่าจะขับเคลื่อนล้อหน้า หรือแบบ 4 ล้อ แบบ Real Time AWD ต่างใช้ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ สกายแอคทีฟ-ไดร์ฟ เหมือนกันหมดทุกรุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นกว่า 1.19 และไม่เกิน 1.7 ล้านบาท ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
นี่เป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดหน้าค่าตามาแล้ว หรือกำหนดวันแนะนำสู่ตลาดชัดเจน จึงนับเป็นช่วงสัปดาห์แห่งความร้อนแรงของตลาดรถไทย และนี่ยังไม่รวมอีกหลายรุ่นที่จะเปิดตัว ในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ทีนี้คงต้องมาดูว่าแต่ละค่ายจะสามารถปั่นตัวเลขยอดขาย ให้ฟื้นจากพิษรถคันแรกได้หรือไม่?...