คนทั่วโลกได้รู้ว่าถ้าอัลฟา แบรนด์ดังของเฟียต ต้องการรุกตลาดรถสปอร์ต พวกเขาก็สามารถทำได้ ซึ่ง 8C ที่เปิดตัวเมื่อปี 2010 เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้ ก่อนที่อัลฟาจะมายืนยันอีกครั้ง ด้วย 4C ที่เปิดตัวในปี 2013 และถือเป็นอีกก้าวของการพัฒนา เมื่อทางอัลฟาหันมาเจาะตลาดกลุ่มใหญ่ขึ้น ด้วยยอดการผลิตต่อปีในระดับ 3,500 คัน
คอนเซ็ปต์ในการพัฒนารถยนต์รุ่นนี้มีความน่าสนใจ เพราะว่าอัลฟาต้องการให้เป็นตัวแรงที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งกับขนาดตัวถังที่มีความยาวเพียง 3,989 มิลลิเมตรในแบบเครื่องยนต์วางกลางลำ ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 895 กิโลกรัม สำหรับตลาดยุโรป และเพิ่มอีก 100 กิโลกรัมสำหรับเวอร์ชันที่ขายอยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอาจ จะเป็นเพราะการเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเพื่อให้ผ่านมาตรฐานที่เข้มงวด
ในแง่ของการออกแบบตัวรถจะเป็นหน้าที่ของ Lorenzo Ramaciotti แห่งทีมออกแบบของ Alfa Romeo Centro Stile ส่วนการเลือกใช้วัสดุในการผลิตจะเน้นไปที่ของเบาๆ แต่แกร่งอย่าง อะลูมิเนียม และคาร์บอนไฟเบอร์ เมื่อบวกกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 1,800 ซีซี เทอร์โบ ที่วางอยู่ทางด้านท้าย แม้ว่าจะไม่ได้มีแรงม้ามากมายอะไร แค่ 240 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ที่ 2,100-4,000 รอบ/นาที แต่ด้วยตัวเลขแรงม้าต่อ น้ำหนัก ที่ม้า 1 ตัวแบกน้ำหนักเบาแค่ 4 กิโลกรัมบวกกับเกียร์ธรรมด 6 จังหวะ ทำให้การพุ่งทะยานเป็นได้ดั่งใจ ใช้เวลาแค่ 4.5 วินาที สำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือเรียกแรง G ในการออกตัวมาได้ถึง 1.0-1.2G เลยทีเดียว ส่วนความเร็วปลายทะลุ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัลฟาวางแผนส่ง 4C ลงท้ารบในตลาดสปอร์ตรุ่นเล็กกับปอร์เช่ เคย์แมน โดยตั้งราคาเอาไว้ที่ 72,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 2.23 ล้านบาท โดยจากยอดการผลิตต่อปีที่ระบุข้างบนนั้น จำนวน 1,000 คันจะส่งขายเฉพาะในยุโรป ส่วนที่เหลือกระจาย ขายทั่วโลก โดยเน้นไปที่ตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา