ข่าวในประเทศ – เต้นท์รถมือสองจากทั่วประเทศ รวมตัวจัดตั้ง “สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว” ประกาศ 2 ภารกิจเร่งด่วน ที่จะต้องดำเนินการให้เห็นผลภายในสิ้นปีนี้ จัดทำมาตรฐานราคาให้เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้วยการสนับสนุนข้อมูลจากสมาคมเช่าซื้อรถยนต์ พร้อมกับสร้างมาตรฐานการรับรถเข้าสู่เต้นท์ สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าให้กับผู้บริโภค เพื่อให้สมาชิกที่ปัจจุบันมีร่วม 300 แห่งทั่วประเทศ นำไปปฎิบัติในทิศทางเดียวกัน
กิตติธรา รวมธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว หรือรถมือสองทั่วประเทศ ได้ร่วมจัดตั้ง “สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว” เพื่อต้องการยกระดับมาตรฐานรถยนต์ใช้แล้วในประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมาสังคมอาจจะมองภาพลักษณ์ของธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว ขาดความเป็นมืออาชีพ ความชัดเจนและมาตรฐาน ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่เชื่อมั่น และวิตกกังวลหลายประการ
ดังนั้นผู้ประกอบการรถยนต์มือสองจากทั่วประเทศ จึงรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งสมาคมฯ ขึ้นมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ประกอบการธุรกิจรถมือสองจากทั่วทุกภูมิภาครวมตัวกัน และหลังจากจัดตั้งมาได้เดือนกว่าๆ และจนถึงเปิดตัวเป็นทางการ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการรถมือสองสมัครสมาชิกเกือบ 300 รายแล้ว และยังมียื่นเจตจำนงเข้ามาเรื่อยๆ โดยเป้าหมายของการจัดตั้งสมาคมฯ เพื่อยกระดับการประกอบวิชาชีพ สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการรถยนต์มือสอง และขยายมาตรฐานดังกล่าวให้ได้รับการปฏิบัติโดยสมาชิกทั้งหมดให้สอดคล้องกัน พร้อมๆ กับขยายฐานสมาชิกออกไป เพื่อให้วงการรถยนต์มือสองของไทย ได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับตามมาตรฐานสากล
“วาระเร่งด่วนของสมาคมผู้ประกอบรถมือสอง ที่จะต้องดำเนินการให้เห็นผลภายในสิ้นปีนี้ อันดับแรกเป็นเรื่องของมาตรฐานราคาที่เหมาะสม เป็นไปในทิศทางเดียวกันของสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งสมาคมฯ ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้เช่าซื้อรถยนต์ หรือไฟแนนซ์ของไทย เพื่อจัดทำมาตรฐานราคาให้กับสมาชิกสมาคมฯ และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะต้องเร่งดำเนินการ เป็นเรื่องของมาตรฐานคุณภาพรถยนต์มือสองที่รับซื้อมา และขายออกไปให้กับผู้บริโภค ต้องมีเกณฑ์มาตรฐานในการตรวจสอบและคัดเลือกรถเข้ามา สำหรับลูกค้าจะได้มั่นใจในเรื่องของคุณภาพได้ โดยเราจะทำโลโก้ของสมาชิกสมาคมฯ ติดไว้กับเต้นท์ของสมาชิก ให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบและมั่นใจได้” กิตติธรากล่าว
วิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบัน ภาพรวมของตลาดรถยนต์มือสองมีอยู่ประมาณ 3 ล้านคัน มีผู้ประกอบการจำหน่ายรถยนต์มือสองรวมทั้งสิ้นประมาณ 5 พันราย มูลค่าตลาดรวมกว่า 5 แสนล้านบาท ทั้งนี้จากการที่ผู้ประกอบการต่างดำเนินธุรกิจของตนโดยที่ไม่มีมาตรฐานเดียวกันจึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆ และส่งผลเชิงลบต่อธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้วของไทย
“การจัดตั้งสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์มือสองในครั้งนี้ เพื่อที่จะสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการให้มีความเป็นปึกแผ่น และร่วมกันพัฒนาธุรกิจนี้ให้มีมาตรฐานสากล อันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการโดยรวม”
ไพรัตน์ สกุลศรีประเสริฐ รองนายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า ในส่วนของการบริหารจัดการด้านสมาชิกสัมพันธ์ ทางสมาคมขอเป็นสื่อกลางในการประสานงาน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค
ทั้งนี้การยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบการในสมาคมถือเป็นพันธกิจหลักที่ทางสมาคมให้ความสำคัญ โดยทางสมาคมจะมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆทั้งทางภาครัฐ และเอกชนเพื่อให้ความรู้ ข้อมูลสำคัญทางธุรกิจ และบทวิเคราะห์ต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิก เพื่อให้เพื่อนสมาชิกสามารถยกระดับมาตรฐานของธุรกิจไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค
จากที่ประเทศไทยเรามีระบบเศรษฐกิจเปิด และสามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลกได้ตลอดเวลา การเร่งนำมาตรฐานมาใช้จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับความเชื่อถือโดยต่อเนื่อง ผนวกกับการที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี (AEC) จะเดินเครื่องอย่างเต็มรูปแบบในเวลาไม่ถึงสองปีนี้ ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ดังนั้นการวางรากฐานที่เป็นมาตรฐานใหม่จะช่วยรองรับการเติบโตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้ว
กิตติธรา รวมธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว หรือรถมือสองทั่วประเทศ ได้ร่วมจัดตั้ง “สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว” เพื่อต้องการยกระดับมาตรฐานรถยนต์ใช้แล้วในประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมาสังคมอาจจะมองภาพลักษณ์ของธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว ขาดความเป็นมืออาชีพ ความชัดเจนและมาตรฐาน ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่เชื่อมั่น และวิตกกังวลหลายประการ
ดังนั้นผู้ประกอบการรถยนต์มือสองจากทั่วประเทศ จึงรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งสมาคมฯ ขึ้นมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ประกอบการธุรกิจรถมือสองจากทั่วทุกภูมิภาครวมตัวกัน และหลังจากจัดตั้งมาได้เดือนกว่าๆ และจนถึงเปิดตัวเป็นทางการ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการรถมือสองสมัครสมาชิกเกือบ 300 รายแล้ว และยังมียื่นเจตจำนงเข้ามาเรื่อยๆ โดยเป้าหมายของการจัดตั้งสมาคมฯ เพื่อยกระดับการประกอบวิชาชีพ สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการรถยนต์มือสอง และขยายมาตรฐานดังกล่าวให้ได้รับการปฏิบัติโดยสมาชิกทั้งหมดให้สอดคล้องกัน พร้อมๆ กับขยายฐานสมาชิกออกไป เพื่อให้วงการรถยนต์มือสองของไทย ได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับตามมาตรฐานสากล
“วาระเร่งด่วนของสมาคมผู้ประกอบรถมือสอง ที่จะต้องดำเนินการให้เห็นผลภายในสิ้นปีนี้ อันดับแรกเป็นเรื่องของมาตรฐานราคาที่เหมาะสม เป็นไปในทิศทางเดียวกันของสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งสมาคมฯ ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้เช่าซื้อรถยนต์ หรือไฟแนนซ์ของไทย เพื่อจัดทำมาตรฐานราคาให้กับสมาชิกสมาคมฯ และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะต้องเร่งดำเนินการ เป็นเรื่องของมาตรฐานคุณภาพรถยนต์มือสองที่รับซื้อมา และขายออกไปให้กับผู้บริโภค ต้องมีเกณฑ์มาตรฐานในการตรวจสอบและคัดเลือกรถเข้ามา สำหรับลูกค้าจะได้มั่นใจในเรื่องของคุณภาพได้ โดยเราจะทำโลโก้ของสมาชิกสมาคมฯ ติดไว้กับเต้นท์ของสมาชิก ให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบและมั่นใจได้” กิตติธรากล่าว
วิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบัน ภาพรวมของตลาดรถยนต์มือสองมีอยู่ประมาณ 3 ล้านคัน มีผู้ประกอบการจำหน่ายรถยนต์มือสองรวมทั้งสิ้นประมาณ 5 พันราย มูลค่าตลาดรวมกว่า 5 แสนล้านบาท ทั้งนี้จากการที่ผู้ประกอบการต่างดำเนินธุรกิจของตนโดยที่ไม่มีมาตรฐานเดียวกันจึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆ และส่งผลเชิงลบต่อธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้วของไทย
“การจัดตั้งสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์มือสองในครั้งนี้ เพื่อที่จะสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการให้มีความเป็นปึกแผ่น และร่วมกันพัฒนาธุรกิจนี้ให้มีมาตรฐานสากล อันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการโดยรวม”
ไพรัตน์ สกุลศรีประเสริฐ รองนายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า ในส่วนของการบริหารจัดการด้านสมาชิกสัมพันธ์ ทางสมาคมขอเป็นสื่อกลางในการประสานงาน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค
ทั้งนี้การยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบการในสมาคมถือเป็นพันธกิจหลักที่ทางสมาคมให้ความสำคัญ โดยทางสมาคมจะมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆทั้งทางภาครัฐ และเอกชนเพื่อให้ความรู้ ข้อมูลสำคัญทางธุรกิจ และบทวิเคราะห์ต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิก เพื่อให้เพื่อนสมาชิกสามารถยกระดับมาตรฐานของธุรกิจไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค
จากที่ประเทศไทยเรามีระบบเศรษฐกิจเปิด และสามารถดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลกได้ตลอดเวลา การเร่งนำมาตรฐานมาใช้จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับความเชื่อถือโดยต่อเนื่อง ผนวกกับการที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี (AEC) จะเดินเครื่องอย่างเต็มรูปแบบในเวลาไม่ถึงสองปีนี้ ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ดังนั้นการวางรากฐานที่เป็นมาตรฐานใหม่จะช่วยรองรับการเติบโตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้ว