นับวันกระแสความนิยมบิ๊กไบค์มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดยอดขายตลาดรวมครึ่งปีนี้แตะระดับ 6,000 คัน หรือเทียบเท่ายอดขายตลอดทั้งปีที่ผ่านมาไปแล้ว และดูเหมือนจะยิ่งสูงขึ้นโดยเฉพาะเมื่อแบรนด์ดังสัญาชาติญี่ปุ่น กำหนดให้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญแห่งที่สองรองจากประเทศบ้านเกิด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีข่าวลือต่างๆ นานา สำหรับโมเดลใหม่ๆ ที่จะผลิตเพื่อส่งออกและทำตลาดในบ้านเรา ส่วนจะเป็นรุ่นใดบ้าง หรือมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน? “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” มีข้อมูลอัพเดตมานำเสนอ...
เริ่มจากค่ายกรีนทีม “คาวาซากิ” แม้ขณะนี้จะเป็นเบอร์หนึ่งและมีประชากรบิ๊กไบค์มากที่สุดในไทย เพราะเริ่มบุกเบิกตลาดมาก่อนใครเพื่อนตั้งแต่ปี 2009 แต่ดูเหมือนแผนงานด้านการสื่อสารยังไม่ชัดเจน โดยปล่อยหน้าที่การทำตลาดและประชาสัมพันธ์ให้กับตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ดำเนินการเอง อย่างกรณีเปิดตัว นินจา300 (Ninja300) ที่ปรากฏโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ที่เกิดขึ้นจากดีลเลอร์ “เรียล มอเตอร์สปอร์ต” ไปออกบูทในงาน เมกาบางนา มอเตอร์ ดีล เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
ขณะที่อีกโมเดลใหม่ซึ่งคาดหมายว่ามีกำหนดคลอดเร็วๆ นี้ คาวาซากิ แซด 800 (Z800) แม้คาวาซากิประเทศไทยจะเคยทำเซอร์ไพรส์ นำรถคันจริงไปอวดโฉมในรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง Pacific Rim ที่สยามพารากอนไปแล้ว แต่เป็นเพียงแค่นำรถไปจอดโชว์ ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดราคาค่าตัว รวมถึงช่วงเวลาความพร้อมของการทำตลาด อย่างไรก็ตามมีรายงานระบุว่า แซด 800 มีคิวเผยโฉมและเปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยดีลเลอร์เจ้าเดิม วันที่ 13-25 ก.ย.นี้ ในงานบิ๊กไบค์โชว์ที่ เดอะ พรอมานาด (The Promenade) ติดกับศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
สำหรับ แซด 800 เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรุ่น แซด750 รูปลักษณ์สไตล์เน็กเก๊ต หรือเปลือยแฟริ่ง ขุมพลัง 4 จังหวะ ขนาด 806 ซีซี. 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้าที่ 10,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 83 นิวตัน-เมตรที่ 8,000 รอบต่อนาที ระบบซับแรงกระแทกโช้กหน้าหัวกลับ ด้านหลังโช้กเดี่ยว สามารถปรับค่าความแข็งของสปริงและรีบาวด์ ส่วนระบบเบรก ดิสก์คู่ประกบคาลิเปอร์ 4 พอร์ต ในด้านหน้า และดิสก์เดี่ยวในด้านหลัง วงล้อ 17 นิ้ว ขนาดยาง 120/70 ZR และ 180/55 ZR หน้า-หลัง ตามลำดับ
แม้ว่าจะยังไม่เห็นตัวรถและไม่ระบุราคาจำหน่ายที่ชัดเจน แต่ขณะนี้ดีลเลอร์ของคาวาซากิเริ่มเปิดรับจอง และที่สำคัญมีลูกค้าเข้าคิวจับจองรถกันแล้วด้วย ซึ่งหากเปรียบเทียบราคารุ่นรถที่ทำตลาดในมาเลเซียและไทย รุ่นนินจา250 ราคา 22,589 ริงกิต ในไทยราคา 162,500 บาท รุ่นแซด 800 ราคา 47,989 ริงกิต ในไทยเทียบบัญญัติไตรยางค์ราคาจะไม่ต่ำกว่า 345,221 บาท อย่างแน่นอน เนื่องจากต้องเสียภาษีสรรพสามิตรในอัตรา 10% เพราะขนาดเครื่องยนต์มากกว่า 500 ซีซี.
หันมาตามติดความเคลื่อนไหวฝั่งค่ายปีกนกกันบ้าง หลังจากมีกระแสว่าจะขยับปรับโฉมฮอนด้า ซีบีอาร์ 250 อาร์ (CBR250R) เพื่อขึ้นสังเวียนกับนินจา 300 ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ในช่วงแรกแม้เป็นเพียงการคาดเดา แต่ตอนนี้เริ่มเห็นความเป็นไปได้ เมื่อมีข้อมูลจากเว็บไซต์ chinamotortrade.com รายงานว่า จากการประชุมดีลเลอร์ฮอนด้าในประเทศจีน ฮอนด้าเตรียมส่ง 2 โมเดลใหม่ ซีบีอาร์ 300 อาร์ (CBR300R) และซีบีเอ็กซ์ 300 (CBX300) ลงทำตลาดในปี 2013 และ 2014 ตามลำดับ
ดังนั้นโอกาสที่จะทำตลาดในไทยจึงเป็นไปได้สูงเช่นกัน เพราะไทยเป็นฐานผลิตรถรุ่นนี้อยู่แล้ว ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมในส่วนไหนบ้าง คงต้องรอติดตามกันต่อไป ซึ่งตามรายงานแจ้งว่าจะเปิดตัวในจีนช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ส่วนรุ่นที่จ่อคิวเปิดตัวแน่นอน เตรียมรอได้เลยอย่างช้าที่สุดในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ช่วงปลายปีนี้ สำหรับโกลบอลโมเดลรุ่นใหม่ของโลกที่ผลิตในไทย แม้ยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่น แต่มีรายงานข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า จะเป็นบิ๊กไบค์ทรงสปอร์ตและเน็กเก็ต ที่ใช้พื้นฐานขุมพลังเดียวกัน แบบแถวเรียง 4 สูบ พิกัด 600 ซีซี. โดยไม่ใช่เครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในซีบีอาร์ 600 อาร์อาร์ (CBR600RR) รุ่นล่าสุด ส่วนจะแตกไลน์เพิ่มอีกประเภทแบบแอดเวนเจอร์เหมือนกับซีรีส์ 500 ที่มีโฉม อาร์ เอฟ และเอ็กซ์ หรือไม่นั้น มีแนวโน้มความเป็นไปได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะพบกับบิ๊กไบค์โมเดลใหม่ผลิตในไทย เตรียมพบกับรุ่นนำเข้าจากญี่ปุ่น ฮอนด้า ซีทีเอ็กซ์ (CTX) บิ๊กไบค์แนวครุยเซอร์ เครื่องยนต์ใช้พื้นฐานเดียวกันกับตระกูล เอ็นซี (NC) แบบ 2 สูบเรียง ขนาด 670 ซีซี. ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ส่งกำลังแบบ dual-clutch transmission (DCT) โดยมีทั้งโหมดออโตเมติกและแมนนวลให้เลือกใช้ จ่อคิวเปิดตัวช่วง ก.ย.-ต.ค.นี้
ย้ายมาที่ค่ายซูซูกิ ตามที่ประธานและซีอีโอคนใหม่ “ซาโทชิ อูชิดะ” กล่าวถึงเป้าหมายการปรับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด โดยมีแผนจะยกไทยเป็นฐานการผลิตบิ๊กไบค์ ภายใต้โครงการโกลบอลโมเดล และตอนนี้ได้มีการเริ่มดำเนินการแล้ว ด้วยเงินลงทุน 200-300 ล้านบาท เพื่อที่จะเริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดกลางสู่ตลาด 1 รุ่น ซึ่งจะเริ่มส่งออกต่างประเทศช่วงไตรมาสสาม และเปิดตัวในไทยช่วงปลายปีนี้
สำหรับรถขนาดกลางและใหญ่ของซูซูกิที่จะผลิตในไทย มีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 200-750 ซีซี. โดยปัจจุบันมีการนำบิ๊กไบค์มาครบทุกประเภท เพื่อศึกษาพัฒนาและเตรียมขึ้นไลน์ประกอบ โดยหลายคนเชื่อว่าโมเดลที่ประเดิมทำตลาด หวยน่าจะมาออกรุ่นอินาซูม่า 250 (Inazuma 250) ซึ่งเป็นรถเน็กเก๊ตไบค์ 4 จังหวะ 2สูบ ขนาด 248 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีความโดดเด่นด้านความคล่องตัวเหมาะกับการใช้งานในเมือง
ส่วนบางกระแสเชื่อว่า ซูซูกิจะปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ เพื่อสร้างการจดจำใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยบิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นเบิร์กแมน 200 (Burgman 200) เครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดียว ขนาด 199 ซีซี. ส่งกำลังด้วยสายพานแบบออโตเมติก ระบบดิสก์เบรกหน้า-หลัง วงล้อขนาด 110/90-13 และ 130/70-12 หน้าและหลัง ตามลำดับ
จากแนวโน้มปัจจุบันรุ่นเบิร์กแมน 200 ดูจะมีภาษีดีกว่าอินาซูม่า 250 โดยน่าจะประเดิมทำตลาดในไทยก่อน เพราะสองล้อประเภทสกู๊ตเตอร์ กำลังได้รับความนิยมในบ้านเรา รวมถึงล่าสุดมีการเปิดเว็บไซต์ burgmanclubthailand เตรียมต้อนรับการทำตลาดในไทยแล้วด้วย
ปิดท้ายที่ค่ายส้อมเสียง “ยามาฮ่า” เป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นยี่ห้อเดียว ที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แม้ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2013 บิ๊กบอสยามาฮ่าจากญี่ปุ่นประกาศเริ่มแผนยกระดับไทย เป็นฐานการผลิตจักรยานนต์ระดับโกลบอลโมเดลนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป แต่จากความเคลื่อนไหวปัจจุบันยังไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับรุ่นรถที่จะผลิต และดูเหมือนเป้าหมายตอนนี้ยังคงมุ่งเน้นการทำตลาดรถเล็กเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเมื่อคู่แข่งลงมาเล่นตลาดบิ๊กไบค์กันหมดแล้ว ยามาฮ่าคงอยู่เฉยไม่ได้แน่ เพราะนับวันเค้กก้อนนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญบิ๊กไบค์จดประกอบถูกทำหมันเรียบร้อย ไทยจึงกลายเป็นสวรรค์ของค่ายรถจักรยานยนต์กันเลยทีเดียว...
เริ่มจากค่ายกรีนทีม “คาวาซากิ” แม้ขณะนี้จะเป็นเบอร์หนึ่งและมีประชากรบิ๊กไบค์มากที่สุดในไทย เพราะเริ่มบุกเบิกตลาดมาก่อนใครเพื่อนตั้งแต่ปี 2009 แต่ดูเหมือนแผนงานด้านการสื่อสารยังไม่ชัดเจน โดยปล่อยหน้าที่การทำตลาดและประชาสัมพันธ์ให้กับตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ดำเนินการเอง อย่างกรณีเปิดตัว นินจา300 (Ninja300) ที่ปรากฏโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ที่เกิดขึ้นจากดีลเลอร์ “เรียล มอเตอร์สปอร์ต” ไปออกบูทในงาน เมกาบางนา มอเตอร์ ดีล เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
ขณะที่อีกโมเดลใหม่ซึ่งคาดหมายว่ามีกำหนดคลอดเร็วๆ นี้ คาวาซากิ แซด 800 (Z800) แม้คาวาซากิประเทศไทยจะเคยทำเซอร์ไพรส์ นำรถคันจริงไปอวดโฉมในรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง Pacific Rim ที่สยามพารากอนไปแล้ว แต่เป็นเพียงแค่นำรถไปจอดโชว์ ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดราคาค่าตัว รวมถึงช่วงเวลาความพร้อมของการทำตลาด อย่างไรก็ตามมีรายงานระบุว่า แซด 800 มีคิวเผยโฉมและเปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยดีลเลอร์เจ้าเดิม วันที่ 13-25 ก.ย.นี้ ในงานบิ๊กไบค์โชว์ที่ เดอะ พรอมานาด (The Promenade) ติดกับศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
สำหรับ แซด 800 เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรุ่น แซด750 รูปลักษณ์สไตล์เน็กเก๊ต หรือเปลือยแฟริ่ง ขุมพลัง 4 จังหวะ ขนาด 806 ซีซี. 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้าที่ 10,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 83 นิวตัน-เมตรที่ 8,000 รอบต่อนาที ระบบซับแรงกระแทกโช้กหน้าหัวกลับ ด้านหลังโช้กเดี่ยว สามารถปรับค่าความแข็งของสปริงและรีบาวด์ ส่วนระบบเบรก ดิสก์คู่ประกบคาลิเปอร์ 4 พอร์ต ในด้านหน้า และดิสก์เดี่ยวในด้านหลัง วงล้อ 17 นิ้ว ขนาดยาง 120/70 ZR และ 180/55 ZR หน้า-หลัง ตามลำดับ
แม้ว่าจะยังไม่เห็นตัวรถและไม่ระบุราคาจำหน่ายที่ชัดเจน แต่ขณะนี้ดีลเลอร์ของคาวาซากิเริ่มเปิดรับจอง และที่สำคัญมีลูกค้าเข้าคิวจับจองรถกันแล้วด้วย ซึ่งหากเปรียบเทียบราคารุ่นรถที่ทำตลาดในมาเลเซียและไทย รุ่นนินจา250 ราคา 22,589 ริงกิต ในไทยราคา 162,500 บาท รุ่นแซด 800 ราคา 47,989 ริงกิต ในไทยเทียบบัญญัติไตรยางค์ราคาจะไม่ต่ำกว่า 345,221 บาท อย่างแน่นอน เนื่องจากต้องเสียภาษีสรรพสามิตรในอัตรา 10% เพราะขนาดเครื่องยนต์มากกว่า 500 ซีซี.
หันมาตามติดความเคลื่อนไหวฝั่งค่ายปีกนกกันบ้าง หลังจากมีกระแสว่าจะขยับปรับโฉมฮอนด้า ซีบีอาร์ 250 อาร์ (CBR250R) เพื่อขึ้นสังเวียนกับนินจา 300 ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ในช่วงแรกแม้เป็นเพียงการคาดเดา แต่ตอนนี้เริ่มเห็นความเป็นไปได้ เมื่อมีข้อมูลจากเว็บไซต์ chinamotortrade.com รายงานว่า จากการประชุมดีลเลอร์ฮอนด้าในประเทศจีน ฮอนด้าเตรียมส่ง 2 โมเดลใหม่ ซีบีอาร์ 300 อาร์ (CBR300R) และซีบีเอ็กซ์ 300 (CBX300) ลงทำตลาดในปี 2013 และ 2014 ตามลำดับ
ดังนั้นโอกาสที่จะทำตลาดในไทยจึงเป็นไปได้สูงเช่นกัน เพราะไทยเป็นฐานผลิตรถรุ่นนี้อยู่แล้ว ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมในส่วนไหนบ้าง คงต้องรอติดตามกันต่อไป ซึ่งตามรายงานแจ้งว่าจะเปิดตัวในจีนช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ส่วนรุ่นที่จ่อคิวเปิดตัวแน่นอน เตรียมรอได้เลยอย่างช้าที่สุดในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ช่วงปลายปีนี้ สำหรับโกลบอลโมเดลรุ่นใหม่ของโลกที่ผลิตในไทย แม้ยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่น แต่มีรายงานข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า จะเป็นบิ๊กไบค์ทรงสปอร์ตและเน็กเก็ต ที่ใช้พื้นฐานขุมพลังเดียวกัน แบบแถวเรียง 4 สูบ พิกัด 600 ซีซี. โดยไม่ใช่เครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในซีบีอาร์ 600 อาร์อาร์ (CBR600RR) รุ่นล่าสุด ส่วนจะแตกไลน์เพิ่มอีกประเภทแบบแอดเวนเจอร์เหมือนกับซีรีส์ 500 ที่มีโฉม อาร์ เอฟ และเอ็กซ์ หรือไม่นั้น มีแนวโน้มความเป็นไปได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะพบกับบิ๊กไบค์โมเดลใหม่ผลิตในไทย เตรียมพบกับรุ่นนำเข้าจากญี่ปุ่น ฮอนด้า ซีทีเอ็กซ์ (CTX) บิ๊กไบค์แนวครุยเซอร์ เครื่องยนต์ใช้พื้นฐานเดียวกันกับตระกูล เอ็นซี (NC) แบบ 2 สูบเรียง ขนาด 670 ซีซี. ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ส่งกำลังแบบ dual-clutch transmission (DCT) โดยมีทั้งโหมดออโตเมติกและแมนนวลให้เลือกใช้ จ่อคิวเปิดตัวช่วง ก.ย.-ต.ค.นี้
ย้ายมาที่ค่ายซูซูกิ ตามที่ประธานและซีอีโอคนใหม่ “ซาโทชิ อูชิดะ” กล่าวถึงเป้าหมายการปรับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด โดยมีแผนจะยกไทยเป็นฐานการผลิตบิ๊กไบค์ ภายใต้โครงการโกลบอลโมเดล และตอนนี้ได้มีการเริ่มดำเนินการแล้ว ด้วยเงินลงทุน 200-300 ล้านบาท เพื่อที่จะเริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดกลางสู่ตลาด 1 รุ่น ซึ่งจะเริ่มส่งออกต่างประเทศช่วงไตรมาสสาม และเปิดตัวในไทยช่วงปลายปีนี้
สำหรับรถขนาดกลางและใหญ่ของซูซูกิที่จะผลิตในไทย มีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 200-750 ซีซี. โดยปัจจุบันมีการนำบิ๊กไบค์มาครบทุกประเภท เพื่อศึกษาพัฒนาและเตรียมขึ้นไลน์ประกอบ โดยหลายคนเชื่อว่าโมเดลที่ประเดิมทำตลาด หวยน่าจะมาออกรุ่นอินาซูม่า 250 (Inazuma 250) ซึ่งเป็นรถเน็กเก๊ตไบค์ 4 จังหวะ 2สูบ ขนาด 248 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีความโดดเด่นด้านความคล่องตัวเหมาะกับการใช้งานในเมือง
ส่วนบางกระแสเชื่อว่า ซูซูกิจะปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ เพื่อสร้างการจดจำใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยบิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นเบิร์กแมน 200 (Burgman 200) เครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดียว ขนาด 199 ซีซี. ส่งกำลังด้วยสายพานแบบออโตเมติก ระบบดิสก์เบรกหน้า-หลัง วงล้อขนาด 110/90-13 และ 130/70-12 หน้าและหลัง ตามลำดับ
จากแนวโน้มปัจจุบันรุ่นเบิร์กแมน 200 ดูจะมีภาษีดีกว่าอินาซูม่า 250 โดยน่าจะประเดิมทำตลาดในไทยก่อน เพราะสองล้อประเภทสกู๊ตเตอร์ กำลังได้รับความนิยมในบ้านเรา รวมถึงล่าสุดมีการเปิดเว็บไซต์ burgmanclubthailand เตรียมต้อนรับการทำตลาดในไทยแล้วด้วย
ปิดท้ายที่ค่ายส้อมเสียง “ยามาฮ่า” เป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นยี่ห้อเดียว ที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แม้ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2013 บิ๊กบอสยามาฮ่าจากญี่ปุ่นประกาศเริ่มแผนยกระดับไทย เป็นฐานการผลิตจักรยานนต์ระดับโกลบอลโมเดลนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป แต่จากความเคลื่อนไหวปัจจุบันยังไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับรุ่นรถที่จะผลิต และดูเหมือนเป้าหมายตอนนี้ยังคงมุ่งเน้นการทำตลาดรถเล็กเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเมื่อคู่แข่งลงมาเล่นตลาดบิ๊กไบค์กันหมดแล้ว ยามาฮ่าคงอยู่เฉยไม่ได้แน่ เพราะนับวันเค้กก้อนนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญบิ๊กไบค์จดประกอบถูกทำหมันเรียบร้อย ไทยจึงกลายเป็นสวรรค์ของค่ายรถจักรยานยนต์กันเลยทีเดียว...