xs
xsm
sm
md
lg

Toyota Auris Touring Sports มาแบบอเนกประสงค์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โตโยต้าเพิ่มทางเลือกใหม่แห่งความอเนกประสงค์ ให้กับรถยนต์รุ่นออริส เพื่อเอาใจลูกค้าในยุโรป ด้วยเวอร์ชันแวกอนที่เรียกว่า Touring Sports พร้อมพื้นที่บรรทุกที่มีความจุสูงสุดกว่า 1,600 ลิตรหลังจากพับเบาะหลังลงทั้งหมด

ตรงนี้ถือเป็นอีกกลุ่มตลาดที่โตโยต้าให้ความสนใจ เพราะว่ารถยนต์แวกอนมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์คอมแพ็กต์ หรือ C-Segment ในยุโรปมากถึง 25% โดยที่ 75% ของยอดขายทั้งหมด จะเป็นลักษณะของการขายแบบยกล็อต หรือ Fleet ซึ่งทางโตโยต้าเชื่อว่าการเข้ามาของ Touring Sports จะมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขาย ให้กับรถยนต์รุ่นนี้ประมาณ 5% ในปีแรก ที่ทำตลาดอย่างเต็มปี

การพัฒนามีขึ้นบนพื้นฐานของออริสรุ่นที่ขายอยู่ในตลาดปัจจุบัน และมีหน่วยงานของโตโยต้ายุโรป รับผิดชอบในการพัฒนา โดยตัวรถมีระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร และมีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นออริสตัวถังแฮทช์แบ็กอยู่ 285 มิลลิเมตร

ตรงนี้ช่วยทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น โดยมีความจุในระดับปกติอยู่ที่ 530 ลิตร แต่เมื่อพับเบาะหลังลงจะเพิ่มเป็น 1,658 ลิตร โดยสามารถบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวสูงสุดได้ 2,047 มิลลิเมตรได้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นปกติ หรือรุ่นไฮบริดก็ตาม เพราะในรุ่นหลังแบตเตอรี่ถูกวางไว้ใต้พื้นตัวถังอยู่แล้ว เลยไม่ส่งผลต่อความจุของตัวรถแต่อย่างใด

สำหรับเบาะหลังสามารถแยกพับพนักพิงได้แบบ 60/40 และโตโยต้ายังมีระบบที่เรียกว่า Easy-Flat ซึ่งสามารถพับลงได้ด้วยความสะดวกด้วยก้านโยก

ส่วนในแง่ของการออกแบบนั้น ทางโตโยต้าเน้นความสปอร์ต เพื่อให้เป็น Sport Wagon ด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียว ขณะเดียวกันในแง่ของค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทาน หรือ Cd ถือว่าต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์แบบแวกอนด้วยกัน โดยมีตัวเลขที่ 0.28 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันในขณะขับเคลื่อนด้วย ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าหลังยังเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และทอร์ชันบีม

ทางเลือกของเครื่องยนต์มีความหลากหลาย ทั้งเบนซินซึ่งมีรุ่น 1.33 ลิตร แบบ Dual VVT-i พร้อมระบบ Stop&Start มีกำลังสูงสุด 99 แรงม้า และ 13.04 กก.-ม.สำหรับแรงบิด ตามด้วยรุ่น 1.6 ลิตร แบบ VALVEMATIC 132 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 16.3 กก.-ม.

ถ้าชอบความประหยัดแบบดีเซลก็มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกันคือ 1.4 ลิตร 90 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. และ 2.0 ลิตร 124 แรงม้า ซึ่งมีการติดตั้งระบบ Stop&Start มาช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันด้วย ส่วนระบบส่งกำลังก็มีทั้งธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องหรือ MultiDrive S ที่มีการล็อกอัตราทดเอาไว้ 7 จังหวะด้วยกัน

ส่วนรุ่นไฮบริดมากับเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่ใช้ในพริอุส โดยมีขุมพลังเบนซิน 1.8 ลิตรเป็นต้นกำลัง ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า รีดกำลังออกมาได้ 136 แรงม้า และมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 11.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ในระดับ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง

การทำตลาดเริ่มแล้วในยุโรป ส่วนตลาดกลุ่มอื่นคงต้องดูไปก่อนว่าโตโยต้าจะส่งออกมาขายเหมือนกับตัวถังแฮทช์แบ็กหรือไม่





กำลังโหลดความคิดเห็น