ภายในมหกรรมแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โมดิฟายยิ่งใหญ่ระดับอาเซียน “บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013” ซึ่งจัดระหว่าง 20-30 มิถุนายนนี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี นอกจากไฮไลต์ที่แน่นอนว่าต้องเป็นรถนำเข้าจากสำนักแต่งดังของประเทศญี่ปุ่นกว่า 40 คันแล้ว ยังมีค่ายรถยนต์ในบ้านเราที่ขนรถในสังกัดมาแต่งสวยสร้างสีสัน และที่สำคัญมีผลงานจากฝีมือคนไทยจอดโชว์อยู่ภายในงานด้วย ส่วนจะเป็นรถรุ่นไหน ยี่ห้ออะไรบ้าง...
“ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” เปิดใจเจ้าของไอเดีย ทัศไนย ไรวา ผู้สำเร็จการศึกษาทางด้านนี้โดยตรงจาก Art Center College of Design U.S.A. สาขาการออกแบบรถยนต์, UCLA Extension U.S.A. สาขา Computer Graphics Animation และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะครุศาสตร์ ภาควิชาศิลปศึกษา โดยปัจจุบันเป็นนักออกแบบรถยนต์ แมนดีไซน์สตูดิโอ และควบตำแหน่งบรรณาธิการบริหาร นิตยสารหัวนอกอีก 3 ฉบับ (Car Thailand, BestCar Thailand และ Genroq Thailand)
ความเป็นมาในการออกแบบรถยนต์ในครั้งนี้
ผมได้รับโจทย์ในการออกแบบตกแต่งรถยนต์เพื่อแสดงในงาน Bangkok International Auto Salon 2013 (บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013) จำนวน 6 คัน 2 ยี่ห้อ โดยแบ่งออกเป็น มาสด้า BT50 Pro Series, มาสด้า 3 New Thrilling 4 Concept, มาสด้า 3 New Thrilling 5 Concept, นิสสัน พัลซาร์, นิสสัน ซิลฟี และนิสสัน นาวาร่า
รายละเอียดการตกแต่ง
เริ่มจาก มาสด้า BT50 Pro Series รถรุ่นนี้ถูกพัฒนามาจาก รถรุ่นต้นแบบ Thrilling 50 ที่โชว์เมื่อปีที่แล้ว ประกอบด้วยชุดแต่งรอบคัน ตั้งแต่ตัวเสริมกันชนหน้า, บันไดข้าง, ตัวเสริมกันชนหลัง และสไตล์ลิ่งบาร์ โดยรถรุ่นนี้นอกจากแต่งมาโชว์ในงานแล้ว ยังจะถูกผลิตออกมาขายด้วย แต่ในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คัน เท่านั้น
คันต่อมา สำหรับ มาสด้า 3 New Thrilling 4 Concept รถรุ่นนี้ถูกดีไซน์โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถต้นแบบของมาสด้ารุ่น Shinari ที่เน้นด้านความหรูหราอลังการ ด้วยสีของตัวรถที่เป็นสีโครเมี่ยมทั้งคัน
ขณะที่ มาสด้า 3 New Thrilling 5 Concept รถรุ่นนี้ถูกพัฒนามาจากรถต้นแบบที่โชว์เมื่อปีที่แล้วเช่นกัน โดยมีการเปลี่ยนสีตัวรถจากสีแดงให้กลายเป็นสีดำด้านสลับกับลายคาร์บอน และเพิ่มแผ่นดิฟฟิวเซอร์ด้านล่างรอบคัน ทำให้สามารถเพิ่มดีกรีความสปอร์ตขึ้นมาได้อีกระดับอย่างลงตัว
ส่วนผลงานที่ออกแบบแต่งโชว์ให้อีกยี่ห้อ เริ่มจาก นิสสัน พัลซ่าร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งมาจาก พัลซ่าร์ รุ่นดั้งเดิมในอดีต ผสมผสานกับมัดกล้ามที่ดุดันของนิสสันรุ่นล่าสุดอย่างรุ่น GT-R โดยนำเอาล้อของ GT-R มาใส่ได้อย่างลงตัว
คันที่ห้า สำหรับ นิสสัน ซิลฟี รถรุ่นนี้ถูกออกแบบชุดแต่งให้มีความหรูหราทั้งหมด 6 ชิ้น พร้อมไฟ LED เดย์ไทม์รันนิ่งไลต์ 10 ดวงบริเวณข้างๆ ไฟตัดหมอกเดิม โดยมาพร้อมกับล้อขนาด 20 นิ้ว ดูใหญ่แน่น เติมเต็มความหรูหราและทันสมัย
ส่วนคันสุดท้าย นิสสัน นาวาร่า คันนี้แต่งในสไตล์ Low-Rider คาดด้วยสีส้มสด ทูโทน มาพร้อมกับระบบช่วงล่างถุงลมที่สามารถปรับขึ้นลงได้ สวมล้อขอบ 22 นิ้ว และที่ท้ายกระบะแถมจักรยานสไตล์ Low-Rider ตอกย้ำความโดดเด่นในสไตล์นี้ให้อีกคันด้วย
โดยรถยนต์ทั้งหมดล้วนจัดแสดงใน “บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013” หากมีเวลาเชิญแวะชมได้ที่ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งงานมีถึงแค่วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้เท่านั้น
มองการออกแบบรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
การดีไซน์รถยนต์ในปัจจุบันมีการพัฒนาดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ละบริษัทรถยนต์สามารถพัฒนาและเปิดตัวรถรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การดีไซน์รถให้มีรูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอก็สามารถที่จะสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี
อนาคตการออกแบบรถจะไปในทิศทางใด
คาดว่าอนาคตของการออกแบบรถยนต์ก็จะอิงกับเรื่องของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปมากขึ้น เช่น ถ้าเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หน้ากระจังของรถก็จะเปลี่ยนไป เพราะไม่ต้องทำหน้าที่รับลมเข้าเพื่อไประบายความร้อนของหม้อน้ำ เป็นต้น อาจสรุปได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่จะกำหนดเทรนด์การออกแบบรถยนต์ก็คือ เทคโนโลยีของระบบอากาศพลศาสตร์ที่นักออกแบบจะต้องคิดค้นให้รถมีความลื่นลมมากที่สุด เพื่อสอดรับกับแนวโน้วของรถยนต์ที่จะพัฒนาไปสู่การประหยัดพลังงานสูงสุดนั่นเอง
“ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” เปิดใจเจ้าของไอเดีย ทัศไนย ไรวา ผู้สำเร็จการศึกษาทางด้านนี้โดยตรงจาก Art Center College of Design U.S.A. สาขาการออกแบบรถยนต์, UCLA Extension U.S.A. สาขา Computer Graphics Animation และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะครุศาสตร์ ภาควิชาศิลปศึกษา โดยปัจจุบันเป็นนักออกแบบรถยนต์ แมนดีไซน์สตูดิโอ และควบตำแหน่งบรรณาธิการบริหาร นิตยสารหัวนอกอีก 3 ฉบับ (Car Thailand, BestCar Thailand และ Genroq Thailand)
ความเป็นมาในการออกแบบรถยนต์ในครั้งนี้
ผมได้รับโจทย์ในการออกแบบตกแต่งรถยนต์เพื่อแสดงในงาน Bangkok International Auto Salon 2013 (บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013) จำนวน 6 คัน 2 ยี่ห้อ โดยแบ่งออกเป็น มาสด้า BT50 Pro Series, มาสด้า 3 New Thrilling 4 Concept, มาสด้า 3 New Thrilling 5 Concept, นิสสัน พัลซาร์, นิสสัน ซิลฟี และนิสสัน นาวาร่า
รายละเอียดการตกแต่ง
เริ่มจาก มาสด้า BT50 Pro Series รถรุ่นนี้ถูกพัฒนามาจาก รถรุ่นต้นแบบ Thrilling 50 ที่โชว์เมื่อปีที่แล้ว ประกอบด้วยชุดแต่งรอบคัน ตั้งแต่ตัวเสริมกันชนหน้า, บันไดข้าง, ตัวเสริมกันชนหลัง และสไตล์ลิ่งบาร์ โดยรถรุ่นนี้นอกจากแต่งมาโชว์ในงานแล้ว ยังจะถูกผลิตออกมาขายด้วย แต่ในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คัน เท่านั้น
คันต่อมา สำหรับ มาสด้า 3 New Thrilling 4 Concept รถรุ่นนี้ถูกดีไซน์โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถต้นแบบของมาสด้ารุ่น Shinari ที่เน้นด้านความหรูหราอลังการ ด้วยสีของตัวรถที่เป็นสีโครเมี่ยมทั้งคัน
ขณะที่ มาสด้า 3 New Thrilling 5 Concept รถรุ่นนี้ถูกพัฒนามาจากรถต้นแบบที่โชว์เมื่อปีที่แล้วเช่นกัน โดยมีการเปลี่ยนสีตัวรถจากสีแดงให้กลายเป็นสีดำด้านสลับกับลายคาร์บอน และเพิ่มแผ่นดิฟฟิวเซอร์ด้านล่างรอบคัน ทำให้สามารถเพิ่มดีกรีความสปอร์ตขึ้นมาได้อีกระดับอย่างลงตัว
ส่วนผลงานที่ออกแบบแต่งโชว์ให้อีกยี่ห้อ เริ่มจาก นิสสัน พัลซ่าร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งมาจาก พัลซ่าร์ รุ่นดั้งเดิมในอดีต ผสมผสานกับมัดกล้ามที่ดุดันของนิสสันรุ่นล่าสุดอย่างรุ่น GT-R โดยนำเอาล้อของ GT-R มาใส่ได้อย่างลงตัว
คันที่ห้า สำหรับ นิสสัน ซิลฟี รถรุ่นนี้ถูกออกแบบชุดแต่งให้มีความหรูหราทั้งหมด 6 ชิ้น พร้อมไฟ LED เดย์ไทม์รันนิ่งไลต์ 10 ดวงบริเวณข้างๆ ไฟตัดหมอกเดิม โดยมาพร้อมกับล้อขนาด 20 นิ้ว ดูใหญ่แน่น เติมเต็มความหรูหราและทันสมัย
ส่วนคันสุดท้าย นิสสัน นาวาร่า คันนี้แต่งในสไตล์ Low-Rider คาดด้วยสีส้มสด ทูโทน มาพร้อมกับระบบช่วงล่างถุงลมที่สามารถปรับขึ้นลงได้ สวมล้อขอบ 22 นิ้ว และที่ท้ายกระบะแถมจักรยานสไตล์ Low-Rider ตอกย้ำความโดดเด่นในสไตล์นี้ให้อีกคันด้วย
โดยรถยนต์ทั้งหมดล้วนจัดแสดงใน “บางกอก อินเตอร์เนชันแนล ออโต ซาลอน 2013” หากมีเวลาเชิญแวะชมได้ที่ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งงานมีถึงแค่วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้เท่านั้น
มองการออกแบบรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
การดีไซน์รถยนต์ในปัจจุบันมีการพัฒนาดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ละบริษัทรถยนต์สามารถพัฒนาและเปิดตัวรถรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การดีไซน์รถให้มีรูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอก็สามารถที่จะสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี
อนาคตการออกแบบรถจะไปในทิศทางใด
คาดว่าอนาคตของการออกแบบรถยนต์ก็จะอิงกับเรื่องของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปมากขึ้น เช่น ถ้าเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หน้ากระจังของรถก็จะเปลี่ยนไป เพราะไม่ต้องทำหน้าที่รับลมเข้าเพื่อไประบายความร้อนของหม้อน้ำ เป็นต้น อาจสรุปได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่จะกำหนดเทรนด์การออกแบบรถยนต์ก็คือ เทคโนโลยีของระบบอากาศพลศาสตร์ที่นักออกแบบจะต้องคิดค้นให้รถมีความลื่นลมมากที่สุด เพื่อสอดรับกับแนวโน้วของรถยนต์ที่จะพัฒนาไปสู่การประหยัดพลังงานสูงสุดนั่นเอง