เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด พาเยาวชนผู้ชนะเลิศโครงการประกวดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ “ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คอนเทสต์ ครั้งที่ 8” ทั้ง 6 คน เปิดประสบการณ์แห่งการสร้างสรรค์ในอาณาจักรฮอนด้า ทวินริง โมเตกิ ณ จังหวัดโตชิกิ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมร่วมกิจกรรมค่ายเยาวชนไทย-ญี่ปุ่น “ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คิดส์" เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ พร้อมสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้หลากหลายอันน่าประทับใจ
ภายในกิจกรรมค่ายเยาวชนไทย-ญี่ปุ่น “ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คิดส์" เยาวชนไทยและญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 12 คน ได้ร่วมกิจกรรมเสริมการเรียนรู้อันหลากหลายภายในอาณาจักรฮอนด้า ทวินริง โมเตกิ อาทิ การทดลองสร้างสิ่งประดิษฐ์รถพลังไฮโดรเจนแบบจำลอง พร้อมทั้งสัมผัสรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง FCX ยานยนต์พลังงานทางเลือกแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนของฮอนด้า นอกจากนี้ เด็กๆ ยังได้รับสิทธิสุดพิเศษ ชมการแสดงความสามารถของอาซิโม หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ที่สุดในโลกของฮอนด้า และการสาธิต U3-X อุปกรณ์ขับเคลื่อนส่วนบุคคล ที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมสมดุลที่พัฒนาต่อยอดจากงานวิจัยในโครงการพัฒนาหุ่นยนต์อาซิโม
ทั้งยังได้ท่องโลกแห่งเทคโนโลยีประดิษฐกรรมยานยนต์ของฮอนด้าในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก็บรวบรวมยนตรกรรมของฮอนด้าทุกชิ้นกว่า 60 ปีใน “ฮอนด้า คอลเลกชั่น ฮอลล์” และสนุกกับกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติในป่า Hello Woods เพื่อปลูกจิตสำนึกของเยาวชนได้ตระหนักถึงคุณค่าของป่าและเข้าใจในการดำรงชีวิตอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์ สิ่งมีชีวิตและธรรมชาติในโลกแห่งเทคโนโลยีล้ำหน้า แถมท้ายด้วยการสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้ ณ สถานที่น่าสนใจอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งชาติ มิไรกัง พิพิธภัณฑ์เลโก้ พิพิธภัณฑ์ทริคอาร์ต พิพิธภัณฑ์ Fujiko F Fujio สนุกสนานกับโตเกียวดิสนีย์แลนด์ และชมทิวทัศน์สองฟากแม่น้ำสุมิดะ
ชูอิชิโร คูโบะ ผู้จัดการทั่วไป สำนักกิจกรรมเพื่อมนุษยธรรม บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าทั่วโลกมีหลักการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม 4 ด้าน คือ การศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยด้านการจราจร ซึ่งวิสัยทัศน์ในช่วงปี 2553-2563 เราจะมุ่งเน้นกิจกรรมด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ภายใต้แนวคิด “Blue Skies for Our Children” ในการปลูกฝังให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคม ภายใต้ความกลมกลืนกับธรรมชาติ
“ค่ายซูเปอร์ไอเดียคิดส์เป็นการต่อยอดกิจกรรมปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์ของเด็กไทยและญี่ปุ่น ซึ่งเด็กๆ จะได้เรียนรู้การทำงานและอยู่ร่วมกับเพื่อนต่างชาติต่างภาษา รวมถึงเรียนรู้ผลงาน ปัญหาและวิธีคิดที่แตกต่างกันของ 2 วัฒนธรรม” นายคูโบะ กล่าว
ภายในกิจกรรมค่ายเยาวชนไทย-ญี่ปุ่น “ฮอนด้า ซูเปอร์ ไอเดีย คิดส์" เยาวชนไทยและญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 12 คน ได้ร่วมกิจกรรมเสริมการเรียนรู้อันหลากหลายภายในอาณาจักรฮอนด้า ทวินริง โมเตกิ อาทิ การทดลองสร้างสิ่งประดิษฐ์รถพลังไฮโดรเจนแบบจำลอง พร้อมทั้งสัมผัสรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง FCX ยานยนต์พลังงานทางเลือกแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนของฮอนด้า นอกจากนี้ เด็กๆ ยังได้รับสิทธิสุดพิเศษ ชมการแสดงความสามารถของอาซิโม หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ที่สุดในโลกของฮอนด้า และการสาธิต U3-X อุปกรณ์ขับเคลื่อนส่วนบุคคล ที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมสมดุลที่พัฒนาต่อยอดจากงานวิจัยในโครงการพัฒนาหุ่นยนต์อาซิโม
ทั้งยังได้ท่องโลกแห่งเทคโนโลยีประดิษฐกรรมยานยนต์ของฮอนด้าในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก็บรวบรวมยนตรกรรมของฮอนด้าทุกชิ้นกว่า 60 ปีใน “ฮอนด้า คอลเลกชั่น ฮอลล์” และสนุกกับกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติในป่า Hello Woods เพื่อปลูกจิตสำนึกของเยาวชนได้ตระหนักถึงคุณค่าของป่าและเข้าใจในการดำรงชีวิตอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์ สิ่งมีชีวิตและธรรมชาติในโลกแห่งเทคโนโลยีล้ำหน้า แถมท้ายด้วยการสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้ ณ สถานที่น่าสนใจอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งชาติ มิไรกัง พิพิธภัณฑ์เลโก้ พิพิธภัณฑ์ทริคอาร์ต พิพิธภัณฑ์ Fujiko F Fujio สนุกสนานกับโตเกียวดิสนีย์แลนด์ และชมทิวทัศน์สองฟากแม่น้ำสุมิดะ
ชูอิชิโร คูโบะ ผู้จัดการทั่วไป สำนักกิจกรรมเพื่อมนุษยธรรม บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าทั่วโลกมีหลักการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม 4 ด้าน คือ การศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยด้านการจราจร ซึ่งวิสัยทัศน์ในช่วงปี 2553-2563 เราจะมุ่งเน้นกิจกรรมด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ภายใต้แนวคิด “Blue Skies for Our Children” ในการปลูกฝังให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคม ภายใต้ความกลมกลืนกับธรรมชาติ
“ค่ายซูเปอร์ไอเดียคิดส์เป็นการต่อยอดกิจกรรมปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์ของเด็กไทยและญี่ปุ่น ซึ่งเด็กๆ จะได้เรียนรู้การทำงานและอยู่ร่วมกับเพื่อนต่างชาติต่างภาษา รวมถึงเรียนรู้ผลงาน ปัญหาและวิธีคิดที่แตกต่างกันของ 2 วัฒนธรรม” นายคูโบะ กล่าว