บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รุกขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขาทั่วประเทศเพื่อรักษาอัตราการเติบโตของธุรกิจต่อ โดยตั้งเป้าการเติบโตปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10%
ปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ TK เปิดเผยว่าในปีนี้ TK มีแผนการขยายงานสาขาเฉลี่ยเกือบทุกเดือน ไม่ต่ำกว่า 10 สาขาในปีนี้ ซึ่งเป็นการขยายสาขาที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการขยายงานนับตั้งแต่ก่อตั้งมากว่า 40 ปี ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปรับสัดส่วนการให้สินเชื่อระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้สะท้อนพื้นฐานของตลาดต่างจังหวัดที่มีการขยายตัวสูง สัดส่วนการใช้รถจักรยานยนต์อยู่ที่ 80% ส่วนที่เหลือ 20% เป็นสัดส่วนของตลาดรถจักรยานยนต์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยขณะนี้ TK มีสัดส่วนการให้สินเชื่อต่างจังหวัดเกือบ 70%
“การเร่งขยายสาขาครั้งนี้ เพื่อให้สัดส่วนระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นไปตามสัดส่วนของการขายรถจักรยานยนต์ในประเทศ แต่ไม่ได้หมายถึงตลาดกรุงเทพฯ ของ TK จะต้องหดตัวลง แต่เราจะเร่งการเติบโตของตลาดต่างจังหวัดให้มากกว่ากรุงเทพฯ” นางสาวปฐมากล่าว
ปฐมา กล่าวเพิ่มเติมว่า นับจากต้นปีจนถึงขณะนี้ TK ได้เปิดสาขาต่างจังหวัดเพิ่มแล้ว 2 สาขา และที่เหลืออีก 8 สาขา จะเร่งเปิดให้ครบภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้ TK มีสาขาทั้งสิ้น 94 แห่ง ครอบคลุม 49 จังหวัดทั่วประเทศภายในปีนี้ โดยจะเป็นสาขาในต่างจังหวัดทั้งหมด
เพื่อให้แผนการขยายสาขาเป็นไปตามเป้าหมาย นางสาวปฐมากล่าวว่า TK ได้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มเติมในปีนี้อีก 250 อัตรา ซึ่งจะทำให้จำนวนพนักงานของ TK เพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 2,000 คนในสิ้นปีนี้
“แต่เราไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถรับสมัครพนักงานได้ตามเป้าหมายหรือไม่เพราะปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงาน แม้ว่า TK จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่รัฐบาลประกาศใช้ทั้งประเทศแล้ว” นางสาวปฐมากล่าว
ทางด้าน ประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้ จะทำลายสถิติเดิม มาอยู่ที่ 2.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีอยู่ 2.13 ล้านคัน แต่ในส่วนของ TK ได้ตั้งเป้าการเติบโตของมูลค่าสินเชื่อไว้ที่ 10% ในปีนี้ โดย ณ สิ้นปี 2555 TK มีลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิรวม 8,647.9 ล้านบาท
“TK เองได้เร่งขยายสาขาต่างจังหวัดเพิ่มอย่างมากในปีนี้ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของตลาดต่างจังหวัดซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดกรุงเทพฯ ใน 10 ปีที่ผ่านมา” นายประพลกล่าว
การเร่งขยายสาขาครั้งนี้ นอกจากจะรองรับแผนการเพิ่มสัดส่วนของตลาดต่างจังหวัดแล้ว TK ยังมีความเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อในต่างจังหวัดจะดีกว่าตลาดกรุงเทพฯ ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาลที่ได้กระตุ้นผ่านโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด การปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ และในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลกำลังเดินหน้าโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศหรือ Thailand 2020 มูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของคนไทยทั่วประเทศ และ GDP ขยายตัวต่อเนื่องไปอีกหลายปีติดต่อกัน
ประพลกล่าวเพิ่มเติมว่าการเร่งขยายสาขาในปีนี้ อีกส่วนหนึ่งถือเป็นการเร่งสร้างบุคลากรเพื่อรองรับแผนการขยายงานไปยังต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณา 2 – 3 ประเทศในอาเซียน ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้ น่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ประเทศ
“TK มีผู้บริหารที่มีความสามารถซึ่งจะเป็นผู้ไปบุกเบิกในต่างประเทศร่วมกับพนักงานที่เป็นคนท้องถิ่น ซึ่งการขยายตัวของ TK ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ก็เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้บริหารและพนักงานที่มีความสามารถ เติบโตไปกับบริษัทฯ อย่างยั่งยืนอีกด้วย”
ปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ TK เปิดเผยว่าในปีนี้ TK มีแผนการขยายงานสาขาเฉลี่ยเกือบทุกเดือน ไม่ต่ำกว่า 10 สาขาในปีนี้ ซึ่งเป็นการขยายสาขาที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการขยายงานนับตั้งแต่ก่อตั้งมากว่า 40 ปี ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปรับสัดส่วนการให้สินเชื่อระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้สะท้อนพื้นฐานของตลาดต่างจังหวัดที่มีการขยายตัวสูง สัดส่วนการใช้รถจักรยานยนต์อยู่ที่ 80% ส่วนที่เหลือ 20% เป็นสัดส่วนของตลาดรถจักรยานยนต์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยขณะนี้ TK มีสัดส่วนการให้สินเชื่อต่างจังหวัดเกือบ 70%
“การเร่งขยายสาขาครั้งนี้ เพื่อให้สัดส่วนระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นไปตามสัดส่วนของการขายรถจักรยานยนต์ในประเทศ แต่ไม่ได้หมายถึงตลาดกรุงเทพฯ ของ TK จะต้องหดตัวลง แต่เราจะเร่งการเติบโตของตลาดต่างจังหวัดให้มากกว่ากรุงเทพฯ” นางสาวปฐมากล่าว
ปฐมา กล่าวเพิ่มเติมว่า นับจากต้นปีจนถึงขณะนี้ TK ได้เปิดสาขาต่างจังหวัดเพิ่มแล้ว 2 สาขา และที่เหลืออีก 8 สาขา จะเร่งเปิดให้ครบภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้ TK มีสาขาทั้งสิ้น 94 แห่ง ครอบคลุม 49 จังหวัดทั่วประเทศภายในปีนี้ โดยจะเป็นสาขาในต่างจังหวัดทั้งหมด
เพื่อให้แผนการขยายสาขาเป็นไปตามเป้าหมาย นางสาวปฐมากล่าวว่า TK ได้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มเติมในปีนี้อีก 250 อัตรา ซึ่งจะทำให้จำนวนพนักงานของ TK เพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 2,000 คนในสิ้นปีนี้
“แต่เราไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถรับสมัครพนักงานได้ตามเป้าหมายหรือไม่เพราะปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงาน แม้ว่า TK จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่รัฐบาลประกาศใช้ทั้งประเทศแล้ว” นางสาวปฐมากล่าว
ทางด้าน ประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้ จะทำลายสถิติเดิม มาอยู่ที่ 2.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีอยู่ 2.13 ล้านคัน แต่ในส่วนของ TK ได้ตั้งเป้าการเติบโตของมูลค่าสินเชื่อไว้ที่ 10% ในปีนี้ โดย ณ สิ้นปี 2555 TK มีลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิรวม 8,647.9 ล้านบาท
“TK เองได้เร่งขยายสาขาต่างจังหวัดเพิ่มอย่างมากในปีนี้ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของตลาดต่างจังหวัดซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดกรุงเทพฯ ใน 10 ปีที่ผ่านมา” นายประพลกล่าว
การเร่งขยายสาขาครั้งนี้ นอกจากจะรองรับแผนการเพิ่มสัดส่วนของตลาดต่างจังหวัดแล้ว TK ยังมีความเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อในต่างจังหวัดจะดีกว่าตลาดกรุงเทพฯ ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาลที่ได้กระตุ้นผ่านโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด การปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ และในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลกำลังเดินหน้าโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศหรือ Thailand 2020 มูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของคนไทยทั่วประเทศ และ GDP ขยายตัวต่อเนื่องไปอีกหลายปีติดต่อกัน
ประพลกล่าวเพิ่มเติมว่าการเร่งขยายสาขาในปีนี้ อีกส่วนหนึ่งถือเป็นการเร่งสร้างบุคลากรเพื่อรองรับแผนการขยายงานไปยังต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณา 2 – 3 ประเทศในอาเซียน ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้ น่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ประเทศ
“TK มีผู้บริหารที่มีความสามารถซึ่งจะเป็นผู้ไปบุกเบิกในต่างประเทศร่วมกับพนักงานที่เป็นคนท้องถิ่น ซึ่งการขยายตัวของ TK ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ก็เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้บริหารและพนักงานที่มีความสามารถ เติบโตไปกับบริษัทฯ อย่างยั่งยืนอีกด้วย”