มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ “เอ็มจีซี” ภายใต้การนำของ ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ในฐานะกรรมการผู้จัดการกลุ่มฯ แจงผลประกอบการปีที่ผ่านมาโกยรายได้รวม 12,000 ล้านบาท คาดปีงูเล็กเติบโตได้อีก 25% หรือทะลุ 15,000 ล้านบาท พร้อมเปิดใจเผยแผนขยายธุรกิจเตรียมก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ “เออีซี 2015” ลั่นสามารถดันรายได้ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท
ภาพรวมธุรกิจในเครือ
แบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ใหม่ ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ โดยดำเนินงานในนามบริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัด และสำหรับปี 2012 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในนามบริษัท มิลเลียนแนร์ ออโต้ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ( MAS ) เพื่อดูแลโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส โชว์รูมและศูนย์บริการของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 3 เป็นโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานที่ทันสมัยและครบวงจรล่าสุดของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค
ขณะที่อีกหนึ่งธุรกิจใหม่ล่าสุดของเอ็มจีซี คือ การได้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า โดยลงทุนเปิดศูนย์พัฒนาการ ฮอนด้า ออโตโมบิล (PHA) บนเนื้อที่ 7 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนพัฒนาการ ส่วนตัวเลขการลงทุนจะแถลงข่าวอีกครั้งเร็วๆ นี้
ต่อมาอันดับที่ 2 การขายรถมือสอง 3.ธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ได้แก่ ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร เอ็มเอ็มเอส-บ๊อช คาร์ เซอร์วิส ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MMS นอกเหนือจากหน่วยธุรกิจดังกล่าวมาแล้ว เอ็มจีซี ได้รุกขยายธุรกิจสู่ธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมในทุกแขนงของธุรกิจยานยนต์ โดยบริษัทได้รับการแต่งตั้ง เอซี ชนิทเซอร์ (AC Schnitzer) รวมถึงเทคอาร์ต (TechArt) ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายชุดแต่งและจูนนิ่งในระดับพรีเมี่ยม สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และปอร์เช่
อันดับที่ 4 ธุรกิจรถเช่า ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด ซึ่งให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าระยะสั้นและระยะยาว โดยธุรกิจรถเช่าระยะสั้นทางบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์จาก ซิกท์ (Sixt) บริษัทรถยนต์เช่าอันดับ 1 จากเยอรมนีให้ดูแลการทำตลาดใน 7 ประเทศของภูมิภาคอาเซียน ประกอบด้วย ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, พม่า, ลาว และกัมพูชา
อันดับที่ 5 ธุรกิจให้คำปรึกษาและการบริการด้านประกันภัย ครบวงจร ในนามแมกซี่ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ ประกันภัย อาทิ การรับประกันในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ประกันอุบัติเหตุ และคุ้มครองสุขภาพ ฯลฯ
บริหารงานเน้นพัฒนาบุคลากร
จากวิสัยทัศน์ของเอ็มจีซี คือ การก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกของอุตสาหกรรมยานยนต์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การวางรากฐานที่มั่นคงในด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลควบคู่ไปด้วย จึงมีการร่วมมือร่วมกับทางมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญในการเปิดหลักสูตรโปรแกรมมินิเอ็มบีเอขึ้น และเป็นอีกธุรกิจในเครืออันดับที่ 6.ภายใต้การดูแลของมาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่ง เซนเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์แบบครบวงจรของกลุ่มบริษัท ยิ่งไปกว่านั้น ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทจะได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มธุรกิจสุดท้ายหรืออันดับที่ 7. ในนาม บริษัท ไอ24 (i24) ศูนย์ปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศและคอลล์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้บริการทางด้านข้อมูลสารสนเทศและการพัฒนาระบบธุรกิจ
ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง
เอ็มจีซีเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ปี 2000 จนถึงวันนี้ครบ 12 ปีพอดี ความสำเร็จที่ผ่านมาเกิดจากมีรากฐานธรุกิจที่ดี เหมือนคนมีเงิน 1 ล้านบาท การจะขยับไปถึง 10 ล้านบาทไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเมื่อมีการบริหารจัดการที่ดีและเป็นระบบ สามารถเพิ่มเป็นร้อยหรือเป็นพันก็ง่าย โดยในปี 2011 เอ็มจีซีมียอดรายได้รวม 8,500 ล้านบาท ด้วยความโดดเด่นของผลงานและธุรกิจที่มีความหลากหลาย ส่งผลให้ในปี 2012 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดรายได้สูงถึง 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรถใหม่และรถมือสอง 65-70%, รถเช่า 10-12% และอื่นๆ ประมาณ 18% โดยคาดว่าในปี 2013 นี้จะมีอัตราการเติบโต 25% พร้อมผลประกอบการกว่า 15,000 ล้านบาท
แผนงานภายในประเทศ
ในปีนี้จะเริ่มโมเดลแฟรนไชส์ สำหรับบ๊อช คาร์ เซอร์วิส จากการที่ปัจจุบันธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์มีองค์ความรู้หรือการบริหารจัดการที่บริษัทแม่ป้อนให้ รวมถึงเทคโนโลยีของรถยนต์ก็พัฒนาไปมาก แต่สำหรับอู่ซ่อมอิสระเขารู้จักแต่สภาพตลาดในพื้นที่นั้นว่าลูกค้าของเขาเป็นใคร แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลและความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้นเราจะเข้าไปตอบโจทย์ให้ คล้ายการยกระดับจากร้านโชว์ห่วยให้เป็นร้านสะดวกซื้อ หรืออัปเกรดอู่รถให้เป็นศูนย์บริการมาตรฐาน ผ่านโมเดลธุรกิจของเราผสานการเทรนนิ่งและระบบไอที ล่าสุดกำลังเจรจากับเจ้าของอู่หลายรายทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มปูพรมก่อนในต่างจังหวัด ประมาณ 10 แห่งในปีนี้
ขยายธุรกิจรองรับเออีซี 2015
เริ่มจากซิกท์หรือธุรกิจรถเช่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจแรกที่เข้าไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะเราได้เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ในอาเซียนทั้งหมด 7 ประเทศ โดยมองประชากรในอาเซียนรวมกันคือ 600 ล้านคน จากจำนวนนี้ขอแค่ 0.001% หรือจำนวน 6 แสนคนที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศใน 4-5 พันสาขาของซิกท์ทั่วโลก นี่คือจุดหมายของเรา เพราะขั้นตอนการจองจะต้องดำเนินงานผ่านระบบของซิกท์ เหมือนเราเป็นโบกเกอร์ของซิกท์ในภาคพื้นนี้
ขณะเดียวกัน เมื่อปักธงซิกท์ในต่างแดนแล้ว ธุรกิจออโต้ดีลเลอร์ก็จะตามไป ตอนนี้กำลังเจรจาทั้งค่ายญี่ปุ่นและยุโรป โดยยังไม่สรุปว่าจะเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือผู้นำเข้า เนื่องจากบางแห่งบริษัทแม่ไม่ได้เข้าไปทำเอง แต่น่าจะได้ความชัดเจนก่อนเปิดเออีซี เพราะเริ่มเข้าไปจัดตั้งบริษัทบ้างแล้ว ยกตัวอย่างในลาวที่เวียงจันทน์มีการเซ็นสัญญาเช่าที่ดินไปแล้ว 60 ปี ส่วนพม่ากำลังคุยกับพาร์ทเนอร์ 2-3 ราย รวมถึงที่เวียดนามและมาเลเซียก็มีเจรจาอยู่เช่นกัน ทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะต้องดูปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งข้อกฎหมายและการเมืองในแต่ละประเทศ โดยคาดการณ์ว่าก่อนปี 2015-2016 ธุรกิจของเราในกลุ่มจะเติบโตเท่าตัวกว่าในปีนี้ หรือสูงถึง 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย 60% และต่างประเทศอีก 40%
อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทต้องหาแหล่งเงินทุนใหม่ โดยมีตัวเลือกมีสองทาง คือ จากสถาบันทางการเงิน หรือเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกหลัง คาดว่าจะดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนเปิดเออีซีในปี 2558
ภาพรวมธุรกิจในเครือ
แบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ใหม่ ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ โดยดำเนินงานในนามบริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัด และสำหรับปี 2012 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในนามบริษัท มิลเลียนแนร์ ออโต้ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ( MAS ) เพื่อดูแลโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส โชว์รูมและศูนย์บริการของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 3 เป็นโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานที่ทันสมัยและครบวงจรล่าสุดของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค
ขณะที่อีกหนึ่งธุรกิจใหม่ล่าสุดของเอ็มจีซี คือ การได้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า โดยลงทุนเปิดศูนย์พัฒนาการ ฮอนด้า ออโตโมบิล (PHA) บนเนื้อที่ 7 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนพัฒนาการ ส่วนตัวเลขการลงทุนจะแถลงข่าวอีกครั้งเร็วๆ นี้
ต่อมาอันดับที่ 2 การขายรถมือสอง 3.ธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ได้แก่ ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร เอ็มเอ็มเอส-บ๊อช คาร์ เซอร์วิส ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MMS นอกเหนือจากหน่วยธุรกิจดังกล่าวมาแล้ว เอ็มจีซี ได้รุกขยายธุรกิจสู่ธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมในทุกแขนงของธุรกิจยานยนต์ โดยบริษัทได้รับการแต่งตั้ง เอซี ชนิทเซอร์ (AC Schnitzer) รวมถึงเทคอาร์ต (TechArt) ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายชุดแต่งและจูนนิ่งในระดับพรีเมี่ยม สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และปอร์เช่
อันดับที่ 4 ธุรกิจรถเช่า ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด ซึ่งให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าระยะสั้นและระยะยาว โดยธุรกิจรถเช่าระยะสั้นทางบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์จาก ซิกท์ (Sixt) บริษัทรถยนต์เช่าอันดับ 1 จากเยอรมนีให้ดูแลการทำตลาดใน 7 ประเทศของภูมิภาคอาเซียน ประกอบด้วย ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, พม่า, ลาว และกัมพูชา
อันดับที่ 5 ธุรกิจให้คำปรึกษาและการบริการด้านประกันภัย ครบวงจร ในนามแมกซี่ อินชัวร์รัน โบรกเกอร์ ประกันภัย อาทิ การรับประกันในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ประกันอุบัติเหตุ และคุ้มครองสุขภาพ ฯลฯ
บริหารงานเน้นพัฒนาบุคลากร
จากวิสัยทัศน์ของเอ็มจีซี คือ การก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกของอุตสาหกรรมยานยนต์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การวางรากฐานที่มั่นคงในด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลควบคู่ไปด้วย จึงมีการร่วมมือร่วมกับทางมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญในการเปิดหลักสูตรโปรแกรมมินิเอ็มบีเอขึ้น และเป็นอีกธุรกิจในเครืออันดับที่ 6.ภายใต้การดูแลของมาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่ง เซนเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์แบบครบวงจรของกลุ่มบริษัท ยิ่งไปกว่านั้น ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทจะได้รับการสนับสนุนจาก กลุ่มธุรกิจสุดท้ายหรืออันดับที่ 7. ในนาม บริษัท ไอ24 (i24) ศูนย์ปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศและคอลล์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้บริการทางด้านข้อมูลสารสนเทศและการพัฒนาระบบธุรกิจ
ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง
เอ็มจีซีเริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ปี 2000 จนถึงวันนี้ครบ 12 ปีพอดี ความสำเร็จที่ผ่านมาเกิดจากมีรากฐานธรุกิจที่ดี เหมือนคนมีเงิน 1 ล้านบาท การจะขยับไปถึง 10 ล้านบาทไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเมื่อมีการบริหารจัดการที่ดีและเป็นระบบ สามารถเพิ่มเป็นร้อยหรือเป็นพันก็ง่าย โดยในปี 2011 เอ็มจีซีมียอดรายได้รวม 8,500 ล้านบาท ด้วยความโดดเด่นของผลงานและธุรกิจที่มีความหลากหลาย ส่งผลให้ในปี 2012 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดรายได้สูงถึง 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรถใหม่และรถมือสอง 65-70%, รถเช่า 10-12% และอื่นๆ ประมาณ 18% โดยคาดว่าในปี 2013 นี้จะมีอัตราการเติบโต 25% พร้อมผลประกอบการกว่า 15,000 ล้านบาท
แผนงานภายในประเทศ
ในปีนี้จะเริ่มโมเดลแฟรนไชส์ สำหรับบ๊อช คาร์ เซอร์วิส จากการที่ปัจจุบันธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์มีองค์ความรู้หรือการบริหารจัดการที่บริษัทแม่ป้อนให้ รวมถึงเทคโนโลยีของรถยนต์ก็พัฒนาไปมาก แต่สำหรับอู่ซ่อมอิสระเขารู้จักแต่สภาพตลาดในพื้นที่นั้นว่าลูกค้าของเขาเป็นใคร แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลและความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้นเราจะเข้าไปตอบโจทย์ให้ คล้ายการยกระดับจากร้านโชว์ห่วยให้เป็นร้านสะดวกซื้อ หรืออัปเกรดอู่รถให้เป็นศูนย์บริการมาตรฐาน ผ่านโมเดลธุรกิจของเราผสานการเทรนนิ่งและระบบไอที ล่าสุดกำลังเจรจากับเจ้าของอู่หลายรายทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มปูพรมก่อนในต่างจังหวัด ประมาณ 10 แห่งในปีนี้
ขยายธุรกิจรองรับเออีซี 2015
เริ่มจากซิกท์หรือธุรกิจรถเช่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจแรกที่เข้าไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะเราได้เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ในอาเซียนทั้งหมด 7 ประเทศ โดยมองประชากรในอาเซียนรวมกันคือ 600 ล้านคน จากจำนวนนี้ขอแค่ 0.001% หรือจำนวน 6 แสนคนที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศใน 4-5 พันสาขาของซิกท์ทั่วโลก นี่คือจุดหมายของเรา เพราะขั้นตอนการจองจะต้องดำเนินงานผ่านระบบของซิกท์ เหมือนเราเป็นโบกเกอร์ของซิกท์ในภาคพื้นนี้
ขณะเดียวกัน เมื่อปักธงซิกท์ในต่างแดนแล้ว ธุรกิจออโต้ดีลเลอร์ก็จะตามไป ตอนนี้กำลังเจรจาทั้งค่ายญี่ปุ่นและยุโรป โดยยังไม่สรุปว่าจะเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือผู้นำเข้า เนื่องจากบางแห่งบริษัทแม่ไม่ได้เข้าไปทำเอง แต่น่าจะได้ความชัดเจนก่อนเปิดเออีซี เพราะเริ่มเข้าไปจัดตั้งบริษัทบ้างแล้ว ยกตัวอย่างในลาวที่เวียงจันทน์มีการเซ็นสัญญาเช่าที่ดินไปแล้ว 60 ปี ส่วนพม่ากำลังคุยกับพาร์ทเนอร์ 2-3 ราย รวมถึงที่เวียดนามและมาเลเซียก็มีเจรจาอยู่เช่นกัน ทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะต้องดูปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งข้อกฎหมายและการเมืองในแต่ละประเทศ โดยคาดการณ์ว่าก่อนปี 2015-2016 ธุรกิจของเราในกลุ่มจะเติบโตเท่าตัวกว่าในปีนี้ หรือสูงถึง 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย 60% และต่างประเทศอีก 40%
อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทต้องหาแหล่งเงินทุนใหม่ โดยมีตัวเลือกมีสองทาง คือ จากสถาบันทางการเงิน หรือเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกหลัง คาดว่าจะดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนเปิดเออีซีในปี 2558
