บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย นำสองนักแข่งผู้มีคะแนนสะสมในอันดับ 1-2 ของรุ่น “ยาริส วันเมคเรซ” จากรายการโตโยต้ามอเตอร์สปอร์ต เดินทางไปร่วมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ประเทศญี่ปุ่น ในรายการใหญ่ “ฟูจิ สปรินท์ คัพ 2012” ณ สนามฟูจิ สปีดเวย์ โดยลงชิงชัยในรุ่น “วิทซ์คลับ” ร่วมกับนักแข่งแดนปลาดิบรวม 90 คัน
สำหรับรุ่น “วิทซ์คลับ” เป็นการนำรถยนต์โตโยต้า วิทซ์ หรือยาริสโฉมใหม่ ที่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน นำมาติดตั้งโรลบาร์และปรับแต่งสมรรถนะช่วงล่าง เพื่อลงทำการแข่งขันโดยมีความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ
ขณะที่สองนักซิ่งชาวไทย อลงกรณ์ ยั่งยืน ในรถหมายเลข 101 และ เดชพล ทองพูล ในรถหมายเลข 102 แม้ว่าจะไม่คุ้นเคยกับรถยนต์รุ่นใหม่นี้ เพราะยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย แต่ก็สามารถผ่านการตัดตัวสู่รอบแข่งจริงจำนวน 45 คัน ด้วยผลงานในช่วงเช้าจากรอบควอลิฟายในอันดับที่ 28 และ 43 ตามลำดับ
โดยก่อนลงทำการแข่งขันจริงในช่วงบ่าย สองนักขับจากประเทศไทยเปิดเผยกับคณะสื่อมวลที่เดินทางไปร่วมให้กำลังใจถึงแดนปลาดิบว่า แม้จะไม่คุ้นเคยกับรถและไลน์ในสนามฟูจิ สปีดเวย์ รวมถึงสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นจัด อีกทั้งยังมีฝนตกหนักสลับเบาตลอดทั้งวัน ซึ่งแตกต่างจากในวันซ้อมอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่จะไม่ประมาทและตั้งใจพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด
อลงกรณ์ กล่าวว่า “จากช่วงซ้อม 2 วันก่อนการแข่งขัน สนามแห้งสนิทไม่เหมือนวันนี้ที่ฝนตกตั้งแต่เช้า ทำให้การขับขี่คงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะสังเกตเห็นมีน้ำขังบางจุดด้วย”
เมื่อเข้าสู่รอบแข่งจริง สองนักแข่งตัวแทนจากประเทศไทยออกสตาร์ทได้อย่างน่าประทับใจ อลงกรณ์ ขยับอันดับขึ้นมาได้ถึงอันดับที่ 25 ส่วน เดชพล ไม่น้อยหน้าเช่นกัน สำหรับการไต่อันดับขึ้นมาอยู่ที่ 37
อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านไปครึ่งทาง รถแข่งวิ่งครบ 6 รอบสนาม อลงกรณ์ เร่งเครื่องหวังแซงคู่แข่งในโค้ง แต่พลาดท่าจนเสียอันดับหล่นไปอยู่ที่ 29 ในการวิ่งรอบที่ 7 ขณะที่ เดชพล แม้เร่งแซงคู่แข่งไปได้หลายคัน แต่ก็มาพลาดรถลื่นหมุนในรอบที่ 9 จนตกไปอยู่อันดับที่ 41
สุดท้ายเมื่อวิ่งครบ 11 รอบสนาม ท่ามกลางสนามที่เปียกแฉะตลอดการแข่งขัน ทั่งคู่ประคองตัววิ่งผ่านธงตราหมากรุก โดย อลงกรณ์ และ เดชพล เข้าเส้นชัยในอันดับ 29 และ 40 ตามลำดับ
หลังจบเกมทั้งคู่เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากและขอขอบคุณโตโยต้าและทีอาร์ดีที่มอบโอกาสในการมาแข่งขันครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นโพเดี้ยม แต่ก็ถือว่าทำได้ตามเป้าหมาย เพราะแค่ผ่านการตัดตัวจนได้เข้าสู่รอบแข่งจริงก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
อลงกรณ์ กล่าวว่า “ผมพลาดในโค้งหลังทางตรง เพราะต้องการเร่งแซง แต่ด้วยสภาพสนามที่เปียกและลื่นทำให้รถเสียหลักหลุดโค้งออกไป รอบนั้นโดนแซงไปประมาณ 5 คัน รู้สึกเสียดายที่ตัดสินใจเร็วไปหน่อย แต่ก็พอใจผลงานในภาพรวมที่สามารถวิ่งครบรอบจนจบการแข่งขันได้ครับ”
เดชพล กล่าวเสริมว่า “ส่วนผมในโค้งสามารถวิ่งแซงคู่แข่งได้ แต่ช่วงออกโค้งทำได้ไม่ดีนัก และพอหวังจะเร่งแซงคืน รถก็เสียอาการจนหมุนในช่วง 2 รอบสุดท้าย ดีที่วิ่งประคองตัวจนจบการแข่งขัน และรู้สึกว่าพอใจผลงานมากครับ แม้ว่าปีนี้จะไม่เคยซ้อมวิ่งในช่วงฝนตกเลยก็ตาม”