ตงฟง ออกตัวแรงเดินหน้าเปิดตัวรถไฟฟ้าเพื่อการบรรทุกรุ่น EK01 ครั้งแรกในอาเซียน และเป็นครั้งที่ 2 ของโลกต่อจากประเทศจีน โดยจัดกิจกรรมเปิดตัวครั้งแรกในไทยส่งรถล่าสุด รุ่น EK 01 รถไฟฟ้าเพื่อการบรรทุก ตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถบรรทุกเพื่อการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมจัดแสดงรถทุกุร่นในรูปแบบการใช้สอยต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการกำลังมองหารถยนต์เพื่อ SMEs พร้อมรับข้อเสนอ สุดพิเศษครบครัน ภายใต้แคมเปญ "ตงฟง ตรงใจ SMEs" งานมหกรรมยานยนต์
พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ทางค่าย ตงฟง มอเตอร์ส ได้ออกแบบบูทเพื่อจัดแสดงรถยนต์เชิงพาณิชย์รุ่นต่างๆ อาทิ ตงฟงมินิทรั๊ค, ตงฟงมินิแวน และตงฟง รุ่น V27 ภายใต้แนวคิด “Beyond Expectation หรือ เหนือความคาดหมาย” โดยไฮไลท์ในปีนี้ทาง ตงฟง ได้นำรถไฟฟ้าเพื่อการบรรทุก รุ่น EK 01 มาเปิดตัวเพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้ยลโฉมกันเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของ ผู้ที่กำลังมองหารถเพื่อการพาณิชย์ที่ประหยัดพลังงาน”
“รถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์รุ่น EK 01 ที่ได้นำออกมาเปิดตัวให้เห็นนั้นถือเป็นการเปิดโชว์ครั้งแรกของอาเซียน โดยรถไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวได้ผ่านการออกแบบและพัฒนามากว่า 3 ปีจากโรงงานของบริษัทแม่ ในประเทศจีน สำหรับโครงสร้างหลักคล้ายกับรถมินิทรั๊ค ที่ทางตงฟงจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน แต่แตกต่างกันในส่วนของระบบเครื่องยนต์ปรับเป็นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะรถคันนี้ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ สามารถบรรทุกได้สูงสุด 500 กิโลกรัม ด้วยความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. โดยรถไฟฟ้ารุ่นนี้ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ผู้ประกอบการที่กำลังมองหารถเพื่อการบรรทุกและประหยัดพลังงาน”
พิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า รถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการประหยัดพลังงานที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ ที่ให้รอบจัด แรงบิดสูง ส่งถ่ายกำลังด้วยระบบเกียร์ 5 สปีด ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. การจ่ายไฟขับเคลื่อนมอเตอร์จากจุดแบตเตอรี่แบบ Lead- Acid Better ด้วยแรงเคลื่อน 144 โวลต์ การชาร์ตแบตเตอรี่ต่อครั้งใช้เวลา 8-10 ชม. เมื่อแบตเตอรี่เต็มสามารถวิ่งระยะทางได้ 100 กม.ที่ความเร็ว 40 กม./ชม.โดยสามารถชาร์ตจากไฟบ้านได้เลย ง่ายต่อการใช้งานและบำรุงรักษา ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ ตามระยะการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องภาวะโลกร้อน เพราะรถคันนี้ไม่สร้างมลพิษใดๆ จากการใช้งานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน”
ตงฟง ยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ สำหรับ SMEs ไทยเป็นหลัก โดยคอนเซปใหม่ของแบรนด์ที่ว่า Beyond Expectation หรือ เหนือความคาดหมาย นั้น ทางบริษัทจะตอกย้ำในความพร้อมเหนือความคาดหมายของตงฟง ในเรื่อง คุณภาพ บริการ และ การใช้สอยในรูปแบบที่ลงตัวสำหรับ SMEs ไทยอย่างแท้จริง พร้อมทั้งตอกย้ำแคมเปญ "ตงฟง ตรงใจ SMEs" ภายใต้เงื่อนไขสามารถผ่อนจ่าย รถยนต์ตงฟงได้สบายกระเป๋าขึ้นในโปรโมชั่น "ผ่อนน้อยๆ วันละ120 บาท พร้อม ฟรี! ประกันภัยชั้น1 และรับคืนภาษีรถคันแรก สูงสุดถึง100,000 บาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาว SMEs อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นรถตงฟง มินิทรั๊ค, ตงฟง มินิแวน และตงฟง รุ่น V27 และเรายังคาดหวังในอนาคตที่จะขยายกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบการให้บริการท่องเที่ยว เช่น รีสอร์ท โรงแรม เป็นต้น
นอกจากนี้ทาง ตงฟง ยังจัดตั้งโชว์รูมและสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ พร้อมเปิด "ศูนย์ธุรกิจ บริการหลังการจำหน่าย" ที่ดูแลลูกค้าหลังการขายอย่างเต็มรูปแบบ เป็นหน่วยรองรับการจ่ายอะไหล่ ทั้งยังเป็นศูนย์อบรมทางเทคนิคสำหรับช่างยนต์มาตรฐานให้กับศูนย์บริการตงฟงทั่วประเทศ, หน่วยงานที่ดูแลการรับประกันคุณภาพ (Warranty) โดยลูกค้าสามารถติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ผ่านทาง Call center อีกด้วย” นายพิทยากล่าวทิ้งท้าย
พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ทางค่าย ตงฟง มอเตอร์ส ได้ออกแบบบูทเพื่อจัดแสดงรถยนต์เชิงพาณิชย์รุ่นต่างๆ อาทิ ตงฟงมินิทรั๊ค, ตงฟงมินิแวน และตงฟง รุ่น V27 ภายใต้แนวคิด “Beyond Expectation หรือ เหนือความคาดหมาย” โดยไฮไลท์ในปีนี้ทาง ตงฟง ได้นำรถไฟฟ้าเพื่อการบรรทุก รุ่น EK 01 มาเปิดตัวเพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้ยลโฉมกันเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของ ผู้ที่กำลังมองหารถเพื่อการพาณิชย์ที่ประหยัดพลังงาน”
“รถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์รุ่น EK 01 ที่ได้นำออกมาเปิดตัวให้เห็นนั้นถือเป็นการเปิดโชว์ครั้งแรกของอาเซียน โดยรถไฟฟ้ารุ่นดังกล่าวได้ผ่านการออกแบบและพัฒนามากว่า 3 ปีจากโรงงานของบริษัทแม่ ในประเทศจีน สำหรับโครงสร้างหลักคล้ายกับรถมินิทรั๊ค ที่ทางตงฟงจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน แต่แตกต่างกันในส่วนของระบบเครื่องยนต์ปรับเป็นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะรถคันนี้ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ สามารถบรรทุกได้สูงสุด 500 กิโลกรัม ด้วยความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. โดยรถไฟฟ้ารุ่นนี้ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ผู้ประกอบการที่กำลังมองหารถเพื่อการบรรทุกและประหยัดพลังงาน”
พิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า รถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการประหยัดพลังงานที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ ที่ให้รอบจัด แรงบิดสูง ส่งถ่ายกำลังด้วยระบบเกียร์ 5 สปีด ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. การจ่ายไฟขับเคลื่อนมอเตอร์จากจุดแบตเตอรี่แบบ Lead- Acid Better ด้วยแรงเคลื่อน 144 โวลต์ การชาร์ตแบตเตอรี่ต่อครั้งใช้เวลา 8-10 ชม. เมื่อแบตเตอรี่เต็มสามารถวิ่งระยะทางได้ 100 กม.ที่ความเร็ว 40 กม./ชม.โดยสามารถชาร์ตจากไฟบ้านได้เลย ง่ายต่อการใช้งานและบำรุงรักษา ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ ตามระยะการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องภาวะโลกร้อน เพราะรถคันนี้ไม่สร้างมลพิษใดๆ จากการใช้งานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน”
ตงฟง ยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ สำหรับ SMEs ไทยเป็นหลัก โดยคอนเซปใหม่ของแบรนด์ที่ว่า Beyond Expectation หรือ เหนือความคาดหมาย นั้น ทางบริษัทจะตอกย้ำในความพร้อมเหนือความคาดหมายของตงฟง ในเรื่อง คุณภาพ บริการ และ การใช้สอยในรูปแบบที่ลงตัวสำหรับ SMEs ไทยอย่างแท้จริง พร้อมทั้งตอกย้ำแคมเปญ "ตงฟง ตรงใจ SMEs" ภายใต้เงื่อนไขสามารถผ่อนจ่าย รถยนต์ตงฟงได้สบายกระเป๋าขึ้นในโปรโมชั่น "ผ่อนน้อยๆ วันละ120 บาท พร้อม ฟรี! ประกันภัยชั้น1 และรับคืนภาษีรถคันแรก สูงสุดถึง100,000 บาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาว SMEs อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นรถตงฟง มินิทรั๊ค, ตงฟง มินิแวน และตงฟง รุ่น V27 และเรายังคาดหวังในอนาคตที่จะขยายกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบการให้บริการท่องเที่ยว เช่น รีสอร์ท โรงแรม เป็นต้น
นอกจากนี้ทาง ตงฟง ยังจัดตั้งโชว์รูมและสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ พร้อมเปิด "ศูนย์ธุรกิจ บริการหลังการจำหน่าย" ที่ดูแลลูกค้าหลังการขายอย่างเต็มรูปแบบ เป็นหน่วยรองรับการจ่ายอะไหล่ ทั้งยังเป็นศูนย์อบรมทางเทคนิคสำหรับช่างยนต์มาตรฐานให้กับศูนย์บริการตงฟงทั่วประเทศ, หน่วยงานที่ดูแลการรับประกันคุณภาพ (Warranty) โดยลูกค้าสามารถติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ผ่านทาง Call center อีกด้วย” นายพิทยากล่าวทิ้งท้าย
