หากให้เล่นเกมขอ 3 คำ สำหรับการบอกคุณสมบัติที่โดดเด่นของ “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 3.0วี6” คงไม่มีคำใดจะเหมาะสมเกินไปกว่า “หรู นุ่ม เงียบ” ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมจึงต้องเป็นสามคำดังกล่าว มาติดตามกัน...
ก่อนอื่นคงต้องเล่าที่มาของทริปทดสอบอย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้ เนื่องจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดกิจกรรมแข่งขัน Eco Run โดยเชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ทุกแขนง มาร่วมเฟ้นหาตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันที่ประหยัดที่สุดของมิราจ ซึ่งรายละเอียดบทความทดสอบน้องเล็กในค่ายทรี ไดมอนด์ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” เคยนำเสนอแบบครบถ้วนไปแล้ว
ในโอกาสนี้เพื่อความหลากหลายของเนื้อหา จึงขออาสาเป็นผู้สังเกตการณ์ และพ่วงการสัมผัสสมรรถนะปาเจโร สปอร์ต ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 วี6 อีกหนึ่งทางเลือกในกลุ่มรถพีพีวี ซึ่งยังไม่เคยเขียนถึงดีกว่า โดยใช้เส้นทางเดียวกับกิจกรรม Eco Run กรุงเทพฯ-ชุมพร ระยะทางรวมเกือบ 1,000 กม.
สำรวจรูปลักษณ์ภายนอกยังคงความหรูหราและลงตัวเช่นเดิม ด้วยไฟหน้าแบบ HID มีระบบน้ำฉีดล้าง พร้อมระบบการเปิด-ปิด, ปรับระดับลำแสง และระบบที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ สปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ต พร้อมกล้องมองหลังขณะถอยจอด เพิ่มเพลทสัญลักษณ์ V6 ด้านข้างและท้ายตัวรถ
สำหรับภายในห้องโดยสารครบครันกับอุปกรณ์เสริมความสะดวกสบายแบบรถครอบครัว ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง คู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนแถว 2 ปรับเลื่อนหน้า-หลัง และแยกพับพนักพิงแบบ 60:40 รวมถึงแถวหลังสุดสามารถพับแบบ 50:50 หรือราบไปกับพื้นห้องโดยสาร เพื่อการวางสัมภาระได้อย่างเต็มที่
ด้านความบันเทิงจัดเต็มเครื่องเล่น DVD/VCD/MP3 ชุดต่ออุปกรณ์ภายนอก AUX/USB และ iPod ควบคุมผ่านจอภาพด้านหน้าแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมระบบเนวิเกเตอร์ รวมไปถึงระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบบลูทูธ พร้อมจอภาพขนาด 10.2 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
โดยการขับขี่ช่วงขาไปมีเพื่อนสื่อมวลชนที่รอแข่งขันขับประหยัดน้ำมันกลุ่มที่ 2 มาเสนอตัวเป็นสารถีให้ ผู้เขียนจึงขยับไปนั่งเบาะหลังแถวที่สอง รู้สึกสบายแอร์เย็นฉ่ำทั่วถึง เพราะมีช่องแอร์รองรับและสามารถปรับความแรงของพัดลมได้ ส่วนสรีระการยืดแข้งขากำลังพอเหมาะ แต่หากคนที่มีความสูงเกิน 180 ซม. อาจมีติดขัดไปบ้าง ตลอดจนช่องว่างระหว่างศีรษะกับเพดานเหลือน้อยไปหน่อย
เมื่อได้เวลาย้ายมานั่งเบาะหน้าฝั่งคนขับ ความประทับใจแรกกับเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 3.0 ลิตร วี6 24 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 219 แรงม้าที่ 6,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 281 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC คือ ขณะรถวิ่ง แม้จะไม่ได้เปิดฟังเครื่องเสียงภายในห้องโดยสาร แต่เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์เบนซินแทบไม่มีให้ได้ยิน กระทั่งขณะจอดรถลองเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้นมา ปรากฎว่าระบบการทำงานต่างๆ เงียบและเบากว่ามาก (เมื่อเทียบกับคันเครื่องยนต์ดีเซลที่จอดอยู่ข้างๆ)
ขณะที่การตอบสนองช่วงออกตัว รถไม่พุ่งเหมือนอย่างที่คิดไว้ อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงต้นมีอืดให้รู้สึกบ้าง แต่พอรอบเครื่องทะลุ 3,000 รอบต่อนาที กำลังความแรงมีมาให้อย่างเหลือเฟือ
ด้านการขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ INVECS II 5 สปีด พร้อม Sportronic สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เอง การส่งกำลังไหลลื่นไร้ที่ติ แต่บางจังหวะเร่งแซง ถ้าไม่อยากลุ้นมากก็ควรใช้แพดเดิลชิฟท์เป็นตัวช่วยเสริมด้วย
มาถึงการควบคุมของพวงมาลัยแม่นยำ น้ำหนักไม่เบาหรือหนักมือจนเกินไป อีกทั้งมีระยะฟรีเล็กน้อย ส่งผลให้การขับขี่ทางไกลไม่รู้สึกเครียดหรือเกร็ง และจะยิ่งผ่อนคลายหากเปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือครูสคอนโทรล เพราะจะได้ปล่อยเท้าขวาให้เป็นอิสระจากการเหยียบคันเร่งบ้าง
สำหรับช่วงล่างหน้าแบบปีกนก สองชั้น คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง หลังเป็นแบบ 3 จุดยึด คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ประสานการทำงานกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง 245/65 R17 ขับนุ่มไม่กระด้าง แม้เจอทางขรุขระก็ไม่รู้สึกสะเทือนมากนัก ด้านการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้งทำได้สมราคา
ส่วนอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง เติมแก๊สโซฮอล์ 95 ใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 100 กม./ชม. ตลอดทริปวัดได้ประมาณ 9 กม./ลิตร (ด้านการแข่งขัน Eco Run ในทริปเดียวกัน มิราจ ทำได้เฉลี่ยประมาณ 37 กม./ลิตร)
ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของบทสรุปที่ว่า “หรู-นุ่ม-เงียบ” และน่าจะเป็น 3 คำซึ่งเหมาะสมกับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 3.0 วี6 มากที่สุด หรือหากใครอยากจะเพิ่มคำว่า “ประหยัด” เข้าไปในยุคที่น้ำมันแพงแบบนี้ คงต้องหันไปพึ่งการติดตั้งระบบแก๊ส ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและวิจารณญาณของแต่ละคนว่า รถใหม่ป้ายแดงราคา 1,295,000 บาท คันนี้คู่ควรหรือไม่!
