ข่าวในประเทศ-สามค่ายรถยนต์ ฟอร์ด, เชฟโรเลต และมาสด้า ต่างเผยยอดขายประจำเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ยุคลธร วิเศษโกสิน รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “เรายังคงเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่เหนือชั้นของเราอย่างต่อเนื่อง ด้วยความชื่นชอบที่รถฟอร์ดมอบอุปกรณ์ต่างๆ มาอย่างครบครัน และคุ้มค่าคุ้มราคา เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เป็นเสมือนแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของฟอร์ดที่มีความสำคัญอย่างมากในการบอกเล่าถึงจุดเด่นต่างๆ ของรถฟอร์ดให้แก่บุคคลอื่นๆ ได้ทราบ ทั้งด้านความโดดเด่นของเทคโนโลยีอันชาญฉลาด การประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย และความมีคุณภาพของรถยนต์ที่ได้รับการผลิตขึ้นภายใต้แผน One Ford”
สำหรับยอดขายรถยนต์ฟอร์ดประจำเดือนกันยายน 2555 มียอดค้าปลีกรวม 4,877 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นการทำสถิติยอดขายประจำเดือนกันยายนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท โดยแบ่งออกเป็น ฟอร์ด เฟียสต้า 2,697 คัน เพิ่มขึ้นเกือบ 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว, ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มียอดค้าปลีก 888 คัน เพิ่มขึ้น 351% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม มียอดจองแล้วเกือบ 4,000 คัน
ขณะที่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มียอดค้าปลีกในเดือนกันยายนที่ 1,185 คัน เพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับยอดขายรถฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นก่อนหน้าในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุดมียอดจองแล้วเกือบ 34,000 คัน นับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย
ทั้งนี้ยอดขายรถฟอร์ดสะสม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) รวมอยู่ที่ 38,099 คัน เพิ่มขึ้นเกือบ 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน มีตัวเลขยอดขายอยู่ที่ 7,177 คัน รวมยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 52,945 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 130% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
นำโดย เชฟโรเลต โคโลราโด มียอดขาย 2,984 คัน ขณะที่โซนิค รถซับคอมแพ็กต์ผลิตในประเทศไทยรุ่นใหม่ล่าสุดตามมาเป็นอันดับสองด้วยจำนวน 1,372 คัน เหนือกว่าเป้าหมายที่วางไว้สำหรับเดือนกันยายนที่ 212 คัน สำหรับแคปติวามียอดขาย 990 คันและรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้ก็มียอดขายที่ดีเช่นกัน อยู่ที่ 920 คัน
ด้วยตัวเลขยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนกันยายนนี้อยู่ที่ 52,945 คัน ทำให้เชฟโรเลต มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยเติบโตจาก 2.3% เพิ่มขึ้นเป็น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554
ขณะที่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชฟโรเลต ก็มีอัตราการขยายตัวเช่นกัน โดยส่วนแบ่งการตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นจาก 1.3% ในเดือนกันยายน 2554 มาอยู่ที่ 3.1% ในปีนี้ สำหรับตัวเลขยอดขายรวมในเดือนกันยายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 8,262 คัน อินโดนีเซียมียอดขายมากที่สุด 411 คัน ตามมาด้วยมาเลเซีย 210 คัน ฟิลิปปินส์ 205 คัน สิงคโปร์ 184 คัน ขณะที่ลาว มียอดขายสูงสุดเช่นกันอยู่ที่ 135 คัน
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยยอดขายเดือนกันยายน 2555 อยู่ที่ 7,237 คัน เพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้ยอดขายสะสม 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ทะลุถึง 52,170 คัน มีอัตราการเติบโต 64% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ซึ่งมียอดขายรวมทั้งสิ้น 31,847 คัน
โชอิชิ ยูกิ กล่าวว่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนกันยายนที่ผ่านมายังคงร้อนแรงต่อเนื่องแม้ว่าจะอยู่ช่วงของฤดูฝนที่ประชาชนต่างวิตกกังวลในเรื่องของน้ำท่วม แต่ตลาดรถยนต์กลับไม่มีทีท่าจะแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์มาสด้าทะลุเกิน 7,000 คันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมียอดขายสูงถึง 7,237 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 82% โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 ทั้งรุ่นสปอร์ต แฮตช์แบค 5 ประตู และเอลิแกนซ์ ซีดาน 4 ประตู จำนวน 3,580 เพิ่มขึ้น 32% รถปิกอัพฮีโร่มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ จำนวน 3,065 คัน เติบโตสูงสุดถึง 242% รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตรใหม่ จำนวน 591 คัน เพิ่มขึ้น 57% และรถยนต์ประเภทพรีเมี่ยมคาร์ จำนวน 1 คัน ส่งผลให้ยอดขายรวม 9 เดือนทะลุถึง 52,170 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 64%
โชอิชิ ยูกิ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเปรียบเทียบเป็นในแต่ละไตรมาสจะเห็นว่ามาสด้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรก (Q1) มียอดขายรวมทั้งสิ้น 14,264 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และในไตรมาสที่สอง (Q2) ยังมีอัตราการเติบเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 16,313 คัน มีอัตราการเติบโตสูงถึง 58% และในไตรมาสที่สามของปีนี้กลับมีอัตราการเติบโตสูงถึง 87% หรือยอดขายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 21,593 คัน และคาดว่าในไตรมาสด้าสุดท้ายของปีนี้ (Q4) คาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 20,000 คัน หรือรวมทั้งปีมากกว่า 70,000 คัน ทะลุเกินเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ทางด้านผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีความคึกคักมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่จำนวนมาก ประกอบกับโครงการรถคันแรกของรัฐบาลกำลังจะสิ้นสุดลง และค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างต้องช่วงชิงความได้เปรียบและต้องเก็บยอดจองมาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ์จากโครงการดังกล่าว มาสด้าได้เตรียมแผนงานและมอบนโยบายไปยังผู้จำหน่ายอย่างชัดเจน คือ ต้องให้คำแนะนำกับลูกค้าเกี่ยวกับโครงการนี้ให้ละเอียดรอบคอบ และเช็ครายชื่อให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ซึ่งในขณะนี้มาสด้ามียอดจองสะสมอยู่จำนวนมากและจะสามารถส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งถ้าลูกค้าจองในตอนนี้จะได้รับรถประมาณเดือนมกราคม ฉะนั้นมาสด้าขอแนะนำให้ลูกค้ารีบจองเร็วขึ้นกว่าปกติ และเตรียมยื่นเอกสารก่อนถึงสิ้นปี เนื่องจากถึงตอนนั้นจะมีคนยื่นเข้ามามากอาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย และอาจยื่นเอกสารไม่ทันและจะทำให้เสียโอกาสดีๆ นั้นไป
ยุคลธร วิเศษโกสิน รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “เรายังคงเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่เหนือชั้นของเราอย่างต่อเนื่อง ด้วยความชื่นชอบที่รถฟอร์ดมอบอุปกรณ์ต่างๆ มาอย่างครบครัน และคุ้มค่าคุ้มราคา เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เป็นเสมือนแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของฟอร์ดที่มีความสำคัญอย่างมากในการบอกเล่าถึงจุดเด่นต่างๆ ของรถฟอร์ดให้แก่บุคคลอื่นๆ ได้ทราบ ทั้งด้านความโดดเด่นของเทคโนโลยีอันชาญฉลาด การประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย และความมีคุณภาพของรถยนต์ที่ได้รับการผลิตขึ้นภายใต้แผน One Ford”
สำหรับยอดขายรถยนต์ฟอร์ดประจำเดือนกันยายน 2555 มียอดค้าปลีกรวม 4,877 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นการทำสถิติยอดขายประจำเดือนกันยายนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท โดยแบ่งออกเป็น ฟอร์ด เฟียสต้า 2,697 คัน เพิ่มขึ้นเกือบ 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว, ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มียอดค้าปลีก 888 คัน เพิ่มขึ้น 351% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม มียอดจองแล้วเกือบ 4,000 คัน
ขณะที่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มียอดค้าปลีกในเดือนกันยายนที่ 1,185 คัน เพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับยอดขายรถฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นก่อนหน้าในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุดมียอดจองแล้วเกือบ 34,000 คัน นับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย
ทั้งนี้ยอดขายรถฟอร์ดสะสม 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) รวมอยู่ที่ 38,099 คัน เพิ่มขึ้นเกือบ 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน มีตัวเลขยอดขายอยู่ที่ 7,177 คัน รวมยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 52,945 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 130% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
นำโดย เชฟโรเลต โคโลราโด มียอดขาย 2,984 คัน ขณะที่โซนิค รถซับคอมแพ็กต์ผลิตในประเทศไทยรุ่นใหม่ล่าสุดตามมาเป็นอันดับสองด้วยจำนวน 1,372 คัน เหนือกว่าเป้าหมายที่วางไว้สำหรับเดือนกันยายนที่ 212 คัน สำหรับแคปติวามียอดขาย 990 คันและรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้ก็มียอดขายที่ดีเช่นกัน อยู่ที่ 920 คัน
ด้วยตัวเลขยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนกันยายนนี้อยู่ที่ 52,945 คัน ทำให้เชฟโรเลต มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยเติบโตจาก 2.3% เพิ่มขึ้นเป็น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554
ขณะที่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชฟโรเลต ก็มีอัตราการขยายตัวเช่นกัน โดยส่วนแบ่งการตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นจาก 1.3% ในเดือนกันยายน 2554 มาอยู่ที่ 3.1% ในปีนี้ สำหรับตัวเลขยอดขายรวมในเดือนกันยายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 8,262 คัน อินโดนีเซียมียอดขายมากที่สุด 411 คัน ตามมาด้วยมาเลเซีย 210 คัน ฟิลิปปินส์ 205 คัน สิงคโปร์ 184 คัน ขณะที่ลาว มียอดขายสูงสุดเช่นกันอยู่ที่ 135 คัน
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยยอดขายเดือนกันยายน 2555 อยู่ที่ 7,237 คัน เพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้ยอดขายสะสม 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ทะลุถึง 52,170 คัน มีอัตราการเติบโต 64% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ซึ่งมียอดขายรวมทั้งสิ้น 31,847 คัน
โชอิชิ ยูกิ กล่าวว่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับยอดขายรถยนต์มาสด้าในเดือนกันยายนที่ผ่านมายังคงร้อนแรงต่อเนื่องแม้ว่าจะอยู่ช่วงของฤดูฝนที่ประชาชนต่างวิตกกังวลในเรื่องของน้ำท่วม แต่ตลาดรถยนต์กลับไม่มีทีท่าจะแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์มาสด้าทะลุเกิน 7,000 คันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมียอดขายสูงถึง 7,237 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 82% โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 ทั้งรุ่นสปอร์ต แฮตช์แบค 5 ประตู และเอลิแกนซ์ ซีดาน 4 ประตู จำนวน 3,580 เพิ่มขึ้น 32% รถปิกอัพฮีโร่มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ จำนวน 3,065 คัน เติบโตสูงสุดถึง 242% รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตรใหม่ จำนวน 591 คัน เพิ่มขึ้น 57% และรถยนต์ประเภทพรีเมี่ยมคาร์ จำนวน 1 คัน ส่งผลให้ยอดขายรวม 9 เดือนทะลุถึง 52,170 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 64%
โชอิชิ ยูกิ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากเปรียบเทียบเป็นในแต่ละไตรมาสจะเห็นว่ามาสด้ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรก (Q1) มียอดขายรวมทั้งสิ้น 14,264 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และในไตรมาสที่สอง (Q2) ยังมีอัตราการเติบเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 16,313 คัน มีอัตราการเติบโตสูงถึง 58% และในไตรมาสที่สามของปีนี้กลับมีอัตราการเติบโตสูงถึง 87% หรือยอดขายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 21,593 คัน และคาดว่าในไตรมาสด้าสุดท้ายของปีนี้ (Q4) คาดว่าจะมียอดขายมากกว่า 20,000 คัน หรือรวมทั้งปีมากกว่า 70,000 คัน ทะลุเกินเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ทางด้านผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีความคึกคักมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่จำนวนมาก ประกอบกับโครงการรถคันแรกของรัฐบาลกำลังจะสิ้นสุดลง และค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างต้องช่วงชิงความได้เปรียบและต้องเก็บยอดจองมาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ์จากโครงการดังกล่าว มาสด้าได้เตรียมแผนงานและมอบนโยบายไปยังผู้จำหน่ายอย่างชัดเจน คือ ต้องให้คำแนะนำกับลูกค้าเกี่ยวกับโครงการนี้ให้ละเอียดรอบคอบ และเช็ครายชื่อให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ซึ่งในขณะนี้มาสด้ามียอดจองสะสมอยู่จำนวนมากและจะสามารถส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งถ้าลูกค้าจองในตอนนี้จะได้รับรถประมาณเดือนมกราคม ฉะนั้นมาสด้าขอแนะนำให้ลูกค้ารีบจองเร็วขึ้นกว่าปกติ และเตรียมยื่นเอกสารก่อนถึงสิ้นปี เนื่องจากถึงตอนนั้นจะมีคนยื่นเข้ามามากอาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย และอาจยื่นเอกสารไม่ทันและจะทำให้เสียโอกาสดีๆ นั้นไป
