ข่าวในประเทศ - ค่ายรถแดนกิมจิ “ซันยอง” เตรียมส่งรถอเนกประสงค์เอ็มพีวีรุ่น “สตาวิค” ใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ลงตลาดเดือนตุลาคมนี้ พร้อมชูจุดขายเครื่องยนต์ทันสมัย ขนาดเล็กน้ำหนักเบา และแรงบิดสูง ผ่านมาตรฐานยูโร 5 ตั้งราคาขายไม่เกิน 1.58 ล้านบาท มั่นใจสตาวิคใหม่กวาดยอดถึงสิ้นปีไม่ต่ำกว่า 120 คัน
นายวิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ประมาณปลายไตรมาสสามที่จะถึงนี้ ซันยองจะเปิดตัวรถอเนกประสงค์ ซันยอง สตาวิค เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรใหม่ ซึ่งพัฒนาตามหลักวิศวกรรมศาสตร์ยุคใหม่ เน้นขนาดเล็กลง เพื่อประหยัดพลังงาน ในขณะที่กำลังแรงม้า และแรงบิดยังคงเพิ่มขึ้น ตามสมัยนิยม ผ่านมาตรฐานยูโร 5
“สตาวิคใหม่เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและชมรถ รวมถึงทดสอบสมรรถนะของนิว สตาวิค 2.0 ได้ที่โชว์รูมซันยองทุกแห่งทั่วประเทศ และยังจะได้รับข้อเสนอพิเศษในช่วงเปิดตัว ซึ่งกำหนดขายอย่างเป็นทางการเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 1.58 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายการขายรุ่นนี้จนถึงสิ้นปี 2555 ไว้ไม่ต่ำกว่า 120 คัน”
ซันยอง สตาวิค เป็นรถเอ็มพีวีหรูอเนกประสงค์ ขนาด 11 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นรถธงของค่ายซันยอง ที่ได้รับความนิยมมายาวนาน จากกลุ่มลูกค้าครอบครัวคนไทยที่ชื่นชอบการใช้รถยนต์แบบอเนกประสงค์ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างอเนกประสงค์ทั้งการใช้งานในเมืองและต่างจังหวัด นอกจากนี้ ซันยอง สตาวิค ยังเป็นรถยนต์ที่สร้างความประทับใจและความเพลิดเพลินให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตลอดการเดินทาง
โดยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรใหม่ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ คอมมอนเรล แบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,800 รอบต่อนาที หัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิงได้รับการพัฒนาใหม่ ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ให้การเผาไหม้ที่หมดจรดมากกว่า ทำให้สามารถลดมลพิษลงได้มากขึ้น โดยมีค่า CO2 (คาร์บอนโมน็อกไซน์) เพียง 157 กรัมต่อกิโลเมตร ทั้งยังให้กำลังและแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.7 ลิตรเดิมอีกด้วย
นายวิรัตน์กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ น่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านคัน จากการถูกกระตุ้นโดยภาครัฐบาล ขณะที่ซันยองเน้นผลิตภัณฑ์รถยนต์หรูแบบอเนกประสงค์ ทั้งรถเอสยูวีและเอ็มพีวี แต่มั่นใจว่ายังสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่มีฐานะมั่นคง และมีความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยียานยนต์ ชื่นชอบชีวิตที่มีไลฟ์สไตล์แบบแฟมีลี และโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
“ที่สำคัญจากเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้รถยนต์ประเภทอเนกประสงค์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไม่แพ้กลุ่มปิกอัพยกสูง และถึงขณะนี้ผู้คนต่างก็ยังไม่คลายความกังวลกับวิกฤตอุทกภัยครั้งใหม่ ฉะนั้นความต้องการรถอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งาน และช่วยบรรเทาเบาบางความทุกข์ร้อนในชั่วโมงที่วิกฤตยังคงมีอยู่ ทำให้เชื่อว่ายอดจำหน่ายของซันยองในไตรมาสสุดท้าย จะยังคงมีอย่างสม่ำเสมอ และสามารถทำยอดขายรวม 1,000 คัน ได้ตามที่วางเป้าหมายไว้แน่นอน” นายวิรัตน์กล่าว
นายวิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ประมาณปลายไตรมาสสามที่จะถึงนี้ ซันยองจะเปิดตัวรถอเนกประสงค์ ซันยอง สตาวิค เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรใหม่ ซึ่งพัฒนาตามหลักวิศวกรรมศาสตร์ยุคใหม่ เน้นขนาดเล็กลง เพื่อประหยัดพลังงาน ในขณะที่กำลังแรงม้า และแรงบิดยังคงเพิ่มขึ้น ตามสมัยนิยม ผ่านมาตรฐานยูโร 5
“สตาวิคใหม่เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและชมรถ รวมถึงทดสอบสมรรถนะของนิว สตาวิค 2.0 ได้ที่โชว์รูมซันยองทุกแห่งทั่วประเทศ และยังจะได้รับข้อเสนอพิเศษในช่วงเปิดตัว ซึ่งกำหนดขายอย่างเป็นทางการเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 1.58 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายการขายรุ่นนี้จนถึงสิ้นปี 2555 ไว้ไม่ต่ำกว่า 120 คัน”
ซันยอง สตาวิค เป็นรถเอ็มพีวีหรูอเนกประสงค์ ขนาด 11 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นรถธงของค่ายซันยอง ที่ได้รับความนิยมมายาวนาน จากกลุ่มลูกค้าครอบครัวคนไทยที่ชื่นชอบการใช้รถยนต์แบบอเนกประสงค์ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างอเนกประสงค์ทั้งการใช้งานในเมืองและต่างจังหวัด นอกจากนี้ ซันยอง สตาวิค ยังเป็นรถยนต์ที่สร้างความประทับใจและความเพลิดเพลินให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตลอดการเดินทาง
โดยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรใหม่ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ คอมมอนเรล แบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,800 รอบต่อนาที หัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิงได้รับการพัฒนาใหม่ ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ให้การเผาไหม้ที่หมดจรดมากกว่า ทำให้สามารถลดมลพิษลงได้มากขึ้น โดยมีค่า CO2 (คาร์บอนโมน็อกไซน์) เพียง 157 กรัมต่อกิโลเมตร ทั้งยังให้กำลังและแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.7 ลิตรเดิมอีกด้วย
นายวิรัตน์กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ น่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านคัน จากการถูกกระตุ้นโดยภาครัฐบาล ขณะที่ซันยองเน้นผลิตภัณฑ์รถยนต์หรูแบบอเนกประสงค์ ทั้งรถเอสยูวีและเอ็มพีวี แต่มั่นใจว่ายังสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่มีฐานะมั่นคง และมีความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยียานยนต์ ชื่นชอบชีวิตที่มีไลฟ์สไตล์แบบแฟมีลี และโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
“ที่สำคัญจากเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้รถยนต์ประเภทอเนกประสงค์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไม่แพ้กลุ่มปิกอัพยกสูง และถึงขณะนี้ผู้คนต่างก็ยังไม่คลายความกังวลกับวิกฤตอุทกภัยครั้งใหม่ ฉะนั้นความต้องการรถอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งาน และช่วยบรรเทาเบาบางความทุกข์ร้อนในชั่วโมงที่วิกฤตยังคงมีอยู่ ทำให้เชื่อว่ายอดจำหน่ายของซันยองในไตรมาสสุดท้าย จะยังคงมีอย่างสม่ำเสมอ และสามารถทำยอดขายรวม 1,000 คัน ได้ตามที่วางเป้าหมายไว้แน่นอน” นายวิรัตน์กล่าว
