จริงหรือไม่?....90%ของผู้ชายที่มางานโชว์รถนั้นจริงๆแล้วมาดูพริตตี้ ต้องบอกว่าไม่น่าจะเกินความจริงเพราะนอกจากหน้าตาที่สะสวย รูปร่างที่ชวนมองแล้ว พวกเธอเหล่านั้นคือสิ่งดึงดูดใจเพิ่มมูลค่าให้สินค้ามากขึ้น จึงทำให้อาชีพแบบนี้สร้างรายได้จำนวนมหาศาลมีเงินหมุนเวียนปีละหลายสิบล้านบางคนสามารถไต่เต้าจนเข้าสู่วงการบันเทิงเลยทีเดียว
แต่ใครจะรู้ว่าต้นกำเนิดของอาชีพที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า "พริตตี้" นั้นมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้บ้านเรากำลังมีงานบางกอกฯ ออโต ซาลอนงานโชว์รถแต่งอลังการ แล้งยังมีกิจกรรมมากมายหนึ่งในนั้นก็คือการอวดโฉมของพริตตี้ที่ขนกันมาแบบเต็มเหนี่ยวทุกค่าย แต่ที่เด็ดสุดก็คืองานนี้เป็นงานแรกที่นำพริตตี้กว่า 20 ชีวิตบินตรงมาจากแดนปลาดิบให้หนุ่มไทยชมกันแบบใกล้ชิด เบื้องหน้าที่สุดแสนคิกขุอาโนเนะ แต่กว่าจะมาเป็นพริตตี้ได้นั้นต้องฝ่าฟันอะไรมาบ้างไปติดตามกัน....
**ต้นฉบับพริตตี้**
อาชีพพริตตี้เริ่มมีมาประมาณ25 ปีมาแล้ว เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง"โตโยต้า" เป็นต้นตำหรับไอเดียดังกล่าวที่ให้สาวสวยมายืนให้ข้อมูลแก่ลูกค้าเพราะลูกค้าส่วนมากนั้นเป็นผู้ชายซึ่งได้ผลเกินคาดทำให้มีคนสนใจในสินค้ามากขึ้น ทำให้เจ้าอื่นหันมาใช้วิธีนี้ด้วย ทำให้อาชีพนี้แพร่หลายไปทั่วโลกจนกลายเป็นสรรพนามที่เรียกและเข้าใจตรงกันว่า “พริตตี้”ที่เรียกทับศัพท์มาจาก “Pretty” ที่แปลว่าน่ารักนั่นเอง
แต่สำหรับประเทศต้นกำเนิดกลับเรียกสาวๆเหล่านี้ว่า "อิมเมจ เกิร์ล" (Image Girl) หรือถ้าเป็นสาวสวยที่มายืนโพสท่าท่ามกลางบรรยากาศสุดมันส์ในสนามแข่งรถนั้นจะเรียกว่า "เรซ ควีน" (Race Queen) ถึงจะมีชื่อเรียกอย่างไรก็ตามแต่งานแบบนี้กลับเป็นอาชีพยอดนิยมติดอันดับ 6 ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
**Pretty's Got Talent สวยรวยเก่ง**
สำหรับสาวๆ A -class Girls ที่ถือว่าเทียบเคียงได้กับ Miss Motor Show ของไทยนั้นพวกเธอเปิดใจว่าการก้าวเข้ามาใจวงการนั้นของเธอนั้นมีหลายขั้นตอนมากตั้งแต่การไปสมัครเพื่อเข้าประกวดจากสาวๆทั่วประเทศกว่าปีละหลายร้อยคน จนกระทั่งได้รับคัดเลือกซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และคุณสมบัติของพวกเธอนั้นไม่ธรรมดาเพราะสามารถร้องเพลง เต้นรำ เล่นดนตรี บางคนเป็นนักกีฬาก็มี รวมถึงมีความรู้เรื่องรถยนต์ไม่แพ้ผู้ชายเลย แต่เมื่อได้รับตำแหน่งแล้วมันคือใบเบิกทางให้ก้าวสู่วงการบันเทิงหรือเวทีนางแบบ ไหนจะรายสุดงาม และบรรดาแฟนคลับที่คอยสนับสนุนอีกด้วย ที่สำคัญไม่มีการจำกัดอายุสามารถทำงานจนกว่าจะเลิกเอง
EMI SHIMIZU หนึ่งในทีม A -class Girls กล่าวว่าสิ่งที่เธอภาคภูมิใจก็คือการได้มาร่วมงานใหญ่ๆแบบนี้และเป็นที่รู้จักมากขึ้น "ตอนได้รับคัดเลือกฉันดีใจมากและตื่นเต้นจะได้เจอสิ่งต่างๆในอนาคตที่จะเข้ามาแต่ในขณะเดียวกันรู้สึกว่าจะต้องทำหน้าที่ให้ดีค่ะ เพราะรุ่นพี่ๆของฉันเธอทำได้ดีมาก แรกๆฉันเองรู้สึกประหม่ามากเวลาเจอคนเยอะๆ แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือประสบการณ์และความรับผิดชอบ"
**เมื่อสาวยุ่นปะทะสาวไทย**
การมาร่วมงานบางกอกฯ ออโต ซาลอน ครั้งนี้ถือว่าเป็นการรับงานนอกประเทศของพวกเธอและเมื่อต้องมาเจอพริตตี้สาวไทยที่มีสไตล์แตกต่างกัน แต่พวกเธอก็ไม่หวั่นใจและการันตีด้วยความน่ารักและความเป็นกันเองบวกกับรอยยิ้มใสๆแค่นี้หนุ่มไทยก็ใจละลายแล้ว
"พวกเราคิดว่าแต่ละประเทศย่อมมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้นพวกเราทำงานกันเป็นทีมมีต้นสังกัดคอยดูแลและป้อนงานให้ ส่วนพริตตี้ของไทยนั้นพวกเธอสวยและเซ็กซี่มากๆ รวมถึงเรื่องเสื้อผ้าที่มีความหลากหลายแล้วยังมีการต้อยรับพวกเราแบบอบอุ่นมาก ที่สำคัญพริตตี้ไทยมีเยอะมากไม่แพ้ประเทศญี่ปุ่นเลย" MAASA MAEDA อีกหนึ่งสาวบอกกับเราแบบนี้
**พริตตี้เหยื่อ(สายตา)ผู้ชาย**
เรียกได้ว่างานไหนมีพริตตี้งานนั้นมีผู้ชายเยอะมากและยังแฝงด้วยอันตรายจากผู้ที่ไม่หวังดีประเภทที่อยากเป็นช่างภาพ(แอบถ่าย) มือสมัครเล่น ด้วยกล้องมือถือ กล้องดิจิตอล กระทั่งกล้องวีดีโอ มาถ่ายในมุมที่ไม่สมควร เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขันทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว บางครั้งมีคนมาสนใจพวกเธอมากกว่ารถยนต์ หรือสินค้าที่เธอกำลังทำงานให้ แต่สาวๆก็มีการตั้งรับอย่างดี
MISATO KASHIWAGI บอกว่า"พริตตี้เปรียบได้กับหน้าร้านถ้าหน้าร้านดูสวยคนก็ย่อมอยากเข้ามาดูในร้านอยู่แล้ว ทั้งนี้ต้องดูที่จุดประสงค์ของคนที่เข้ามามากกว่าว่าเขาอยากดูอะไรกันแน่ บางคนก็ดูผ่านๆเพราะตั้งใจจะมาดูรถจริงๆ ส่วนการซื้อรถนั้นมันไม่เกี่ยวกับพวกฉันค่ะ ลูกค้าต้องดูที่คุณภาพและราคาของรถ เราเพียงแค่ช่วยส่งเสริมให้รถน่าดูมากขึ้นเท่านั้นเอง และที่สำคัญพวกเราทำตามหน้าที่ค่ะ"
**บันไดสู่ความฝัน**
การทำงานพริตตี้นั้นนอกจากจะเป็นอาชีพที่สาวๆญี่ปุ่นหลายคนให้ความสนใจกันแล้ว ยังเป็นบันไดให้พวกเธอก้าวข้ามสู่ความฝันในสายงานอื่นๆไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแสดง นางแบบ HARUKA KATON อีกสาวในทีม A -class Girls บอกกับเราว่าความฝันต่อไปของเธอนั้นก็คือการได้เฉิดฉายอยู่บนรันเวย์
"จริงๆแล้วการได้มาเป็น A -class Girls นั้นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่มีวันลืมของฉันเลยค่ะ นอกจากจะได้เจอเพื่อนๆที่ดีแล้ว ฉันยังได้ประสบการณ์มากมาย ได้เรียนรู้งานหลากหลายประเภท ที่สำคัญมีความมั่นใจมากขึ้นและพร้อมจะก้าวไปอีกขั้นโดยการเป็นนางแบบ เพราะฉันชื่นชอบการได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆขอดีไซน์เนอร์ชื่อดัง และอยากให้ประเทศอื่นๆเห็นถึงความสวยงามของวัฒนธรรมญี่ปุ่นค่ะ"
นี่คือการพูดคุยเล็กๆน้อยๆให้รู้จักตัวตนของพวกเธอมากขึ้น แต่ถ้าใครอยากสัมผัสความน่ารักแบบใกล้ชิดของ 4 สาว A -class Girls ก็เชิญได้ที่งาน Bangkok International Auto Salon 2012 ที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 จนถึงวันที่ 1 กรกฏาคม 2555 นี้เท่านั้น......
