xs
xsm
sm
md
lg

Lexus GS250 F Sport สปอร์ต-หรู ครบทุกอารมณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เห็นแนวทางการพัฒนารถยนต์ของ “เลกซัส” แล้วน่าชื่นชมครับ เพราะยกระดับทั้งรูปลักษณ์ความสวยงาม เทคโนโลยีทันสมัย ตลอดจนสมรรถนะการขับขี่ อย่างปีก่อนจัด CT200h ไฮบริดแฮทซ์แบ็กสายพันธุ์ใหม่ เข้ามาทำตลาดในไทย พร้อมเปิดราคา2.19 ล้านบาท หวังจับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆที่ต้องการรถ Entry Level ของเลกซัส ซึ่งสุดท้ายก็ได้การตอบรับดี และขายกระจายตามคาด!

มาปีนี้ “เลกซัส” ในเครือโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ประเดิมต้นปีด้วยการส่งรถตระกูล GS ออกมาประดับวงการรถหรู ซึ่งเป็นคู่แข่งระดับเดียวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส และ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 5 นั่นละครับ

สำหรับ เลกซัส GS ใหม่ เจเนอเรชันที่ 4 อวดโฉมครั้งแรกในโลกที่งาน Pebble Beach Concours d'Elegance แคลิฟอร์เนีย เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว (ดันไปใช้เวทีรถโบราณเปิดตัวซะอย่างนั้น) และอย่างที่รู้กันว่า ณ ตลาดแห่งนี้ (สหรัฐอเมริกา) ยอดขายรวมของเลกซัสนั้นดีกว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู หรือ ออดี้ เสียอีก

เลกซัส GS ใหม่ ยังยึดปรัชญาการออกแบบ “L-finesse” ด้วยรูปลักษณ์ปราดเปรียว และมีค่าสัมประสิทธ์แรงเสียดทาน (Cd)ต่ำเพียง0.26 โดยรวมรถดูมีมิติคมเข้มทุกมุมมอง กระจังหน้าโฉบเฉี่ยวรับกับเส้นสายที่ลากมาจากฝากกระโปรง ต่อเนื่องลงมาถึงกันชนให้ความสปอร์ตลงตัว โคมไฟแต้มด้วยไฟ Daytime Running Lights ตามสมัยนิยม

ส่วนรุ่น F Sport จะดูเท่ขึ้นมาอีกนิดด้วยหลังคาแก้ว Moonroof รวมถึงสปอยเลอร์หลัง และล้ออัลลอยด์สีเทาเข้มขนาด 18 นิ้วประกบยาง 235/45 R18 ภายในแต่งด้วยอลูมิเนียมหลายจุดทั้ง แผงคอนโซล ช่องแอร์ ช่องใส่ซีดี รวมถึงแป้นเบรก-คันเร่ง-ที่พักเท้า ซึ่งจะตัดกับหนังสีดำของเบาะนั่ง พวงมาลัย คันเกียร์ ก็ดูสวยไปอีกแบบ

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุชั้นดี ตลอดจนชิ้นงานต่างๆประกอบเข้ากันอย่างพิถีพิถัน และยังแอบแฝงความคลาสสิกจากนาฬิกาอนาลอก(เข็มสั้น-เข็มยาว)ทรงกลมที่ฝังอยู่ตรงกลางระหว่างช่องแอร์ด้านหน้า ขณะเดียวกันยังใช้“เม้าส์” หรือ Remote Touch Interface (RTI) เพื่อควบคุมเครื่องเสียง ระบบนำทาง และข้อมูลการขับขี่ โดยแสดงผ่านหน้าจอ EMV ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ที่ให้ความละเอียดสูงเห็นชัด

ส่วนการใช้“เม้าส์”ควบคุมที่ต้องอาศัยมือซ้ายเขี่ย-คลิก(กรณีเป็นคนขับ) อาจจะควบคุมยากไปสักนิด แต่เชื่อว่าถ้าเป็นเจ้าของจริงๆใช้อยู่ประจำไม่น่าจะเป็นปัญหา (แต่ผู้เขียนชอบ ไอ-ไดร์ฟของ บีเอ็มดับเบิลยูมากกว่า)

นอกจากจะอุดมความหรูหราและอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆแล้ว ต้องยอมรับว่าภายในห้องโดยสารของ GS250ยังกว้างขวางสะดวกสบาย โดยตำแหน่งนั่งด้านหน้ามีพื้นที่เหนือศีรษะสูงขึ้นจากเดิม 30มม. และด้านหลังสูงขึ้น 20มม. พร้อมการออกแบบห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายใหม่ เพิ่มพื้นที่ใช้สอยเป็น 530 ลิตร (จากเดิม 430 ลิตร) ซึ่งเลกซัสคุยว่าสามารถใส่ถุงกอล์ฟขนาดมาตรฐานได้ 4 ใบ


ในส่วนระบบ Keyless ของเลกซัสนั้นใช้การ์ดครับ เพียงพกไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ดูเรียบดีไม่ปูดเหมือนกุญแจรีโมท ส่วนจังหวะเปิดประตูปลดล็อกฉับไวไม่มีดีเลย์

หลังจากเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยเรียบร้อย พบว่าเบาะนั่งออกแนวสปอร์ตแข็งนิดๆ แต่สามารถปรับระดับได้หลากหลาย เพื่อรองรับกับสรีระคนขับมากที่สุด ขณะเดียวกันช่วงขา-ช่วงแขนยังขยับขยายได้สบาย นั่งแล้วไม่อึดอัด เหนืออื่นใดเมื่อปรับเบาะนั่งให้ถนัดแล้ว ยังพบว่ามุมมองด้านหน้าโปร่งชัด ส่วนด้านข้างและมุมมองของกระจกมองหลังถนัดตา

ส่วนใครที่ชอบเทคโนโลยีจัดๆ เลกซัส GS250 ในรุ่น F Sport และ Premium ยังใส่ระบบ Head Up Display - HUD หรือ “ฮัด” (เลือกเปิด-ปิดได้)ที่จะแสดงข้อมูลการขับขี่ และระบบนำทางขึ้นมาที่ด้านล่างของกระจกบังลมหน้า โดยตำแหน่งจะอยู่ตรงกับคนขับ หรือตรงกับโล้โก้เลกซัสที่พวงมาลัยพอดี


ด้านการขับขี่ปกติตัวรถเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าเร่งแรงๆเสียงเครื่องยนต์ดูจะดังหวานหู ยิ่งบี้คันเร่งยิ่งเร้าใจ ซึ่งประเด็นนี้เห็นว่าเลกซัสมีแอบใช้ตัวกำเนิดเสียงเครื่องยนต์ (Engine / Muffler Sound Generator) ที่ตั้งให้มีเสียงทุ้มหนักแน่นในรอบเครื่องต่ำ และจะแผดคำรามในรอบเครื่องสูง

เลกซัส GS250 F Sport สามารถเลือกโหมดขับเคลื่อนได้ 4 รูปแบบ คือ Normal,ECO,SPORT และ SPORT+ ซึ่งการขับในโหมด Normal ผู้เขียนว่าพลังของเครื่องยนต์ 4GR-FSE วี6สูบ Dual VVT-i ขนาด 2.5 ลิตร 207 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จัดมาให้แบบต่อเนื่องทันใจอยู่แล้ว ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ระดับ 8.8 วินาที ถือว่าไม่ธรรมดาครับ

แต่กระนั้นเมื่อปรับไปเป็นโหมด SPORT เครื่องยนต์ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น พร้อมกับการลากรอบ และพยายามเล่นเกียร์ต่ำ ตลอดจนน้ำหนักพวงมาลัยที่หน่วงและแม่นยำมากขึ้น ซึ่งการขับโหมดนี้ก็สนุกมันพอสมควร รอบเครื่องยนต์จะสูงอยู่ตลอดเวลา เพื่อรอจังหวะบดคันเร่งส่งให้รถทะยานไปข่างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับการควบคุมที่เฉียบคม และน้ำหนักพวงมาลัยแปรผันตามความเร็วของรถ

ขณะที่โหมดSPORT+ (ถ้าเป็นรุ่น Luxury จะไม่มีโหมดนี้) จะยกความเร้าใจของโหมดสปอร์ตมาทั้งหมด แต่จะเสริมด้วยความหนึบแน่นของช่วงล่างที่รู้สึกว่าจะสะท้านแข็งมากขึ้น โดยจะให้ทั้งความมั่นใจและอารมณ์ขับสนุกพร้อมจับอาการต่างๆในโค้งได้แม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้เลกซัส GS 250 ยังมีระบบเทพๆ เช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์ 5 คือระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ ที่ใช้ชุดพวงมาลัยแปรผันอัตราทด (VGRS) สำหรับควบคุมล้อหน้า และชุดบังคับเลี้ยวล้อหลัง DRS (Dynamic Rear Steering) ดังนั้นเมื่อขับเข้าโค้งบนความเร็วสูง จะควบคุมรถได้เนียนพร้อมการทรงตัวอย่างมีเสถียรภาพ

ขณะเดียวกันในการขับขี่ความเร็วต่ำ หรือต้องการหักเลี้ยว กลับรถในที่แคบๆ ด้วยชุดบังคับเลี้ยวล้อหลังจะหมุนล้อไปทิศทางตรงกับข้ามกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มความคล่องตัวได้เป็นอย่างดี ขณะที่เลกซัสแจ้งว่า GS 250 มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.3 เมตร (ประมาณรถซับคอมแพกต์ทั่วไป)

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันที่ผู้เขียนขับจากเขาใหญ่กลับมากรุงเทพฯ ใช้ความเร็ว 120 -130กม./ชม.เป็นหลัก แต่บางช่วงถนนโล่งก็ลองบี้ความเร็วขึ้นไปมากกว่านั้น สรุปยังเห็นตัวเลข 8 กม./ลิตร ขณะที่เลกซัสเคลมตัวเลขสวยๆไว้ 10.75 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...เทคโนโลยียานยนต์ใดๆที่มีในค่ายรถเยอรมัน เลกซัสก็จัดให้-ทำได้เช่นกัน ซึ่งใครชอบของเล่นเยอะๆเพื่อเอาไว้ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยไม่น่าจะผิดหวังกับGS250 คันนี้ ส่วนสมรรถนะการขับขี่ให้ครบทั้งความ“นุ่มหนึบ-สปอร์ตสบาย” หรือเทียบชั้นกับ“อี-คลาส”และ “ซีรีย์5” ได้แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น