xs
xsm
sm
md
lg

BMW i8 Spyder Concept : เปิดประทุนล้ำอนาคต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



แม้ว่าสปอร์ตรักษ์โลกจากค่ายใบพัดสีฟ้าอย่างรุ่น i8 จะไม่ทันส่งตัวถังคูเป้ออกวางขายในตลาด แต่แบรนด์ดังจากเยอรมันก็มีผลผลิตที่ 2 ออกมาเป็นทางเลือกใหม่ให้สัมผัสกันแล้ว เมื่อเผยภาพพร้อมรายละเอียดของเวอร์ชันเปิดประทุน หรือ Spyder โดยมีข่าวว่าจะวางขายต่อจากรุ่นคูเป้ทันที

ก่อนที่จะไปถึงเรื่องของ i8 ย้อนความกันสักนิด สำหรับรหัส i ของบีเอ็มดับเบิลยู เปิดตัวออกมาโดยเป็นแบรนด์ย่อย หรือ Sub-brand ของค่ายเพื่อสร้างความแตกต่างจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ ซึ่งรหัส i จะเป็นรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ใช้เทคโนโลยีพลังไฟฟ้า หรือไม่ก็ไฮบริดในการขับเคลื่อน

บีเอ็มดับเบิลยูเผยโฉม 2 ผลผลิตแรกของรถยนต์ตระกูลนี้ออกมากับรุ่น i3 และ i8 ซึ่งเป็นแบบคูเป้ ส่วนที่เห็นอยู่นี้ถือเป็นผลผลิตที่ 3 แล้ว และแม้ว่าจะยังเป็นต้นแบบ แต่ก็มีการยืนยันว่าจะผลิตขายอย่างแน่นอน โดย i8 Spyder มีคิวเปิดตัวในงานออโต้ ไชน่า ซึ่งจะมีขึ้นที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

แน่นอนว่าผลผลิตดังกล่าวเป็นผลงานที่ต่อยอดมาจากตัวถังคูเป้ ดังนั้นในทุกรายละเอียดจึงถูกถอดแบบออกมา ยกเว้นหลังคาที่ไม่มีมาให้ด้วย ซึ่งตัวรถในแบบสปอร์ต 2 ที่นั่งมาพร้อมกับประตูเปิดในลักษณะเฉียงขึ้นไปทางด้านหน้า หรือที่เรียกว่า Butterfly Door และตัวรถเน้นไปที่ความเบาด้วยการใช้วัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ CFRP มาใช้ในการผลิตตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะชิ้นส่วนตัวถัง และพื้นที่ซึ่งเป็นค็อกพิตของตัวรถ ผสมผสานกับอลูมิเนียม และถูกนำมาใช้ในการผลิตแชสซีส์ และระบบช่วงล่าง


ในด้านมิติตัวถัง มาพร้อมกับความยาว 4,480 มิลลิเมตร กว้าง 1,922 มิลลิเมตร และสูง 1,208 มิลลิเมตร โดยที่เลย์เอาท์การจัดวางเครื่องยนต์เป็นแบบวางทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งตรงนี้เป็นเพราะตัวรถใช้เทคโนโลยีแบบ Plug-in Hybrid ซึ่งจะมีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1500 ซีซี เทอร์โบแบบ 3 สูบ ที่รีดกำลังออกมาได้ถึง 220 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดมากกว่า 30.5 กก.-ม.วางอยู่ทางด้านหลังเพื่อขับเคลื่อนเพลาท้าย และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 129 แรงม้ารับหน้าที่ขับเคลื่อนเพลาหน้า

เมื่อขุมพลังทั้ง 2 ประเภททำงานร่วมกันในการสร้างเรี่ยวแรงสำหรับขับเคลื่อน จะมีตัวเลขสูงถึง 349 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 56 กก.-ม. ใช้เวลาเพียง 5 วินาที หรือมากกว่ารุ่นคูเป้ 0.4 วินาที ในการแล่นจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุดที่ถูกล็อกเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง


สำหรับการขับในโหมดพลังไฟฟ้าที่ไม่ต้องพึ่งเครื่องยนต์เข้ามาช่วยขับเคลื่อน บีเอ็มดับเบิ้ลยูระบุว่าจะแล่นได้ประมาณ 27-30 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นทางและความเร็วที่ใช้ในการขับ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ การชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน จนเต็มหนึ่งครั้งจะใช้เวลาเพียง 1.45 ชั่วโมงเท่านั้น

ใครที่สนใจก็นับถอยหลังเตรียมเจอกับรหัส i ของบีเอ็มดับเบิลยูได้เลย โดยรุ่นคูเป้จะเปิดตัวขายในตลาดโลกช่วงปี 2013 ส่วนรุ่นเปิดประทุนจะตามมาหลังจากนั้นไม่นาน คาดว่าไม่น่าเกินปลายปี 2014 ส่วนราคายังไม่เปิดเผยออกมาในตอนนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น