ข่าวในประเทศ - คนไทยชอปกระจายงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2012 ผู้จัดงานชี้บรรยากาศซื้อคึกคักสุด “มีเท่าไหร่ขายได้หมด” ไม่ว่าจะเป็นรถตลาดราคาไม่กี่แสน ไปจนถึงรถหรู “โรลส์-รอยซ์” แพงสุดในงาน 38 ล้านบาท จนยอดจองซื้อรถใหม่ทะลุ 5.1 หมื่นคัน เช่นเดียวกับอุปกรณ์ตกแต่งรถ คาดเงินสะพัดกว่า 6 หมื่นล้านบาท
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 เปิดเผยว่า การจัดงานครั้นนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้มาชมงานที่มากกว่า 1.7-1.8 ล้านคน และปริมาณการจองซื้อรถยนต์ใหม่ ซึ่งจากรายงานตัวเลขยอดจองรถอย่างเป็นทางการถึงวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 4.56 หมื่นคัน เมื่อรวมกับวันนี้ (8 เม.ย.) ที่เป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน คาดว่าจะมียอดจองซื้อรถภายในงานทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 5.1 หมื่นคัน จากที่เคยประเมินไว้ก่อนจัดงาน 4 หมื่นคัน
“ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดอีกครั้งของงานมอเตอร์โชว์ในไทย เรียกว่าตอนนี้ใครหรือบริษัทไหนมีรถเป็นขายได้หมด ไม่ว่าจะเป็นรถตลาดราคาไม่กี่แสนบาท ไปจนถึงรถหรูหราอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือบีเอ็มดับเบิลยู ที่มียอดจองมากกว่าครั้งที่ผ่านมา 20-25% แม้แต่รถโรลส์-รอยซ์ที่มีระดับราคาสูงสุดกว่า 38 ล้านบาท ยังมียอดจองซื้อรถ 4-5 คัน”
ทั้งนี้ สาเหตุมาจากบรรยากาศการซื้อขายของคนไทยเริ่มกลับมา หลังจากชะงักไปนับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แม้เหตุการณ์จะกลับมาปกติได้ 3-4 เดือนแล้ว แต่ช่วงเวลาดังกล่าวผู้คนมุ่งไปในการดูแลฟื้นฟูทรัพย์สินเป็นส่วนใหญ่ เมื่อทุกอย่างคลี่คลายและฟื้นฟูกลับมาปกติ ทำให้ผู้คนกลับมามองหารถยนต์ใหม่ ทั้งเพื่อทดแทนรถรุ่นเดิมที่ถูกน้ำท่วม รวมถึงคนที่ชะลอการซื้อไปในช่วงที่ผ่านมา
นายจาตุรนต์เปิดเผยว่า ประกอบกับตอนนี้ค่ายรถยนต์ต่างๆ กลับมาเดินสายการผลิตอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศการซื้อรถกลับมา และจังหวะมาตรงกับการจัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ที่สำคัญภายในงานปีนี้มีรถยนต์รุ่นใหม่จำนวนมาก รวมถึงโมเดลใหม่ๆ อย่างอีโคคาร์ของมิตซูบิชิ และซูซูกิ เปิดตัวสู่ตลาด ทำให้ตลาดยิ่งคึกคักมากกว่าปกติ
“ไม่เพียงแต่รถยนต์ใหม่เท่านั้น สินค้าเกี่ยวเนื่องอย่างอุปกรณ์ตกแต่งรถและประดับยนต์ ต่างขายดีเช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากคำยืนยันของผู้ออกบูทขายสินค้าแล้ว ตนยังเห็นกับตาว่าของขายดีจนไม่พอขาย ต้องขนของเข้ามาเสริมแทบจะทุกวัน ดังนั้นรวมยอดจองซื้อรถและอุปกรณ์ประดับยนต์ คาดว่าจะมียอดเงินหมุนเวียนภายในงานปีนี้ ไม่น่าจะต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 4 หมื่นล้านบาท”
ส่วนตัวเลขยอดจองซื้อรถที่มากเช่นนี้จะส่งผลกดดันต่อการจัดงานครั้งต่อไปหรือไม่ นายจาตุรถนต์ยอมรับว่าคงต้องมีการกดันบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ผู้บริโภคอั้นการซื้อมาหลายเดือน ประกอบกับมีรถใหม่เปิดตัวจำนวนมาก แน่นอนตนไม่ใช่ผู้ผลิตคงกำหนดไม่ได้ ซึ่งในครั้งต่อไปสถานการณ์เป็นปกติ ตัวเลขอาจจะไม่สูงมากกว่านี้ หากจะอยู่ในระดับ 4-5 หมื่นคัน ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
สำหรับยอดจองซื้อรถใหม่อย่างเป็นทางการ จนถึงวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนวันสุดท้ายเพียงแค่วันเดียว มียอดจองทั้งสิ้น 45,666 คัน (เป็นตัวเลขยังไม่รวมเมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ ที่จะรายงานสรุปวันสุดท้ายทีเดียว) โดยค่ายรถที่มียอดจองสูงสุด 5 อันดับแรก โตโยต้ามากสุด 10,706 คัน ตามมาด้วยฮอนด้าที่กลับมาทำกิจกรรมการตลาดอีกครั้ง หลังจากโรงงานถูกน้ำท่วมมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา 6,589 คัน อันดับสามมิตซูบิชิที่เปิดตัวอีโคคาร์รุ่นมิราจทำตลาด มียอดจองซื้อรถจำนวน 5,341 คัน ส่วนอันดับสี่เป็นของนิสสัน 4,462 คัน และอีซูซุอันดับห้าทำได้ 4,104 คัน
ในส่วนรถหรูราคาแพงที่แจ้งยอดขายกับทางผู้จัดงาน แต่ละรายมีตัวเลขยอดจองซื้อรถน่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์คาร์ยี่ห้อ “ลัมบอร์กินี” ที่มีราคามากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป ขายได้ 3 คัน หรือรถสปอร์ตอย่าง “ปอร์เช่” มีเศรษฐีไทยจองไป 10 คัน ใกล้เคียงกับรถหรู “จากัวร์” ที่ถูกจองไป 9 คัน เช่นเดียวกันแบรนด์หรูอย่างโฟล์คสวาเกน หรือเปอโยต์ก็มากกว่า 100 คัน
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 เปิดเผยว่า การจัดงานครั้นนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้มาชมงานที่มากกว่า 1.7-1.8 ล้านคน และปริมาณการจองซื้อรถยนต์ใหม่ ซึ่งจากรายงานตัวเลขยอดจองรถอย่างเป็นทางการถึงวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 4.56 หมื่นคัน เมื่อรวมกับวันนี้ (8 เม.ย.) ที่เป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน คาดว่าจะมียอดจองซื้อรถภายในงานทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 5.1 หมื่นคัน จากที่เคยประเมินไว้ก่อนจัดงาน 4 หมื่นคัน
“ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดอีกครั้งของงานมอเตอร์โชว์ในไทย เรียกว่าตอนนี้ใครหรือบริษัทไหนมีรถเป็นขายได้หมด ไม่ว่าจะเป็นรถตลาดราคาไม่กี่แสนบาท ไปจนถึงรถหรูหราอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือบีเอ็มดับเบิลยู ที่มียอดจองมากกว่าครั้งที่ผ่านมา 20-25% แม้แต่รถโรลส์-รอยซ์ที่มีระดับราคาสูงสุดกว่า 38 ล้านบาท ยังมียอดจองซื้อรถ 4-5 คัน”
ทั้งนี้ สาเหตุมาจากบรรยากาศการซื้อขายของคนไทยเริ่มกลับมา หลังจากชะงักไปนับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แม้เหตุการณ์จะกลับมาปกติได้ 3-4 เดือนแล้ว แต่ช่วงเวลาดังกล่าวผู้คนมุ่งไปในการดูแลฟื้นฟูทรัพย์สินเป็นส่วนใหญ่ เมื่อทุกอย่างคลี่คลายและฟื้นฟูกลับมาปกติ ทำให้ผู้คนกลับมามองหารถยนต์ใหม่ ทั้งเพื่อทดแทนรถรุ่นเดิมที่ถูกน้ำท่วม รวมถึงคนที่ชะลอการซื้อไปในช่วงที่ผ่านมา
นายจาตุรนต์เปิดเผยว่า ประกอบกับตอนนี้ค่ายรถยนต์ต่างๆ กลับมาเดินสายการผลิตอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศการซื้อรถกลับมา และจังหวะมาตรงกับการจัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ที่สำคัญภายในงานปีนี้มีรถยนต์รุ่นใหม่จำนวนมาก รวมถึงโมเดลใหม่ๆ อย่างอีโคคาร์ของมิตซูบิชิ และซูซูกิ เปิดตัวสู่ตลาด ทำให้ตลาดยิ่งคึกคักมากกว่าปกติ
“ไม่เพียงแต่รถยนต์ใหม่เท่านั้น สินค้าเกี่ยวเนื่องอย่างอุปกรณ์ตกแต่งรถและประดับยนต์ ต่างขายดีเช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากคำยืนยันของผู้ออกบูทขายสินค้าแล้ว ตนยังเห็นกับตาว่าของขายดีจนไม่พอขาย ต้องขนของเข้ามาเสริมแทบจะทุกวัน ดังนั้นรวมยอดจองซื้อรถและอุปกรณ์ประดับยนต์ คาดว่าจะมียอดเงินหมุนเวียนภายในงานปีนี้ ไม่น่าจะต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 4 หมื่นล้านบาท”
ส่วนตัวเลขยอดจองซื้อรถที่มากเช่นนี้จะส่งผลกดดันต่อการจัดงานครั้งต่อไปหรือไม่ นายจาตุรถนต์ยอมรับว่าคงต้องมีการกดันบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ผู้บริโภคอั้นการซื้อมาหลายเดือน ประกอบกับมีรถใหม่เปิดตัวจำนวนมาก แน่นอนตนไม่ใช่ผู้ผลิตคงกำหนดไม่ได้ ซึ่งในครั้งต่อไปสถานการณ์เป็นปกติ ตัวเลขอาจจะไม่สูงมากกว่านี้ หากจะอยู่ในระดับ 4-5 หมื่นคัน ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
สำหรับยอดจองซื้อรถใหม่อย่างเป็นทางการ จนถึงวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนวันสุดท้ายเพียงแค่วันเดียว มียอดจองทั้งสิ้น 45,666 คัน (เป็นตัวเลขยังไม่รวมเมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ ที่จะรายงานสรุปวันสุดท้ายทีเดียว) โดยค่ายรถที่มียอดจองสูงสุด 5 อันดับแรก โตโยต้ามากสุด 10,706 คัน ตามมาด้วยฮอนด้าที่กลับมาทำกิจกรรมการตลาดอีกครั้ง หลังจากโรงงานถูกน้ำท่วมมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา 6,589 คัน อันดับสามมิตซูบิชิที่เปิดตัวอีโคคาร์รุ่นมิราจทำตลาด มียอดจองซื้อรถจำนวน 5,341 คัน ส่วนอันดับสี่เป็นของนิสสัน 4,462 คัน และอีซูซุอันดับห้าทำได้ 4,104 คัน
ในส่วนรถหรูราคาแพงที่แจ้งยอดขายกับทางผู้จัดงาน แต่ละรายมีตัวเลขยอดจองซื้อรถน่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์คาร์ยี่ห้อ “ลัมบอร์กินี” ที่มีราคามากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป ขายได้ 3 คัน หรือรถสปอร์ตอย่าง “ปอร์เช่” มีเศรษฐีไทยจองไป 10 คัน ใกล้เคียงกับรถหรู “จากัวร์” ที่ถูกจองไป 9 คัน เช่นเดียวกันแบรนด์หรูอย่างโฟล์คสวาเกน หรือเปอโยต์ก็มากกว่า 100 คัน
