ข่าวต่างประเทศ- “เมอร์เซเดส-เบนซ์” วางแผนปรับปรุงโครงสร้างและแนวทางในการผลิตรถยนต์ครั้งใหม่ หวังลดระยะเวลาการประกอบรถยนต์ต่อคัน เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตโดยรวม พร้อมปรับใช้กับโรงงานทั่วโลกภายในปี 2015
วูล์ฟแกง เบิร์นฮาร์ด บอสใหญ่ที่ดูแลในด้านการผลิตรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ค่ายดาว 3 แฉกให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงไลนผลิตเพื่อลดระยะเวลาในการผลิตรถยนต์ต่อคันลง โดยเฉพาะช่วง 2 ปีหลัง เวลาที่ใช้ในการผลิตลดลงประมาณ 2% และสามารถทำให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตออกมามีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เบิร์นฮาร์ด เปิดเผยว่า แนวทางในการพัฒนาโครงสร้างและรูปแบบการผลิตของโรงงานยังมีการปรับปรุงและพัฒนาเหมือนเดิม โดยวางเป้าหมายในการลดจำนวนเวลาในการผลิตรถยนต์จากเดิมในปี 2008 อยู่ที่ 43 ชั่วโมงต่อรถยนต์ 1 คัน ลงมาอยู่ที่ 30 ชั่วโมงต่อคันภายในปี 2015 ซึ่งประเด็นหลักที่จะทำให้เป้าหมายนี้บรรลุคือ การเพิ่มจำนวนรถยนต์ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกัน โดยจะลดพื้นตัวถังจากเดิมมี 4 แบบให้เหลือเพียง 2 แบบสำหรับใช้ในการผลิตรถยนต์ที่รวมๆ กันแล้วมีมากถึง 30 รุ่น
สำหรับพื้นตัวถัง 2 รุ่นที่จะถูกวางให้เห็นพื้นฐานทางวิศวกรรม คือ MFA- Mercedes Front Wheel Architecture สำหรับผลิตรถยนต์แบบขับเคลื่อนล้อหน้าขนาดคอมแพกต์อย่างเช่น เอ-คลาส และบี-คลาส ส่วนอีกแบบ คือ MRA- Mercedes Rear Wheel Architecture สำหรับใช้ในการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง
พื้นตัวถังแบบ MFA จะมีไลน์ผลิตอยู่ที่เมือง Rastattเยอรมนี, Kecskemetฮังการี และปักกิ่ง จีน ส่วนพื้นตัวถัง MRA จะอยู่ที่โรงงานในเมือง Bremen และ Sindelfingen เยอรมนี, Vance มลรัฐอะลาบามา สหรับอเมริกา และ East London แอฟริกาใต้
ในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีพื้นตัวถัง 4 แบบ สำหรับใช้ในการผลิตรถยนต์ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า, ล้อหลัง และแบบ 4 ล้อ โดยในจำนวนนี้ยังไม่ได้นับรวมพื้นตัวถังรุ่นโบราณที่ใช้มานานถึง 33 ปีกับเอสยูวีรุ่น G-Class ซึ่งผลิตที่เมือง Graz ประเทศออสเตรียภายใต้สัญญาของ Magna Steyr ขณะที่ในปี 1995 เดมเลอร์ มีพื้นตัวถังใช้งานมากถึง 15 รุ่นด้วยกัน
“เราเชื่อว่าในปี 2020 มากกว่า 50% ของรถยนต์เราจะถูกผลิตจากโรงงานที่ตั้งอยู่นอกยุโรป โดยเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% ในปี 2010” เบิร์นฮาร์ด กล่าว
นอกจากนั้น เบิร์นฮาร์ดยังกล่าวอีกว่า ในปี 2020 ทางบริษัทวางแผนเตรียมย้ายไลน์ผลิตเครื่องยนต์ออกจากเยอรมนีไปอยู่ในประเทศต่างๆ โดยเชื่อว่าปริมาณการผลิตเครื่องยนต์ 40% จะอยู่นอกประเทศ ขณะที่รถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตจากโรงงานเยอรมนีเท่านั้น
วูล์ฟแกง เบิร์นฮาร์ด บอสใหญ่ที่ดูแลในด้านการผลิตรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ค่ายดาว 3 แฉกให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงไลนผลิตเพื่อลดระยะเวลาในการผลิตรถยนต์ต่อคันลง โดยเฉพาะช่วง 2 ปีหลัง เวลาที่ใช้ในการผลิตลดลงประมาณ 2% และสามารถทำให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตออกมามีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เบิร์นฮาร์ด เปิดเผยว่า แนวทางในการพัฒนาโครงสร้างและรูปแบบการผลิตของโรงงานยังมีการปรับปรุงและพัฒนาเหมือนเดิม โดยวางเป้าหมายในการลดจำนวนเวลาในการผลิตรถยนต์จากเดิมในปี 2008 อยู่ที่ 43 ชั่วโมงต่อรถยนต์ 1 คัน ลงมาอยู่ที่ 30 ชั่วโมงต่อคันภายในปี 2015 ซึ่งประเด็นหลักที่จะทำให้เป้าหมายนี้บรรลุคือ การเพิ่มจำนวนรถยนต์ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกัน โดยจะลดพื้นตัวถังจากเดิมมี 4 แบบให้เหลือเพียง 2 แบบสำหรับใช้ในการผลิตรถยนต์ที่รวมๆ กันแล้วมีมากถึง 30 รุ่น
สำหรับพื้นตัวถัง 2 รุ่นที่จะถูกวางให้เห็นพื้นฐานทางวิศวกรรม คือ MFA- Mercedes Front Wheel Architecture สำหรับผลิตรถยนต์แบบขับเคลื่อนล้อหน้าขนาดคอมแพกต์อย่างเช่น เอ-คลาส และบี-คลาส ส่วนอีกแบบ คือ MRA- Mercedes Rear Wheel Architecture สำหรับใช้ในการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง
พื้นตัวถังแบบ MFA จะมีไลน์ผลิตอยู่ที่เมือง Rastattเยอรมนี, Kecskemetฮังการี และปักกิ่ง จีน ส่วนพื้นตัวถัง MRA จะอยู่ที่โรงงานในเมือง Bremen และ Sindelfingen เยอรมนี, Vance มลรัฐอะลาบามา สหรับอเมริกา และ East London แอฟริกาใต้
ในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีพื้นตัวถัง 4 แบบ สำหรับใช้ในการผลิตรถยนต์ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า, ล้อหลัง และแบบ 4 ล้อ โดยในจำนวนนี้ยังไม่ได้นับรวมพื้นตัวถังรุ่นโบราณที่ใช้มานานถึง 33 ปีกับเอสยูวีรุ่น G-Class ซึ่งผลิตที่เมือง Graz ประเทศออสเตรียภายใต้สัญญาของ Magna Steyr ขณะที่ในปี 1995 เดมเลอร์ มีพื้นตัวถังใช้งานมากถึง 15 รุ่นด้วยกัน
“เราเชื่อว่าในปี 2020 มากกว่า 50% ของรถยนต์เราจะถูกผลิตจากโรงงานที่ตั้งอยู่นอกยุโรป โดยเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% ในปี 2010” เบิร์นฮาร์ด กล่าว
นอกจากนั้น เบิร์นฮาร์ดยังกล่าวอีกว่า ในปี 2020 ทางบริษัทวางแผนเตรียมย้ายไลน์ผลิตเครื่องยนต์ออกจากเยอรมนีไปอยู่ในประเทศต่างๆ โดยเชื่อว่าปริมาณการผลิตเครื่องยนต์ 40% จะอยู่นอกประเทศ ขณะที่รถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตจากโรงงานเยอรมนีเท่านั้น
