ข่าวในประเทศ - สิทธิผล ประกาศความสำร็จด้วยยอดขายปี 2554 มีมูลค่ารวม 2,365 ล้านบาท มองตลาดอะไหล่ยานยนต์หลังวิกฤตมหาอุทกภัย คืนสู่สภาวะปกติในไตรมาส 2 ยืนยันเดินหน้าสนับสนุนทีมแข่งต่อเนื่อง
นายทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่าสรุปยอดขายรวมเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปี 2553 หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,365 ล้านบาท (ปี 2553 ยอดขายรวม 2,057 ล้านบาท) ส่วนทิศทางตลาดอะไหล่ยานยนต์ปี 2555 นี้ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นโดยยอดผลิตรถยนต์น่าจะอยู่ที่จำนวนเกือบ 1 ล้านคัน ส่วนรถจักรยานยนต์คิดว่าถึง 2 ล้านคันอย่างแน่นอน
“ผมประเมินว่าหลังจากผ่านวิกฤตมหาอุทกภัยไปแล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 จะเป็นช่วงที่ทุกอย่างคืนสู่สภาวะปกติ ตลาดอะไหล่รถจะกลับทะยานขึ้นอีกครั้งหลังจากอั้นมานาน เมื่อพิจารณาเฉพาะตลาดในประเทศ พบว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของกลุ่มสิทธิผลยังคงเป็นอันดับ 1 ในตลาดทดแทน อย่างไรก็ตามปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันของรัฐบาล ซึ่งบริษัทกำลังทยอยปรับอยู่นั้น ส่งผลให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจึงจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4% เช่นเดียวกับหลายบริษัท”
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตปี 2554 มีสัดส่วนดังนี้ มากที่สุด โซ่และชุดโซ่+สเตอร์ D.I.D 29% ตามด้วยหัวเทียนเด็นโซ่ 27%, สายพานแบนโด 21% , หลอดไฟ สแตนเลย์ 17% , น้ำมันเครื่องเอลฟ์ 15% ขณะที่ยางรถจักรยานยนต์ไออาร์ซีมียอดขายลดลง โดยยางนอก -14% ส่วนยางใน -26% เนื่องจากโรงงานที่รังสิต ต้องเผชิญกับปัญหาภัยน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ด้านทีมแข่งรถจักรยานยนต์ที่กลุ่มสิทธิผลให้การสนับสนุนที่ผ่านมาภายใต้การดูแลและบริหารทีมของค่ายสมาร์ท สปอร์ตฯ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาก็นับได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในปี 2554 ทีมแข่งก็สามารถคว้าแชมป์ในระดับถ้วยพระราชทาน และแชมป์ประเทศไทยได้จากหลายรายการแข่งขันทั้งทางเรียบ ทางฝุ่นและการแข่งขันทางตรง ที่นักแข่งในทีมไปพิสูจน์ความเหนือชั้นได้มากถึง 14 แชมป์ ในปี 2555 ทางกลุ่มสิทธิผลพร้อมจะร่วมสนับสนุนมอเตอร์สปอร์ตไทยต่อไป ภายใต้สโลแกน “ร่วมสนับสนุนนักแข่งไทย ให้ก้าวไกลไปอินเตอร์”
นายทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่าสรุปยอดขายรวมเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปี 2553 หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,365 ล้านบาท (ปี 2553 ยอดขายรวม 2,057 ล้านบาท) ส่วนทิศทางตลาดอะไหล่ยานยนต์ปี 2555 นี้ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นโดยยอดผลิตรถยนต์น่าจะอยู่ที่จำนวนเกือบ 1 ล้านคัน ส่วนรถจักรยานยนต์คิดว่าถึง 2 ล้านคันอย่างแน่นอน
“ผมประเมินว่าหลังจากผ่านวิกฤตมหาอุทกภัยไปแล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 จะเป็นช่วงที่ทุกอย่างคืนสู่สภาวะปกติ ตลาดอะไหล่รถจะกลับทะยานขึ้นอีกครั้งหลังจากอั้นมานาน เมื่อพิจารณาเฉพาะตลาดในประเทศ พบว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของกลุ่มสิทธิผลยังคงเป็นอันดับ 1 ในตลาดทดแทน อย่างไรก็ตามปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันของรัฐบาล ซึ่งบริษัทกำลังทยอยปรับอยู่นั้น ส่งผลให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจึงจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4% เช่นเดียวกับหลายบริษัท”
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตปี 2554 มีสัดส่วนดังนี้ มากที่สุด โซ่และชุดโซ่+สเตอร์ D.I.D 29% ตามด้วยหัวเทียนเด็นโซ่ 27%, สายพานแบนโด 21% , หลอดไฟ สแตนเลย์ 17% , น้ำมันเครื่องเอลฟ์ 15% ขณะที่ยางรถจักรยานยนต์ไออาร์ซีมียอดขายลดลง โดยยางนอก -14% ส่วนยางใน -26% เนื่องจากโรงงานที่รังสิต ต้องเผชิญกับปัญหาภัยน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ด้านทีมแข่งรถจักรยานยนต์ที่กลุ่มสิทธิผลให้การสนับสนุนที่ผ่านมาภายใต้การดูแลและบริหารทีมของค่ายสมาร์ท สปอร์ตฯ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาก็นับได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในปี 2554 ทีมแข่งก็สามารถคว้าแชมป์ในระดับถ้วยพระราชทาน และแชมป์ประเทศไทยได้จากหลายรายการแข่งขันทั้งทางเรียบ ทางฝุ่นและการแข่งขันทางตรง ที่นักแข่งในทีมไปพิสูจน์ความเหนือชั้นได้มากถึง 14 แชมป์ ในปี 2555 ทางกลุ่มสิทธิผลพร้อมจะร่วมสนับสนุนมอเตอร์สปอร์ตไทยต่อไป ภายใต้สโลแกน “ร่วมสนับสนุนนักแข่งไทย ให้ก้าวไกลไปอินเตอร์”