ข่าวในประเทศ - ค่ายรถ “ฮุนได” ประกาศมั่นปีงูใหญ่เติบโตกว่า 30% หรือฟันยอดขายกว่า 6,000 คัน พร้อมกับชูนโยบายคิดใหม่เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ครอบคลุมการสร้างความพึงพอใจลูกค้า และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด เน้นยนตรกรรมโมเดิร์นพรีเมียมเป็นหลัก ประกาศชัดกลางเดือนมีนาคมจะนำเข้าเก๋งซีดาน 4 ประตูสไตล์สปอร์ตคูเป้ “ฮุนได เอลันตรา” เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร กับ 3 ทางเลือกย่อยท้าชน ฮอนด้า ซีวิค, เชฟโรเลต ครูซ และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์แน่นอน เผยจับตางานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 มีทีเด็ดที่จะมาเป็นไฮไลต์ช่วงครึ่งปีหลัง มาให้ยลโฉมก่อนขายจริง โดยตามกระแสข่าวจะเป็น “ฮุนได เวโลสเตอร์” สปอร์ตคอมแพ็กต์คูเป้ 3 ประตู พาหนะของพระเอกในละครดังซีรี่ส์เกาหลี “ซิตี้ ฮันเตอร์” ควงคู่มากับรุ่นพี่ “ฮุนได เจเนซีส คูเป้” ขณะที่เก๋งเล็ก “ไอ10” เก็บแผนเข้าลิ้นชักชั่วคราว เหตุนโยบายเปลี่ยนและเวลาไม่เหมาะ แต่ที่กำลังสนใจเป็นตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ หากไม่ผิดพลาดได้เจอแน่ภายในสิ้นปีนี้
ตลอดเวลา 4 ปีที่กลับเข้ามาทำตลาดในไทย ค่ายรถจากแดนกิมจิ “ฮุนได” รักษาการเติบโตไว้อย่างต่อเนื่อง จากเริ่มต้นปีแรก 880 คัน ถึงล่าสุดปี 2554 ทำยอดขายได้กว่า 4.5 พันคัน แม้ปีที่ผ่านมาจะเจอน้องน้ำถล่มกรุงไปบางส่วน แต่ยังสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ จากปีก่อนหน้าที่ทำได้กว่า 3.0 พันคัน รวมแล้วในยุคของกลุ่ม “โซจิทสึ” ผู้รับสิทธิ์เป็นดิสทริบิวเตอร์ หรือผู้แทนจำหน่ายในไทยปัจจุบัน ภายใต้การดำเนินงานในชื่อ บริษัท ฮุนได มอเตอร์(ไทยแลนด์) จำกัด มีรถยนต์ฮุนไดในตลาดมากกว่า 1.02 หมื่นคัน และปีงูใหญ่นี้ฮุนไดยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป พร้อมกับนำเสนอกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้
“เราตั้งเป้าการจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดในปีนี้ไว้ที่ 6,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 30% ซึ่งนับเป็นอีกปีที่อัตราการเติบโตสูงมาก โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายได้ตามเป้า มาจากการปรับตัวและแนวคิดไปสู่สิ่งใหม่ๆ โดยหลักสำคัญคือการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ใส่ใจการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างเหมาะสม และการนำเสนอแนวคิดที่สร้างสรรค์ พร้อมกับเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้รถฮุนได ให้สมกับแนวคิดของการคิดใหม่เพื่อสิ่งที่เหนือกว่า”
เป็นถ้อยแถลงของ “โยชิอากิ อิชิมูระ” ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์(ไทยแลนด์) จำกัด กับสื่อมวลชนในการแถลงนโยบายประจำปี 2555 พร้อมกับแจกแจงตัวเลขยอดขายหลักยังคงจะมาจากเอ็มพีวีคันเก่ง “ฮุนได เอช1”(Hyundai H1) ประมาณ 4,000 คัน ตามมาด้วยรุ่นหรู “แกรนด์ สตาเรกซ์ วีไอพี” (Grand Starex VIP) ที่คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 30% และยังมีรถรุ่นอื่นๆ ที่ยังคงได้รับการตอบรับจากลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเก๋งหรูขนาดกลางรุ่น “โซนาต้า” และรถอเนกประสงค์เอสยูวีรุ่น “ทูซอน” (Tucson) โดยเฉพาะรุ่นเทอร์โบดีเซลที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดล่าสุด
ทั้งนี้ในการสร้างความพึงพอใจของฮุนได จะเน้นไปที่กลยุทธ์ 3A หรือ AAA ซึ่งมาจากคำว่า Assurance หรือรับประกันความมั่นใจ Accountability มุ่งสร้างความน่าเชื่อถือ และ Aspiration หรือก้าวไปข้างหน้าอย่างมีแรงบันดาลใจ ขณะเดียวกันจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งในช่วงครึ่งปีแรก และครึ่งปีหลัง
“นโยบายของฮุนไดเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โมเดิร์นพรีเมียม เป็นรถยนต์ทันสมัยในราคาที่เหมาะสม ไม่ได้สูงหรือต่ำจนเกินไป ซึ่งจะพบได้จากรถยนต์รุ่นทูซอน หรือโซนาตาที่ผ่านมา และในกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ บริษัทฯ เตรียมจะนำรถยนต์นั่ง 4 ประตูสไตล์คูเป้ ฮุนได เอลันตรา(Hyundai Elantra) ที่เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นรถยอดเยี่ยมประจำปี 2012 ของทวีปอเมริกาเหนือ มาทำตลาดในไทยและคาดจะมียอดขายประมาณ 1,000 คันต่อปี และนอกจากนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำรถยนต์รุ่นต่างๆ มาเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งให้จับตาดูในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ที่จะถึงนี้ เพราะจะมีการนำรถรุ่นสำคัญมาเผยโฉมให้ได้ชมกัน ก่อนเปิดตัวทำตลาดอย่างเป็นทางการ” อิชิมูระกล่าว
ทั้งนี้ฮุนได เอลันตรา เป็นเก๋งในตลาดคอมแพ็กต์คาร์ หรือซี-คาร์ แม้จะมีเครื่องยนต์เบนซินรหัส Gamma แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1600 ซีซี พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ GDI-gasoline Direct Injection ให้กำลัง 138 แรงม้า แต่ที่นำเข้ามาทำตลาดจะเป็นรุ่น 1800 ซีซี 148 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยมีรุ่นย่อยในการทำตลาด 3 รุ่น เพื่อแข่งขันกับฮอนด้า ซีวิค, เชฟโรเลต ครูซ, ฟอร์ด โฟกัส และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
เอลันตรา โฉมใหม่ หรือในตลาดประเทศเกาหลีเรียกว่า “อะวันเต้” (Avante) ได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่รถยนต์รุ่นโซนาต้าใหม่อย่างชัดเจน โดยการออกแบบเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ซึ่งฮุนไดเรียกสไตล์การออกแบบนี้ว่า Fluidic Sculpture ที่สำคัญแม้จะเป็นรถซีดาน 4 ประตู แต่การออกแบบกลับดูเหมือนกับรถสปอร์ตคูเป้มากทีเดียว
นอกจากฮุนได เอลันตรา จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ เตรียมจะนำรถรุ่นใหม่ในสไตล์โมเดิร์นพรีเมียมมาโชว์ ซึ่งตามกระแสข่าวค่อนข้างชัดเจนที่จะนำ “ฮุนได เวโลสเตอร์” (Hyundai Veloster) สปอร์ตคอมแพ็กต์คูเป้แบบ 3 ประตู ที่กำลังโด่งดังในละครซีรี่ส์เกาหลี “ซิตี้ ฮันเตอร์” (City Hunter) และรุ่นพี่ “ฮุนได เจเนซีส คูเป้”( Hyundai-Genesis Coupe) มาเผยโฉม เพื่อรับฟังเสียงตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทย ก่อนที่จะนำเข้ามาทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง
ฮุนได เวโลสเตอร์ นับเป็นรถสปอร์ตคูเป้ ที่มีจุดเด่นของการออกแบบให้เป็นรถคูเป้ 3 ประตู โดยฝั่งคนขับจะมีประตูบานเดียว แต่ด้านผู้โดยสารจะมีประตูแยกกัน โดยซ้อนมือจับเอาไว้อย่างกลมกลืน ทำให้มองไม่แตกต่างจากรถคูเป้ ขณะเดียวกันก็ผสานรูปแบบของรถแฮทช์แบ็กอย่างลงตัว
โดยรูปลักษณ์ภายนอกโดยรวม ตัวรถใช้เส้นสายและสไตล์การออกแบบ ที่เรียกว่า Fluidic Sculpture อันเป็นแนวทางการดีไซน์เช่นเดียวกัน ฮุนได เอลันตรา หรือเอสยูวีรุ่นทูซอน ขณะที่เส้นด้านข้างตัวถังที่มีความเฉียบคม และแนวของซุ้มล้อที่ถูกตีโป่งขึ้นเพื่อให้ตัวรถเกิดสัมผัสแห่งความบึกบึน ซึ่งทางฮุนไดเผยว่าการออกแบบและพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากมอเตอร์ไซค์ประเภทสปอร์ตไบค์ ไม่ว่าจะเป็นภายนอกและภายใน
เครื่องยนต์ที่วางในเวโลสเตอร์เป็นรหัส Gamma บล็อกเดียวกับในรุ่นเอลันตรา เครื่องเบนซิน GDI แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1600 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ หรือ Dual VVT รีดกำลังออกมา 138 แรงม้า และล่าสุดได้มีส่งตัวแรง “เวโลสเตอร์ เทอร์โบ” มาเป็นตัวท็อปไลน์ฟาดฟันกับ ฮอนด้า ซีวิค เอสทีไอ, โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ จีทีไอ และมินิ คูเปอร์ เอส จากการวางขุมพลังบล็อกใหม่แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1600 ซีซี GDI และติดตั้งเทอร์โบแบบ Twin-Scroll โดยมีอัตราส่วนการอัดสูงกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบปกติ ด้วยตัวเลข 9.5 : 1 และให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 201 แรงม้า
ฮุนได เจเนซีส คูเป้ เพิ่งเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ไป กับกระจังหน้าและกันชนใหม่ ไฟหน้าและท้ายแบบ LED รวมถึงปีกหลังใหม่เช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันก็ปรับระบบกันสะเทือนให้ดีขึ้น เป็นรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลัง จากขุมพลังวางเครื่องยนต์ 4 สูบ 2000 ซีซี 274 แรงม้า พร้อมเทอร์โบแบบ Twin-Scroll ระบบขับเคลื่อนเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 8 จังหวะ และอีกขุมพลังเป็นบล็อก V6 Lamda 3800 ซีซี GDI รุ่นใหม่ ให้กำลังสูงสุด 348 แรงม้า
สำหรับแผนการเปิดตัวรถเล็ก “ฮุนได ไอ10” (Hyundai i10) ประธานฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ ระบุว่านโยบายที่เปลี่ยนไปเน้นรถโมเดร์นพรีเมียม ของฮุนได มอเตอร์ ประเทศเกาหลี ประกอบกับช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะสมที่จะทำตลาด เพราะมีการแข่งขันรุนแรง ที่สำคัญรถกลุ่มนี้ต้องมีการประกอบในประเทศ หรือภูมิภาค จึงจะสามารถทำราคาแข่งขันได้ แต่ยืนยันยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มทางเลือกครอบคลุมทุกความต้องการผู้บริโภคมากที่สุด หากดูแล้วมีความพร้อมจะนำมาทำตลาดทันที
“อีกตลาดที่เรากำลังศึกษาอยู่ และมีโอกาสเป็นไปได้ ภายในสิ้นปีนี้จะนำเข้ามาทำตลาด คือกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งเป็นรถใช้งานเพื่อการพาณิชย์จริงๆ ไม่ใช่แบบปิกอัพ หรือฮุนได เอช100 ที่เราทำตลาดอยู่” อิชิมูระกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในไทย นำเข้าเครื่องยนต์รถเพื่อการพาณิชย์ของฮุนไดจากประเทศเกาหลี มาวางในตัวถังของรถบัสโดยสาร หรือรถบรรทุกที่ประกอบในไทยมากพอสมควร เพราะเห็นว่ามีสมรรถนะที่ดีและมีความทนทาน ดังนั้นจึงกำลังศึกษาหากนำเข้ามาทำตลาดทั้งคัน น่าจะได้รับการตอบรับดีเช่นกัน
นั่นเป็นแผนด้านผลิตภัณฑ์ของฮุนไดในประเทศไทยปีนี้ แต่ในส่วนของการตอกย้ำความพึงพอใจ โดยเฉพาะการบริการหลังการขาย อยู่ในขั้นตอนการขยายส่วนบริการ โดยการสร้างศูนย์บริการขนาดใหญ่ ที่มากกว่าศูนย์บริการเดิมถึงกว่าเท่าตัว เพื่อรองรับการเข้ารับบริการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และภายในปี 2555 นี้ จะมีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีก 3 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 23 แห่ง
ในส่วนของกิจกรรมลูกค้า ได้มีการปรับงบประมาณรองรับเพิ่มอีก 25% และปี 2555 นี้ ถือเป็นปีแห่งกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาาะมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ซึ่งฮุนไดเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ดังนั้นฟุตบอลยูโรน่าจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ลูกค้าจะได้ร่วมสนุกอย่างเต็มที่
เรียกว่าเป็นการ... จัดหนัก…จัดเต็ม! จากค่ายฮุนได ซึ่งนับวันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าจะเติบโตได้อย่างแน่นอน แต่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่? ติดตามกันต่อไป...
ตลอดเวลา 4 ปีที่กลับเข้ามาทำตลาดในไทย ค่ายรถจากแดนกิมจิ “ฮุนได” รักษาการเติบโตไว้อย่างต่อเนื่อง จากเริ่มต้นปีแรก 880 คัน ถึงล่าสุดปี 2554 ทำยอดขายได้กว่า 4.5 พันคัน แม้ปีที่ผ่านมาจะเจอน้องน้ำถล่มกรุงไปบางส่วน แต่ยังสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ จากปีก่อนหน้าที่ทำได้กว่า 3.0 พันคัน รวมแล้วในยุคของกลุ่ม “โซจิทสึ” ผู้รับสิทธิ์เป็นดิสทริบิวเตอร์ หรือผู้แทนจำหน่ายในไทยปัจจุบัน ภายใต้การดำเนินงานในชื่อ บริษัท ฮุนได มอเตอร์(ไทยแลนด์) จำกัด มีรถยนต์ฮุนไดในตลาดมากกว่า 1.02 หมื่นคัน และปีงูใหญ่นี้ฮุนไดยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป พร้อมกับนำเสนอกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้
“เราตั้งเป้าการจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดในปีนี้ไว้ที่ 6,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 30% ซึ่งนับเป็นอีกปีที่อัตราการเติบโตสูงมาก โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายได้ตามเป้า มาจากการปรับตัวและแนวคิดไปสู่สิ่งใหม่ๆ โดยหลักสำคัญคือการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ใส่ใจการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างเหมาะสม และการนำเสนอแนวคิดที่สร้างสรรค์ พร้อมกับเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้รถฮุนได ให้สมกับแนวคิดของการคิดใหม่เพื่อสิ่งที่เหนือกว่า”
เป็นถ้อยแถลงของ “โยชิอากิ อิชิมูระ” ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์(ไทยแลนด์) จำกัด กับสื่อมวลชนในการแถลงนโยบายประจำปี 2555 พร้อมกับแจกแจงตัวเลขยอดขายหลักยังคงจะมาจากเอ็มพีวีคันเก่ง “ฮุนได เอช1”(Hyundai H1) ประมาณ 4,000 คัน ตามมาด้วยรุ่นหรู “แกรนด์ สตาเรกซ์ วีไอพี” (Grand Starex VIP) ที่คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 30% และยังมีรถรุ่นอื่นๆ ที่ยังคงได้รับการตอบรับจากลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเก๋งหรูขนาดกลางรุ่น “โซนาต้า” และรถอเนกประสงค์เอสยูวีรุ่น “ทูซอน” (Tucson) โดยเฉพาะรุ่นเทอร์โบดีเซลที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดล่าสุด
ทั้งนี้ในการสร้างความพึงพอใจของฮุนได จะเน้นไปที่กลยุทธ์ 3A หรือ AAA ซึ่งมาจากคำว่า Assurance หรือรับประกันความมั่นใจ Accountability มุ่งสร้างความน่าเชื่อถือ และ Aspiration หรือก้าวไปข้างหน้าอย่างมีแรงบันดาลใจ ขณะเดียวกันจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งในช่วงครึ่งปีแรก และครึ่งปีหลัง
“นโยบายของฮุนไดเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โมเดิร์นพรีเมียม เป็นรถยนต์ทันสมัยในราคาที่เหมาะสม ไม่ได้สูงหรือต่ำจนเกินไป ซึ่งจะพบได้จากรถยนต์รุ่นทูซอน หรือโซนาตาที่ผ่านมา และในกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ บริษัทฯ เตรียมจะนำรถยนต์นั่ง 4 ประตูสไตล์คูเป้ ฮุนได เอลันตรา(Hyundai Elantra) ที่เพิ่งได้รับการโหวตให้เป็นรถยอดเยี่ยมประจำปี 2012 ของทวีปอเมริกาเหนือ มาทำตลาดในไทยและคาดจะมียอดขายประมาณ 1,000 คันต่อปี และนอกจากนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำรถยนต์รุ่นต่างๆ มาเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งให้จับตาดูในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ที่จะถึงนี้ เพราะจะมีการนำรถรุ่นสำคัญมาเผยโฉมให้ได้ชมกัน ก่อนเปิดตัวทำตลาดอย่างเป็นทางการ” อิชิมูระกล่าว
ทั้งนี้ฮุนได เอลันตรา เป็นเก๋งในตลาดคอมแพ็กต์คาร์ หรือซี-คาร์ แม้จะมีเครื่องยนต์เบนซินรหัส Gamma แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1600 ซีซี พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ GDI-gasoline Direct Injection ให้กำลัง 138 แรงม้า แต่ที่นำเข้ามาทำตลาดจะเป็นรุ่น 1800 ซีซี 148 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยมีรุ่นย่อยในการทำตลาด 3 รุ่น เพื่อแข่งขันกับฮอนด้า ซีวิค, เชฟโรเลต ครูซ, ฟอร์ด โฟกัส และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
เอลันตรา โฉมใหม่ หรือในตลาดประเทศเกาหลีเรียกว่า “อะวันเต้” (Avante) ได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่รถยนต์รุ่นโซนาต้าใหม่อย่างชัดเจน โดยการออกแบบเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ซึ่งฮุนไดเรียกสไตล์การออกแบบนี้ว่า Fluidic Sculpture ที่สำคัญแม้จะเป็นรถซีดาน 4 ประตู แต่การออกแบบกลับดูเหมือนกับรถสปอร์ตคูเป้มากทีเดียว
นอกจากฮุนได เอลันตรา จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ เตรียมจะนำรถรุ่นใหม่ในสไตล์โมเดิร์นพรีเมียมมาโชว์ ซึ่งตามกระแสข่าวค่อนข้างชัดเจนที่จะนำ “ฮุนได เวโลสเตอร์” (Hyundai Veloster) สปอร์ตคอมแพ็กต์คูเป้แบบ 3 ประตู ที่กำลังโด่งดังในละครซีรี่ส์เกาหลี “ซิตี้ ฮันเตอร์” (City Hunter) และรุ่นพี่ “ฮุนได เจเนซีส คูเป้”( Hyundai-Genesis Coupe) มาเผยโฉม เพื่อรับฟังเสียงตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทย ก่อนที่จะนำเข้ามาทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง
ฮุนได เวโลสเตอร์ นับเป็นรถสปอร์ตคูเป้ ที่มีจุดเด่นของการออกแบบให้เป็นรถคูเป้ 3 ประตู โดยฝั่งคนขับจะมีประตูบานเดียว แต่ด้านผู้โดยสารจะมีประตูแยกกัน โดยซ้อนมือจับเอาไว้อย่างกลมกลืน ทำให้มองไม่แตกต่างจากรถคูเป้ ขณะเดียวกันก็ผสานรูปแบบของรถแฮทช์แบ็กอย่างลงตัว
โดยรูปลักษณ์ภายนอกโดยรวม ตัวรถใช้เส้นสายและสไตล์การออกแบบ ที่เรียกว่า Fluidic Sculpture อันเป็นแนวทางการดีไซน์เช่นเดียวกัน ฮุนได เอลันตรา หรือเอสยูวีรุ่นทูซอน ขณะที่เส้นด้านข้างตัวถังที่มีความเฉียบคม และแนวของซุ้มล้อที่ถูกตีโป่งขึ้นเพื่อให้ตัวรถเกิดสัมผัสแห่งความบึกบึน ซึ่งทางฮุนไดเผยว่าการออกแบบและพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากมอเตอร์ไซค์ประเภทสปอร์ตไบค์ ไม่ว่าจะเป็นภายนอกและภายใน
เครื่องยนต์ที่วางในเวโลสเตอร์เป็นรหัส Gamma บล็อกเดียวกับในรุ่นเอลันตรา เครื่องเบนซิน GDI แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1600 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ หรือ Dual VVT รีดกำลังออกมา 138 แรงม้า และล่าสุดได้มีส่งตัวแรง “เวโลสเตอร์ เทอร์โบ” มาเป็นตัวท็อปไลน์ฟาดฟันกับ ฮอนด้า ซีวิค เอสทีไอ, โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ จีทีไอ และมินิ คูเปอร์ เอส จากการวางขุมพลังบล็อกใหม่แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1600 ซีซี GDI และติดตั้งเทอร์โบแบบ Twin-Scroll โดยมีอัตราส่วนการอัดสูงกว่าเครื่องยนต์เทอร์โบปกติ ด้วยตัวเลข 9.5 : 1 และให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 201 แรงม้า
ฮุนได เจเนซีส คูเป้ เพิ่งเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ไป กับกระจังหน้าและกันชนใหม่ ไฟหน้าและท้ายแบบ LED รวมถึงปีกหลังใหม่เช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันก็ปรับระบบกันสะเทือนให้ดีขึ้น เป็นรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลัง จากขุมพลังวางเครื่องยนต์ 4 สูบ 2000 ซีซี 274 แรงม้า พร้อมเทอร์โบแบบ Twin-Scroll ระบบขับเคลื่อนเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 8 จังหวะ และอีกขุมพลังเป็นบล็อก V6 Lamda 3800 ซีซี GDI รุ่นใหม่ ให้กำลังสูงสุด 348 แรงม้า
สำหรับแผนการเปิดตัวรถเล็ก “ฮุนได ไอ10” (Hyundai i10) ประธานฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ ระบุว่านโยบายที่เปลี่ยนไปเน้นรถโมเดร์นพรีเมียม ของฮุนได มอเตอร์ ประเทศเกาหลี ประกอบกับช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะสมที่จะทำตลาด เพราะมีการแข่งขันรุนแรง ที่สำคัญรถกลุ่มนี้ต้องมีการประกอบในประเทศ หรือภูมิภาค จึงจะสามารถทำราคาแข่งขันได้ แต่ยืนยันยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มทางเลือกครอบคลุมทุกความต้องการผู้บริโภคมากที่สุด หากดูแล้วมีความพร้อมจะนำมาทำตลาดทันที
“อีกตลาดที่เรากำลังศึกษาอยู่ และมีโอกาสเป็นไปได้ ภายในสิ้นปีนี้จะนำเข้ามาทำตลาด คือกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งเป็นรถใช้งานเพื่อการพาณิชย์จริงๆ ไม่ใช่แบบปิกอัพ หรือฮุนได เอช100 ที่เราทำตลาดอยู่” อิชิมูระกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในไทย นำเข้าเครื่องยนต์รถเพื่อการพาณิชย์ของฮุนไดจากประเทศเกาหลี มาวางในตัวถังของรถบัสโดยสาร หรือรถบรรทุกที่ประกอบในไทยมากพอสมควร เพราะเห็นว่ามีสมรรถนะที่ดีและมีความทนทาน ดังนั้นจึงกำลังศึกษาหากนำเข้ามาทำตลาดทั้งคัน น่าจะได้รับการตอบรับดีเช่นกัน
นั่นเป็นแผนด้านผลิตภัณฑ์ของฮุนไดในประเทศไทยปีนี้ แต่ในส่วนของการตอกย้ำความพึงพอใจ โดยเฉพาะการบริการหลังการขาย อยู่ในขั้นตอนการขยายส่วนบริการ โดยการสร้างศูนย์บริการขนาดใหญ่ ที่มากกว่าศูนย์บริการเดิมถึงกว่าเท่าตัว เพื่อรองรับการเข้ารับบริการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และภายในปี 2555 นี้ จะมีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีก 3 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 23 แห่ง
ในส่วนของกิจกรรมลูกค้า ได้มีการปรับงบประมาณรองรับเพิ่มอีก 25% และปี 2555 นี้ ถือเป็นปีแห่งกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาาะมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ซึ่งฮุนไดเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ดังนั้นฟุตบอลยูโรน่าจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ลูกค้าจะได้ร่วมสนุกอย่างเต็มที่
เรียกว่าเป็นการ... จัดหนัก…จัดเต็ม! จากค่ายฮุนได ซึ่งนับวันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าจะเติบโตได้อย่างแน่นอน แต่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่? ติดตามกันต่อไป...