กลายเป็นเรื่อง “ญาติกันหักเหลี่ยมโหด” ซะแล้ว! เมื่อ “ฟอร์ด” ที่ดิ้นสุดเฮือก เพื่อให้ได้สิทธิ์ประโยชน์จากมาตรการรถคันแรก นำข้อมูลจากต่างประเทศ มาแฉอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของฟอร์ด เฟียสต้า เปรียบเทียบกับคู่แข่งเก๋งซับคอมแพกต์ เพื่อต่อรองกับรัฐบาล ส่งผล “มาสด้า2” กลายเป็นรถซดน้ำมัน จนมาสด้าออกมาย้อนกลับว่า เป็นการยกเฉพาะข้อมูลที่ได้เปรียบ แถมยังนำเอาสเปกรถในประเทศอื่น ที่แตกต่างกับรถขายในไทยมาอ้าง ทำให้เป็นข้อมูลที่คาดเคลื่อน ซึ่งจะว่าไปก่อนหน้านี้ไม่นาน มาสด้าพยายามชูภาพเป็นรถที่มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำน่าพอใจ เห็นได้จากการจัดกิจกรรมทดลองขับมาสด้า2 น้ำมันถังเดียวไปถึงภูเก็ต พร้อมกับสำรวจตลาดรถมาสด้า เมืองไข่มุกอันดามันไปด้วย
สำหรับกิจกรรมดังกล่าว “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ ตั้งแต่จุดสตาร์ทรถโชว์รูมมาสด้า สตราดิวารี่ สาขาพระราม2 ในเขตกรุงเทพฯ โดยมีรถมาสด้า2 จำนวน 6 คัน ซึ่งขับขี่ทดสอบโดยผู้สื่อข่าวสายรถยนต์จำนวน 12 ท่าน พร้อมกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นผู้รับรองผลการทดสอบในครั้งนี้ ไปจนถึงจุดสิ้นสุดที่ภูเก็ตรวมเกือบ 900 กิโลเมตร
โดยกติกาและเงื่อนไข ซึ่งเป็นกฎเหล็กของการทดสอบการใช้งานบนถนนจริง จากถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงภาคใต้ ผ่านเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พังงาน และสิ้นสุดที่ภูเก็ต รวมระยะทาง 798 กิโลเมตร ด้วยการเติมน้ำมันเต็มถัง ในปริมาตรความจุ 43 ลิตร ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 E10 ทุกคัน จำกัดเวลาในการเดินทางเพียง 14 ชม. ไม่รวมเวลาหยุดพัก ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทางต้องไม่ต่ำกว่า 60 กม./ชม. เปิดแอร์ที่อุณหภูมิความเย็นระดับ 3 ใน 4 และความแรงพัดลมเบอร์ 2 ความดันลมยางที่ระดับปกติตามมาตรฐานที่ระบุในคู่มือรถ คู่หน้า 32 psi และ คู่หลัง 29 psi ห้ามพับกระจกมองข้าง และห้ามเปิดกระจกทุกบาน โดยน้ำหนักรถรวมผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมสัมภาระในการเดินทาง
ในที่สุดจากเวลาสตาร์ทรถ 8.30 น. ซึ่งการเดินทางต้องเจอสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ฝนตกตลอดเส้นทาง แต่รถมาสด้า2 น้ำมันถังเดียว สามารถวิ่งถึงภูเก็ตทุกคัน ภายในระยะเวลาที่กำหนด 14 ชั่วโมง และยังมีน้ำมันเหลืออยู่ในถังจำนวนหนึ่ง จึงต้องวิ่งวนจนกว่าน้ำมันจะหมดถัง เพราะจุดประสงค์ของมาสด้า ต้องการทราบว่าน้ำมัน 1 ถัง สามารถวิ่งได้ระยะทางเท่าไหร่?
ปรากฏว่าคันที่ชนะเลิศ วิ่งได้ระยะทางไกล 919 กิโลเมตร ระยะเวลาที่เดินทาง 13.078 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 60.328 กม./ชม. อันดับที่ 2 ระยะทางที่วิ่งได้ 905 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 12.162 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 64.875 กม./ชม. และอันดับที่ 3 ระยะทางที่วิ่งได้ 879 กิโลเมตร เวลาเดินทาง 13.090 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 60.274 กม./ชม.
เป็นอันว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของกิจกรรมครั้งนี้ และในโอกาสเดียวกันนี้มาสด้า ประเทศไทย ยังได้เชิญ “ธนาภูมิ หงส์หยก” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ อนุภาษกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ของเมืองภูเก็ต และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายรถหลายยี่ห้อ รวมถึงรถยนต์มาสด้า มาเล่าสภาพตลาดรถยนต์ในภูเก็ตให้สื่อมวลชนฟังด้วย
“ตลาดรถยนต์ในภูเก็ต จะไม่ค่อยแตกต่างจากกรุงเทพฯ เท่าไหร่ ผู้บริโภคให้ความนิยมเก๋งขนาดเล็กมากเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมามาสด้าจะไม่มีเก๋งซับคอมแพกต์ ยอดขายหลักจะเป็นของฮอนด้า และโตโยต้า แต่มาสด้ายังพอไปได้กับมาสด้า3 และเมื่อมีมาสด้า2 เข้ามาทำตลาด ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นมาก จากเดือนไม่กี่สิบคัน ปัจจุบันมียอดขายไม่ต่ำกว่า 90 คันต่อเดือน”
ธนาภูมิยังบอกว่า สภาพเศรษฐกิจการท่องเที่ยว มีผลต่อตลาดรถยนต์ภูเก็ตมาก อย่างปีนี้ทุกอย่างค่อนข้างดีไม่มีเหตุการณ์อะไร ทำให้ภาพรวมยอดขายรถครึ่งแรกของปีนี้ มีมากกว่า 8,000 คัน และส่วนใหญ่จะเป็นรถเล็ก ขณะที่ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 6,000 คัน
“ในส่วนของมาสด้าเดิมตั้งเป้าการขายไว้ที่ประมาณ 700 คัน แต่การตอบรับที่ดีมากต่อรถมาสด้า2 และยิ่งเมื่อมีการปรับโฉมใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ จึงคาดว่าจะกระตุ้นยอดขายดีขึ้น ทำให้ต้องปรับเป้าการขายเพิ่มเป็น 1,100 คัน ซึ่งถือว่าสูงมากกับตัวเลขต่อหนึ่งโชว์รูม แต่การปรับตัวเลขยอดขายดังกล่าว ไม่ใช่มาจากการกดดันของบริษัทแม่ เพราะมาสด้าเขาจะดูความเป็นจริงของตลาดมากกว่า”
ส่วนแผนงานการทำตลาดของมาสด้าภูเก็ต นอกจากกิจกรรมและแคมเปญส่วนกลางแล้ว ธนาภูมิบอกว่าจะเน้นกิจกรรมเจาะตรงลูกค้า ออกโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้า และโฆษณาประชาชนสัมพันธ์กับสื่อท้องถิ่น ที่สำคัญพยายามให้ลูกค้าได้รับทราบสมรรถนะรถโดยตรง ทำให้ต้องมีรถทดสอบมากกว่าโชว์รูมทั่วไป ตรงนี้จึงเป็นการลงทุนของมาสด้าภูเก็ตเอง ขณะที่งานบริการหลังการขายถือเป็นหัวใจของมาสด้า ที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว
นี่คือภาพรวมของตลาด และทิศทางรถมาสด้าในภูเก็ต ซึ่งมาสด้า2 กับน้ำมันหนึ่งถัง พาไปทำความรู้จักระดับหนึ่ง...
