ข่าวต่างประเทศ-หลังจากทำท่าว่าจะคลี่คลายปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน แต่ในที่สุดทางด้านผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังของสวีเดนอย่างซาบต้องขอล้มละลาย และยื่นเรื่องเพื่อเข้าสู่กระบวนการพิทักษ์สินทรัพย์เหมือนกับที่อดีตบริษัทแม่อย่างจีเอ็มเคยทำเมื่อปีที่แล้ว แต่โดนศาลสวีเดนปฏิเสธตอบรับ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในตอนนี้ซาบได้ยื่นเรื่องขึ้นไปทางศาลของสวีเดนในการขอพิทักษ์สินทรัพย์จากการรุมทึ้งของบรรดาเจ้าหนี้ แต่ดูเหมือนว่าศาลสวีเดนจะไม่สนใจต่อการยื่นเรื่องในครั้งนี้และได้ปฏิเสธการตอบรับไปแล้ว นั่นทำให้ทางซาบจำเป็นต้องขออุทธรณ์อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาสักพักในการพิจารณาและตัดสิน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยซาบเชื่อว่าการพิทักษ์สินทรัพย์จะช่วยลดปัญหาของการคัมแบ็คสู่ตลาดในอนาคต เพราะจะทำให้ยังเหลือทรัพย์สินที่จำเป็นในการกลับมายืนได้อีกครั้ง
ในปี 2010 ทางจีเอ็มได้ขายกิจการของซาบไปให้กับสปายเกอร์ ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติฮอลแลนด์ เพื่อฟื้นฟูกิจการของซาบ ซึ่งในตอนแรกเหตุการณ์ทำท่าว่าจะดี จนกระทั่งมาถึงช่วงกลางปี 2011 ที่ผ่านมา ซาบประสบปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องทางการเงิน และไม่มีเงินจ่ายทั้งค่าชิ้นส่วนและค่าแรงคนงาน ส่งผลให้จำเป็นต้องมีการยุติการผลิต
ขณะเดียวกันข่าวเรื่องการขอซื้อกิจการของซาบโดยทางเจ้อเจียง ยังแมน โลตัส ออโต้โมบิล และ ผางต้า ออโต้โมบิล เทรด ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะการซื้อกิจการของซาบบางส่วนในครั้งนี้จำเป็นจะต้องขอและได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเสียก่อน ซึ่งทางเจ้อเจียงให้ความสำคัญอย่างมากในการซื้อ Know How ของซาบมาต่อยอดในการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลจีนก็ยังไม่ให้คำตอบหรือแสดงท่าทีว่าจะเปิดไฟเขียวให้กับเรื่องนี้อย่างชัดเจน ระบุแค่ว่า ซาบจะได้รับเงินจำนวน 70 ล้านยูโร หรือ 2,100 ล้านบาท เป็นค่าแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีของซาบ และมีแนวโน้มว่าข้อเสนอมูลค่า ดังกล่าว อาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ เพราะก็ยังไม่มีทีท่าว่าทางรัฐบาลในปักกิ่งจะดำเนินการหรือตัดสินใจอย่างไรต่อไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในตอนนี้ซาบได้ยื่นเรื่องขึ้นไปทางศาลของสวีเดนในการขอพิทักษ์สินทรัพย์จากการรุมทึ้งของบรรดาเจ้าหนี้ แต่ดูเหมือนว่าศาลสวีเดนจะไม่สนใจต่อการยื่นเรื่องในครั้งนี้และได้ปฏิเสธการตอบรับไปแล้ว นั่นทำให้ทางซาบจำเป็นต้องขออุทธรณ์อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาสักพักในการพิจารณาและตัดสิน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยซาบเชื่อว่าการพิทักษ์สินทรัพย์จะช่วยลดปัญหาของการคัมแบ็คสู่ตลาดในอนาคต เพราะจะทำให้ยังเหลือทรัพย์สินที่จำเป็นในการกลับมายืนได้อีกครั้ง
ในปี 2010 ทางจีเอ็มได้ขายกิจการของซาบไปให้กับสปายเกอร์ ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติฮอลแลนด์ เพื่อฟื้นฟูกิจการของซาบ ซึ่งในตอนแรกเหตุการณ์ทำท่าว่าจะดี จนกระทั่งมาถึงช่วงกลางปี 2011 ที่ผ่านมา ซาบประสบปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องทางการเงิน และไม่มีเงินจ่ายทั้งค่าชิ้นส่วนและค่าแรงคนงาน ส่งผลให้จำเป็นต้องมีการยุติการผลิต
ขณะเดียวกันข่าวเรื่องการขอซื้อกิจการของซาบโดยทางเจ้อเจียง ยังแมน โลตัส ออโต้โมบิล และ ผางต้า ออโต้โมบิล เทรด ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะการซื้อกิจการของซาบบางส่วนในครั้งนี้จำเป็นจะต้องขอและได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเสียก่อน ซึ่งทางเจ้อเจียงให้ความสำคัญอย่างมากในการซื้อ Know How ของซาบมาต่อยอดในการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลจีนก็ยังไม่ให้คำตอบหรือแสดงท่าทีว่าจะเปิดไฟเขียวให้กับเรื่องนี้อย่างชัดเจน ระบุแค่ว่า ซาบจะได้รับเงินจำนวน 70 ล้านยูโร หรือ 2,100 ล้านบาท เป็นค่าแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีของซาบ และมีแนวโน้มว่าข้อเสนอมูลค่า ดังกล่าว อาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ เพราะก็ยังไม่มีทีท่าว่าทางรัฐบาลในปักกิ่งจะดำเนินการหรือตัดสินใจอย่างไรต่อไป