100 ปีที่ผ่านมา เชฟโรเลต ได้สร้างสรรค์งานออกแบบออกมาประดับหน้าประวัติศาสตร์ยานยนต์โลกไว้มากมายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในทั่วทุกมุมโลก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายยานยนต์ระดับโลกที่ดีที่สุด สะท้อนออกมาเป็นตัวอย่างยานยนต์ระดับตำนาน ทั้ง เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ คูเป้ รุ่นปี 1963 เชฟโรเลต คามาโร รุ่นปี 1969 เชฟโรเลต โวลต์ รุ่นปี 2011 และเชฟโรเลต คามาโร แซดเอล1 รุ่นปี 2012 สุดยอด 4 ยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และมีการออกแบบอันโดดเด่นก้าวล้ำดึงดูดทุกสายตาบนท้องถนน
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ คูเป้ รุ่นปี 1963
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ คูเป้ ปี 1963 เป็นรถสปอร์ตที่มีกระจกบังลมหลังแบบแยกส่วน หรือ "Split-Window" ทำให้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและล้ำสมัย สร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือของบิล มิทเชลล์ หัวหน้านักออกแบบของ จีเอ็ม จนได้รับการขนานนามว่าเป็นที่สุดของรถอเมริกันที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้พบเห็นในขณะนั้น ภายใต้รูปทรงที่ยอดเยี่ยม เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ คูเป้ มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนล้อหลังแบบอิสระ และระบบฉีดเชื้อเพลิงส่งไปยังเครื่องยนต์ขนาดเล็ก V8 ที่ทรงพละกำลัง นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน อาทิ ระบบปรับอากาศภายในรถ เบาะที่นั่งหุ้มหนัง และระบบวิทยุ AM/FM เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ ได้รับการพัฒนาเป็นเจนเนอเรชั่นที่สองในปี 1967 แต่ รุ่นคูเป้ ปี 1963 นี้ ได้รับการยอมรับให้เป็นที่สุดของการออกแบบรถสปอรต์ที่มีกระจกบังลมหลังแบบแยกส่วน หรือ "Split-Window"
จุดเด่น : ช่องรับอากาศบนฝากระโปรง กระจกหลังแบบที่ถูกแยกส่วนโดยเส้นสายจากหลังคาซึ่งพาดไปถึงฝาปิดถังน้ำมันรูปธงตราหมากรุกไขว้บนฝากระโปรงหลัง สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะของคอร์เวทท์
เชฟโรเลต คามาโร รุ่นปี 1969
เชฟโรเลต คามาโร รุ่นปี 1969 ถือว่าเป็นตัวแทนเจนเนอเรชั่นแรกของคามาโร ที่ผลิตขึ้นในปี 1967-1969 ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในขณะที่ เชฟโรเลต คามาโร รุ่นแซด 28 ที่มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ V8 302 cid ได้ลงแข่งขันในรายการทรานสแอม นั้น เชฟโรเลต คามาโร รุ่นแซดแอล-1 ได้นำเสนอเครื่องยนต์อะลูมิเนียม 427 ซึ่งมีเสียงดังกังวาลราวเสียงฟ้าร้อง นักสะสมหลายท่านให้คำนิยามแก่เชฟโรเลต คามาโร ปี 1969 ว่าเป็นที่สุดแห่งการออกแบบในเจนเนอเรชั่นแรกของเชฟโรเลต คามาโร นอกจากนั้น มร.เอ็ด เวลเบิร์น รองประธานฝ่ายออกแบบของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ยังชื่นชอบและเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ ทั้งยังใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเพื่อก้าวไปข้างหน้าของเชฟโรเลต คามาโร ในอนาคต อีกด้วย
จุดเด่น : ซุ้มล้อทรงสี่เหลี่ยม รับกับสันขอบด้านข้างตัวรถ พร้อมฝาปิดกรอบไฟหน้าทรงดุดัน สำหรับรุ่นสปอร์ต RS
เชฟโรเลต โวลต์ รุ่นปี 2011
หัวใจขับเคลื่อนของโวลต์ ก้าวล้ำหน้าด้วยระบบไฟฟ้าโวลเทค ผสมผสานการทำงานระหว่างพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และเครื่องยนต์ขนาดเล็ก โวลต์ขับเคลื่อนไปได้ระยะทางถึง 52 กิโลเมตรโดยปราศจากการใช้น้ำมันแม้หยดเดียว และยังสามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลอีกมากกว่า 500 กิโลเมตรจากเครื่องยนต์ขนาดเล็ก เชฟโรเลต โวลต์ ถือเป็นรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นเดียวที่ผลิตและจำหน่ายจริงเป็นจำนวนมากในสหรัฐฯ
จุดเด่น : ตกแต่งด้วยกระจกสีดำบริเวณด้านล่างของกระจกบังลมข้างเพิ่มความล้ำสมัย พร้อมช่องชาร์จไฟทรงกลมบริเวณเหนือซุ้มล้อด้านผู้ขับขี่ ขณะที่ด้านท้ายรถก็ทันสมัยเช่นกันด้วยการใช้กระจกสีดำพร้อมโลโก้โบไท และตัวอักษรโวลต์
เชฟโรเลต คามาโร แซดแอล1 รุ่นปี 2012
ตำนานความแรงของ เชฟโรเลต คามาโร ที่ทุกคนทั่วทุกมุมโลกรู้จักกันดี มีมายาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งตอนนี้ตำนานความยิ่งใหญ่ดังกล่าวจะถูกสานต่อด้วยการพัฒนาและออกแบบยนตรกรรมที่มีความยิ่งใหญ่ เชฟโรเลต คามาโร แซดแอล1 ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำเชฟโรเลตก้าวสู่ศตวรรษที่สองพร้อมประกาศความยิ่งใหญ่ของการเป็นสุดยอดยนตรกรรมแห่งศตวรรษได้อย่างเต็มภาคภูมิ เชฟโรเลต คามาโร แซดแอล1 มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 550 แรงม้า ซึ่งมีประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อการตอกย้ำความสำเร็จในหน้าประวัติศาสตร์ยานยนต์ของเชฟโรเลต ต่อไปในอนาคต
จุดเด่น : ดุดันด้วยฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียม พร้อมช่องดักลมคาร์บอนไฟเบอร์ ล้อผลิตจากวัสดุโลหะเนื้อฟอร์จขนาด 20 นิ้ว และยางระดับซูเปอร์คาร์ของกู๊ดเยียร์ สะดุดทุกสายตาที่โคมไฟหน้าแอลอีดีทรงวงแหวน
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ คูเป้ รุ่นปี 1963
เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ คูเป้ ปี 1963 เป็นรถสปอร์ตที่มีกระจกบังลมหลังแบบแยกส่วน หรือ "Split-Window" ทำให้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและล้ำสมัย สร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือของบิล มิทเชลล์ หัวหน้านักออกแบบของ จีเอ็ม จนได้รับการขนานนามว่าเป็นที่สุดของรถอเมริกันที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้พบเห็นในขณะนั้น ภายใต้รูปทรงที่ยอดเยี่ยม เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ คูเป้ มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนล้อหลังแบบอิสระ และระบบฉีดเชื้อเพลิงส่งไปยังเครื่องยนต์ขนาดเล็ก V8 ที่ทรงพละกำลัง นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน อาทิ ระบบปรับอากาศภายในรถ เบาะที่นั่งหุ้มหนัง และระบบวิทยุ AM/FM เชฟโรเลต คอร์เวทท์ สติงเรย์ ได้รับการพัฒนาเป็นเจนเนอเรชั่นที่สองในปี 1967 แต่ รุ่นคูเป้ ปี 1963 นี้ ได้รับการยอมรับให้เป็นที่สุดของการออกแบบรถสปอรต์ที่มีกระจกบังลมหลังแบบแยกส่วน หรือ "Split-Window"
จุดเด่น : ช่องรับอากาศบนฝากระโปรง กระจกหลังแบบที่ถูกแยกส่วนโดยเส้นสายจากหลังคาซึ่งพาดไปถึงฝาปิดถังน้ำมันรูปธงตราหมากรุกไขว้บนฝากระโปรงหลัง สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะของคอร์เวทท์
เชฟโรเลต คามาโร รุ่นปี 1969
เชฟโรเลต คามาโร รุ่นปี 1969 ถือว่าเป็นตัวแทนเจนเนอเรชั่นแรกของคามาโร ที่ผลิตขึ้นในปี 1967-1969 ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในขณะที่ เชฟโรเลต คามาโร รุ่นแซด 28 ที่มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ V8 302 cid ได้ลงแข่งขันในรายการทรานสแอม นั้น เชฟโรเลต คามาโร รุ่นแซดแอล-1 ได้นำเสนอเครื่องยนต์อะลูมิเนียม 427 ซึ่งมีเสียงดังกังวาลราวเสียงฟ้าร้อง นักสะสมหลายท่านให้คำนิยามแก่เชฟโรเลต คามาโร ปี 1969 ว่าเป็นที่สุดแห่งการออกแบบในเจนเนอเรชั่นแรกของเชฟโรเลต คามาโร นอกจากนั้น มร.เอ็ด เวลเบิร์น รองประธานฝ่ายออกแบบของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ยังชื่นชอบและเป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ ทั้งยังใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเพื่อก้าวไปข้างหน้าของเชฟโรเลต คามาโร ในอนาคต อีกด้วย
จุดเด่น : ซุ้มล้อทรงสี่เหลี่ยม รับกับสันขอบด้านข้างตัวรถ พร้อมฝาปิดกรอบไฟหน้าทรงดุดัน สำหรับรุ่นสปอร์ต RS
เชฟโรเลต โวลต์ รุ่นปี 2011
หัวใจขับเคลื่อนของโวลต์ ก้าวล้ำหน้าด้วยระบบไฟฟ้าโวลเทค ผสมผสานการทำงานระหว่างพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และเครื่องยนต์ขนาดเล็ก โวลต์ขับเคลื่อนไปได้ระยะทางถึง 52 กิโลเมตรโดยปราศจากการใช้น้ำมันแม้หยดเดียว และยังสามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลอีกมากกว่า 500 กิโลเมตรจากเครื่องยนต์ขนาดเล็ก เชฟโรเลต โวลต์ ถือเป็นรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นเดียวที่ผลิตและจำหน่ายจริงเป็นจำนวนมากในสหรัฐฯ
จุดเด่น : ตกแต่งด้วยกระจกสีดำบริเวณด้านล่างของกระจกบังลมข้างเพิ่มความล้ำสมัย พร้อมช่องชาร์จไฟทรงกลมบริเวณเหนือซุ้มล้อด้านผู้ขับขี่ ขณะที่ด้านท้ายรถก็ทันสมัยเช่นกันด้วยการใช้กระจกสีดำพร้อมโลโก้โบไท และตัวอักษรโวลต์
เชฟโรเลต คามาโร แซดแอล1 รุ่นปี 2012
ตำนานความแรงของ เชฟโรเลต คามาโร ที่ทุกคนทั่วทุกมุมโลกรู้จักกันดี มีมายาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งตอนนี้ตำนานความยิ่งใหญ่ดังกล่าวจะถูกสานต่อด้วยการพัฒนาและออกแบบยนตรกรรมที่มีความยิ่งใหญ่ เชฟโรเลต คามาโร แซดแอล1 ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำเชฟโรเลตก้าวสู่ศตวรรษที่สองพร้อมประกาศความยิ่งใหญ่ของการเป็นสุดยอดยนตรกรรมแห่งศตวรรษได้อย่างเต็มภาคภูมิ เชฟโรเลต คามาโร แซดแอล1 มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 550 แรงม้า ซึ่งมีประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อการตอกย้ำความสำเร็จในหน้าประวัติศาสตร์ยานยนต์ของเชฟโรเลต ต่อไปในอนาคต
จุดเด่น : ดุดันด้วยฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียม พร้อมช่องดักลมคาร์บอนไฟเบอร์ ล้อผลิตจากวัสดุโลหะเนื้อฟอร์จขนาด 20 นิ้ว และยางระดับซูเปอร์คาร์ของกู๊ดเยียร์ สะดุดทุกสายตาที่โคมไฟหน้าแอลอีดีทรงวงแหวน