ข่าวในประเทศ - ค่าย “มิตซูบิชิ” ประกาศพร้อมรับจ้างผลิต “นิสสัน นาวารา” จำนวน 60,000 คันต่อปี เล็งลงทุนเพิ่ม และปรับไลน์ผลิตที่โรงงานแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยโยก “ปาเจโร สปอร์ต” ไปโรงงานสองร่วมกับ “ปิกอัพ ไทรทัน” ขณะที่โรงงานใหม่แห่งที่สาม ลุยผลิตอีโคคาร์ เดินหน้าได้ตามแผน พร้อมอวดโฉมคันจริง มอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 ปลายปีนี้ ก่อนส่งมอบให้ลูกค้าเดือนมีนาคมปีหน้า
นายโอซามุ มาสุโกะ ประธาน บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทบรรลุข้อตกลงกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ในการรับจ้างผลิตปิกอัพ นิสสัน นาวารา ที่โรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ นิคมอุตสาหกรรมแหลงฉบัง ประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่กลางปี 2555 เป็นต้นไป
โดยมิตซูชิชิจะผลิตนิสสัน นาวารา จำนวน 60,000 ต่อปี ที่โรงงานแห่งที่หนึ่ง แทนมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ซึ่งจะย้ายไปผลิตที่โรงงานแห่งที่สองร่วมกับ ปิกอัพ ไทรทัน อันจะส่งผลให้โรงงานแห่งที่สองมีกำลังการผลิตรวม 240,000 คันต่อปี
“จากข้อตกลงดังกล่าว ทำให้โรงงานมิตซูบิชิ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ต้องผลิตปิกอัพไทรทัน รถอเนกประสงค์ ปาเจโร สปอร์ต และนิสสัน นาวารา รวม 300,000 คันต่อปี (ไม่รวมรถยนต์นั่ง) ดังนั้นจำเป็นที่บริษัทต้องลงทุนเพิ่ม เพื่อขยายการผลิต แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขการลงทุนได้”
ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ในโครงการอีโคคาร์ หรือ โกลบอล สมอล ยังดำเนินตามแผนเดิม โดยบริษัทเตรียมนำรถคันจริงมาอวดโฉมในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 พร้อมกับงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 ปลายปีนี้ ขณะที่รถจะพร้อมส่งมอบตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทตั้งกำลังการผลิต(โรงงานแห่งที่สาม)ปีแรกไว้ 40,000 คัน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 20,000 - 24,000 คัน ที่เหลือจะทำการส่งออกไปทั่วโลก
นอกจากนี้ด้วยการสนับสนุนของ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ บริษัทยังดำเนินโครงการทดสอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) รุ่น ไอมีฟ ในประเทศไทย ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง และบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชันแนล จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยจะทำการวิ่งทดสอบ พร้อมวิจัยการทำตลาด และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการจ่ายไฟต่อไป
อย่างไรก็ตามต่อข้อถามว่า จะมีการทำตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้า ไอมีฟ ในประเทศไทยเมื่อไหร่ บริษัทยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับ การช่วยเหลือของรัฐบาล โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านโครงสร้างภาษี อันจำเป็นต่อการตั้งราคาขาย ที่สามารถทำตลาดได้
นายมาสุโกะ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อยากให้รัฐบาลใหม่สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่นโยบายต่างๆจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นการเก็บภาษีรถยนต์คันแรก ที่ต้องทำอย่างเท่าเทียมทั้งปิกอัพ และรถยนต์นั่ง ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท บริษัทมองว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการสูงขึ้น อาจทำให้ไทยเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ดังนั้นคงต้องเพิ่มทักษะ ฝีมือแรงงาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคู่กันไป
ด้านนายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิในครึ่งปีแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยยอดขาย 34,428 คัน เติบโต 107% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ดังนั้นบริษัทเชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้จะทำยอดขายรวมได้ตามเป้าหมาย 62,000 คัน เติบโต 57% เมื่อเทียบกับปี 2553 พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาด 7% (ในปี 2553 มิตซูบิชิครองส่วนแบ่งตลาด 5%) จากตลาดรวม 910,000 คัน
นายโอซามุ มาสุโกะ ประธาน บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทบรรลุข้อตกลงกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ในการรับจ้างผลิตปิกอัพ นิสสัน นาวารา ที่โรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ นิคมอุตสาหกรรมแหลงฉบัง ประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่กลางปี 2555 เป็นต้นไป
โดยมิตซูชิชิจะผลิตนิสสัน นาวารา จำนวน 60,000 ต่อปี ที่โรงงานแห่งที่หนึ่ง แทนมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ซึ่งจะย้ายไปผลิตที่โรงงานแห่งที่สองร่วมกับ ปิกอัพ ไทรทัน อันจะส่งผลให้โรงงานแห่งที่สองมีกำลังการผลิตรวม 240,000 คันต่อปี
“จากข้อตกลงดังกล่าว ทำให้โรงงานมิตซูบิชิ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ต้องผลิตปิกอัพไทรทัน รถอเนกประสงค์ ปาเจโร สปอร์ต และนิสสัน นาวารา รวม 300,000 คันต่อปี (ไม่รวมรถยนต์นั่ง) ดังนั้นจำเป็นที่บริษัทต้องลงทุนเพิ่ม เพื่อขยายการผลิต แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขการลงทุนได้”
ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ในโครงการอีโคคาร์ หรือ โกลบอล สมอล ยังดำเนินตามแผนเดิม โดยบริษัทเตรียมนำรถคันจริงมาอวดโฉมในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 พร้อมกับงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 ปลายปีนี้ ขณะที่รถจะพร้อมส่งมอบตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทตั้งกำลังการผลิต(โรงงานแห่งที่สาม)ปีแรกไว้ 40,000 คัน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 20,000 - 24,000 คัน ที่เหลือจะทำการส่งออกไปทั่วโลก
นอกจากนี้ด้วยการสนับสนุนของ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ บริษัทยังดำเนินโครงการทดสอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) รุ่น ไอมีฟ ในประเทศไทย ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง และบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชันแนล จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยจะทำการวิ่งทดสอบ พร้อมวิจัยการทำตลาด และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการจ่ายไฟต่อไป
อย่างไรก็ตามต่อข้อถามว่า จะมีการทำตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้า ไอมีฟ ในประเทศไทยเมื่อไหร่ บริษัทยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับ การช่วยเหลือของรัฐบาล โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านโครงสร้างภาษี อันจำเป็นต่อการตั้งราคาขาย ที่สามารถทำตลาดได้
นายมาสุโกะ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อยากให้รัฐบาลใหม่สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่นโยบายต่างๆจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นการเก็บภาษีรถยนต์คันแรก ที่ต้องทำอย่างเท่าเทียมทั้งปิกอัพ และรถยนต์นั่ง ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท บริษัทมองว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการสูงขึ้น อาจทำให้ไทยเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ดังนั้นคงต้องเพิ่มทักษะ ฝีมือแรงงาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคู่กันไป
ด้านนายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิในครึ่งปีแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยยอดขาย 34,428 คัน เติบโต 107% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ดังนั้นบริษัทเชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้จะทำยอดขายรวมได้ตามเป้าหมาย 62,000 คัน เติบโต 57% เมื่อเทียบกับปี 2553 พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาด 7% (ในปี 2553 มิตซูบิชิครองส่วนแบ่งตลาด 5%) จากตลาดรวม 910,000 คัน
