ฟิล์มกรองแสง “วี-คูล” เตรียมปรับโครงสร้างองค์กร ตั้งบริษัทโฮลดิ้งแตกธุรกิจ แยกจับตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ตั้งแต่ระบบล่างยันบน หลังคว้าแบรนด์ดังจากเยอรมนี “ฮิวเปอร์” เสริมทัพ มั่นใจดันรายได้รวมพุ่ง 500 ล้านบาท และปีหน้าเล็งลงเจาะตลาดระดับล่าง ราคาไม่เกิน 1 หมื่นบาท ฟุ้งภายใน 3 ปี จะขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งตลาดฟิล์มฯ และปลายปีนี้จะเปิดคาร์แคร์รองรับให้ครบวงจร
กนต์ธร จตุรภัทรพนิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และบ้านรายใหญ่ เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการบริหารที่ชัดเจน กลุ่มวี-คูลจึงเตรียมจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้นมา เพื่อลงทุนขยายธุรกิจใหม่ๆ ในช่วง 1-2 ปีจากนี้ ซึ่งปัจจุบันเพียงดำเนินธุรกิจจำหน่ายฟิล์มกรองแสงยี่ห้อ “วี-คูล” แต่ก็มุ่งไปที่ตลาดระดับบน หรือพรีเมียมเท่านั้น
“เรามีแผนที่จะขยายธุรกิจให้ครบวงจร แต่มีการบริหารจัดการที่แยกกันขาด จึงเตรียมตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้นมา รองรับการลงทุนและดูแลบริษัทต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยล่าสุดได้ตั้งบริษัท ฮิวเปอร์ ออพติค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อจำหน่ายฟิล์มกรองแสงระดับ Mass Premium หรือตลาดกลางกึ่งบน ภายใต้ยี่ห้อฮิวเปอร์จากประเทศเยอรมนี”
จากเป้าหมายของกลุ่มบริษัทฯ ที่ต้องการจะทำธุรกิจให้ครบวงจร นอกจากจะฟิล์มกรองแสงวี-คูลและฮิวเปอร์ ที่จับตลาดระดับบนและกลาง หรือมีระดับราคา 1.9 - 2.7 หมื่นบาทแล้ว บริษัทฯ ยังศึกษาแผนขยายธุรกิจลงไปจับตลาดฟิล์มกรองแสงระดับล่าง ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่สุดของไทย โดยตั้งเป้าหมายจะตั้งราคาจำหน่ายสูงสุดไม่เกิน 1 หมื่นบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดการจำหน่ายได้ปีหน้า
กนต์ธรกล่าวว่า การขยายธุรกิจฟิล์มกรองแสงครบวงจรของบริษัทฯ จะไม่ใช่การนำเอาฟิล์มฯ มาแตกเป็นสินค้าแบรนด์ตนเอง หรือแบบเฮาส์แบรนด์ แต่บริษัทฯ มีนโยบายที่จะนำฟิล์มกรองแสงที่มีแบรนด์ชัดเจน และเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศมาทำตลาด เช่นเดียวกับที่ได้นำเอาแบรนด์ฮิวเปอร์จากเยอรมนี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในทั่วโลก ไม่ใช่นำเอาฟิล์มไร้คุณภาพ หรือใกล้หมดอายุ มาทำเป็นอีกแบรนด์แน่นอน
“การรุกตลาดของกลุ่มฟิล์มกรองแสงดังกล่าว ทำให้มั่นใจว่าภายใน 3 ปี จะสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในไทยได้ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายวี-คูลไวhกว่า 300 ล้านบาท และในส่วนของฮิวเปอร์ระยะ 12 เดือนแรก ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท และปลายปีนี้จะเปิดคาร์แคร์ภายใต้ชื่อ อัลตร้ามาสเตอร์ มารองรับการให้บริการดูแลรักษารถยนต์กับลูกค้าอย่างครบวงจรอีกด้วย”
รฐา เตชะไพศาล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ฮิวเปอร์ ออพตค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ฮิวเปอร์เป็นิฟืล์มกรองแสงนาโนเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนีเพียงยี่ห้อเดียวในโลก ที่สามารถกันความร้อนและรังสีอัลตรา ไวโอเลต ถึง 96% และ 99% ตามลำดับ ที่สำคัญไม่รบกวนสัญญาณระบบนำทาง GPS หรือสัญญาณ Easy Pass ซึ่งผ่านการทดสอบจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
“เพื่อยืนยันคุณภาพของฟิล์มกรองแสงฮิวเปอร์ ในการเปิดตัวจึงได้มอบบัตร Easy Pass ที่มีมูลค่ามัดจำบัตร 800 บาท และมูลค่าการใช้บริการทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยอีก 500 บาท สำหรับลูกค้าในเขตกรุงเทฯ และปริมณฑลที่มาใช้บริการติดฟิล์มฯ ฮิวเปอร์ฟรี”
สำหรับตลาดฟิล์มกรองแสงในไทย มีทั้งแบรนด์จากต่างประเทศ และแบรนด์ที่ผู้จำหน่ายในไทยทำเอง โดยมีฟิล์มกรองแสงรถยนต์ “ลามิน่า” ถือเป็นผู้นำของตลาด โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 560 ล้านบาท ยังไม่นับรวมฟิล์มกรองแสงแบรนด์ในเครืออีก
กนต์ธร จตุรภัทรพนิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้จำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และบ้านรายใหญ่ เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการบริหารที่ชัดเจน กลุ่มวี-คูลจึงเตรียมจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้นมา เพื่อลงทุนขยายธุรกิจใหม่ๆ ในช่วง 1-2 ปีจากนี้ ซึ่งปัจจุบันเพียงดำเนินธุรกิจจำหน่ายฟิล์มกรองแสงยี่ห้อ “วี-คูล” แต่ก็มุ่งไปที่ตลาดระดับบน หรือพรีเมียมเท่านั้น
“เรามีแผนที่จะขยายธุรกิจให้ครบวงจร แต่มีการบริหารจัดการที่แยกกันขาด จึงเตรียมตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้นมา รองรับการลงทุนและดูแลบริษัทต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยล่าสุดได้ตั้งบริษัท ฮิวเปอร์ ออพติค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อจำหน่ายฟิล์มกรองแสงระดับ Mass Premium หรือตลาดกลางกึ่งบน ภายใต้ยี่ห้อฮิวเปอร์จากประเทศเยอรมนี”
จากเป้าหมายของกลุ่มบริษัทฯ ที่ต้องการจะทำธุรกิจให้ครบวงจร นอกจากจะฟิล์มกรองแสงวี-คูลและฮิวเปอร์ ที่จับตลาดระดับบนและกลาง หรือมีระดับราคา 1.9 - 2.7 หมื่นบาทแล้ว บริษัทฯ ยังศึกษาแผนขยายธุรกิจลงไปจับตลาดฟิล์มกรองแสงระดับล่าง ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่สุดของไทย โดยตั้งเป้าหมายจะตั้งราคาจำหน่ายสูงสุดไม่เกิน 1 หมื่นบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดการจำหน่ายได้ปีหน้า
กนต์ธรกล่าวว่า การขยายธุรกิจฟิล์มกรองแสงครบวงจรของบริษัทฯ จะไม่ใช่การนำเอาฟิล์มฯ มาแตกเป็นสินค้าแบรนด์ตนเอง หรือแบบเฮาส์แบรนด์ แต่บริษัทฯ มีนโยบายที่จะนำฟิล์มกรองแสงที่มีแบรนด์ชัดเจน และเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศมาทำตลาด เช่นเดียวกับที่ได้นำเอาแบรนด์ฮิวเปอร์จากเยอรมนี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในทั่วโลก ไม่ใช่นำเอาฟิล์มไร้คุณภาพ หรือใกล้หมดอายุ มาทำเป็นอีกแบรนด์แน่นอน
“การรุกตลาดของกลุ่มฟิล์มกรองแสงดังกล่าว ทำให้มั่นใจว่าภายใน 3 ปี จะสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในไทยได้ โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายวี-คูลไวhกว่า 300 ล้านบาท และในส่วนของฮิวเปอร์ระยะ 12 เดือนแรก ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท และปลายปีนี้จะเปิดคาร์แคร์ภายใต้ชื่อ อัลตร้ามาสเตอร์ มารองรับการให้บริการดูแลรักษารถยนต์กับลูกค้าอย่างครบวงจรอีกด้วย”
รฐา เตชะไพศาล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ฮิวเปอร์ ออพตค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ฮิวเปอร์เป็นิฟืล์มกรองแสงนาโนเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนีเพียงยี่ห้อเดียวในโลก ที่สามารถกันความร้อนและรังสีอัลตรา ไวโอเลต ถึง 96% และ 99% ตามลำดับ ที่สำคัญไม่รบกวนสัญญาณระบบนำทาง GPS หรือสัญญาณ Easy Pass ซึ่งผ่านการทดสอบจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
“เพื่อยืนยันคุณภาพของฟิล์มกรองแสงฮิวเปอร์ ในการเปิดตัวจึงได้มอบบัตร Easy Pass ที่มีมูลค่ามัดจำบัตร 800 บาท และมูลค่าการใช้บริการทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยอีก 500 บาท สำหรับลูกค้าในเขตกรุงเทฯ และปริมณฑลที่มาใช้บริการติดฟิล์มฯ ฮิวเปอร์ฟรี”
สำหรับตลาดฟิล์มกรองแสงในไทย มีทั้งแบรนด์จากต่างประเทศ และแบรนด์ที่ผู้จำหน่ายในไทยทำเอง โดยมีฟิล์มกรองแสงรถยนต์ “ลามิน่า” ถือเป็นผู้นำของตลาด โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 560 ล้านบาท ยังไม่นับรวมฟิล์มกรองแสงแบรนด์ในเครืออีก
