ข่าวต่างประเทศ-หลังประสบปัญหาเข้าสู่กระบวนการพิทักษ์สินทรัพย์ จนนำไปสู่การปรับโครงสร้างบริษัทและเปลี่ยนชื่อมาเป็น New GM เมื่อกลางปี 2009 ซึ่งล่าสุดบรรดาผู้บริหารระดับสูงของ General Motors Co. เตรียมวางแผนในการซื้อหุ้นของตัวเองกลับคืนมาจากทางกระทรวงการคลังของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
คาดว่าข่าวนี้มีแนวโน้มจะเป็นจริงค่อนข้างสูง เพราะทางเว็บไซต์ autonews.com ระบุถึงการให้ข่าวตรงกันของแหล่งข่าวภายในจีเอ็มถึง 3 คน โดยในตอนนี้ทางจีเอ็มกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการซื้อหุ้นกลับคืนมา เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังลง จากเดิมที่ถืออยู่ในระดับ 33% เพียงแต่ไม่ได้มีการบอกถึงจำนวนตัวเลขที่แท้จริงในการซื้อหุ้นกลับคืนในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้คือ เรื่องของสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันจะอยู่ในสถานะที่ดี แต่ผู้บริหารระดับสูงบางรายยังเป็นห่วง และจำเป็นจะต้องมีการวางแผนให้รอบคอบ เพราะทางจีเอ็มจะต้องนำเงินสดมาใช้ในการลงทุนเพิ่มตามส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายหนี้ การลงทุนสำหรับโปรเจกต์พัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงการปรับโครงสร้างด้านสวัสดิการภายในบริษัท
“เราจำเป็นจะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุมในแง่ของการใช้เงินสด และจำเป็นจะต้องไล่เรียงลำดับความสำคัญของโครงงานต่างๆ ซึ่งเป้าหมายของเราคือ การใช้ทุนสนับสนุนการปฏิบัติการต่างๆ เพื่อสร้างผลประโยชน์ในการตอบแทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท” Jim Cain โฆษกของจีเอ็มกล่าวเมื่อถูกสัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ขณะที่ทางจีเอ็มยังไม่มีการยืนยันหรือตอบปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะไฟเขียวให้ทางเฟียตเข้าซื้อหุ้นจำนวน 6% ของตัวเองที่ถืออยู่ในไครสเลอร์ หลังจากที่เฟียตสามารถจ่ายเงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ย และจากการขายหุ้นในครั้งนี้ทำให้ปัจจุบันเฟียตถือหุ้นอยู่ในไครสเลอร์ถึง 52% และวางแผนในการเตรียมเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นขึ้นอีกภายในปลายปีนี้
คาดว่าข่าวนี้มีแนวโน้มจะเป็นจริงค่อนข้างสูง เพราะทางเว็บไซต์ autonews.com ระบุถึงการให้ข่าวตรงกันของแหล่งข่าวภายในจีเอ็มถึง 3 คน โดยในตอนนี้ทางจีเอ็มกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการซื้อหุ้นกลับคืนมา เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังลง จากเดิมที่ถืออยู่ในระดับ 33% เพียงแต่ไม่ได้มีการบอกถึงจำนวนตัวเลขที่แท้จริงในการซื้อหุ้นกลับคืนในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้คือ เรื่องของสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันจะอยู่ในสถานะที่ดี แต่ผู้บริหารระดับสูงบางรายยังเป็นห่วง และจำเป็นจะต้องมีการวางแผนให้รอบคอบ เพราะทางจีเอ็มจะต้องนำเงินสดมาใช้ในการลงทุนเพิ่มตามส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายหนี้ การลงทุนสำหรับโปรเจกต์พัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงการปรับโครงสร้างด้านสวัสดิการภายในบริษัท
“เราจำเป็นจะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุมในแง่ของการใช้เงินสด และจำเป็นจะต้องไล่เรียงลำดับความสำคัญของโครงงานต่างๆ ซึ่งเป้าหมายของเราคือ การใช้ทุนสนับสนุนการปฏิบัติการต่างๆ เพื่อสร้างผลประโยชน์ในการตอบแทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท” Jim Cain โฆษกของจีเอ็มกล่าวเมื่อถูกสัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ขณะที่ทางจีเอ็มยังไม่มีการยืนยันหรือตอบปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะไฟเขียวให้ทางเฟียตเข้าซื้อหุ้นจำนวน 6% ของตัวเองที่ถืออยู่ในไครสเลอร์ หลังจากที่เฟียตสามารถจ่ายเงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ย และจากการขายหุ้นในครั้งนี้ทำให้ปัจจุบันเฟียตถือหุ้นอยู่ในไครสเลอร์ถึง 52% และวางแผนในการเตรียมเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นขึ้นอีกภายในปลายปีนี้
