ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กยศ.เตรียมเปิดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดีที่เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 21 - 25 มกราคมนี้ ที่ศาลแขวงเชียงใหม่
นายธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ร่วมกับสำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม จะจัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องร้องดำเนินคดี กับผู้กู้ยืมที่ถึงกำหนดชำระหนี้ รุ่นปี 2542-2549 ที่มีหนี้ค้างชำระเกิน 5 งวดขึ้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่จะถูกบอกเลิกสัญญาไปติดต่อชำระหนี้ที่ค้างชำระ หรือติดต่อขอผ่อนชำระหนี้ในโครงการฯ
โดยมีกำหนดจัดขึ้นใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2553-เมษายน 2554 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 25 มกราคม 2554 ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. ณ ศาลแขวงเชียงใหม่ กำหนดพิธีเปิดโครงการ วันที่ 22 มกราคม 2554 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ชี้แจงถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการว่า ผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นผู้ที่มีหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 5 งวดขึ้นไป และจะต้องถูกดำเนินคดีในปี 2554 โดย กยศ.จะมีหนังสือเชิญให้เข้าร่วมโครงการ โดยผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันต้องเข้าร่วมโครงการด้วยตนเอง หรือทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่บรรลุนิติภาวะไปดำเนินการแทนได้
ทั้งนี้ ต้องนำหลักฐานไปประกอบการขอเข้าร่วมโครงการ ดังนี้ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้กู้และผู้ค้ำประกัน หนังสือมอบอำนาจในกรณีที่ผู้กู้หรือผู้ค้ำประกัน มอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน พร้อมด้วยสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ ใบมรณะบัตรกรณีผู้ค้ำประกันเสียชีวิต หรือหนังสือรับรองเงินเดือนกรณีเปลี่ยนผู้ค้ำประกันใหม่
ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวว่า ผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับสิทธิพิเศษในการลดเบี้ยปรับ ดังนี้ ลดเบี้ยปรับให้ในอัตราร้อยละ 80 กรณีผู้กู้ยืมชำระหนี้เงินกู้ยืมทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ (ปิดบัญชี) ลดเบี้ยปรับให้ในอัตราร้อยละ 50 กรณีทำสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อผ่อนชำระเป็นรายเดือน
ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการ ฯ ซึ่งได้ทำสัญญาชำระหนี้ทั้งหมด จะต้องทำการชำระหนี้ครั้งเดียวภายในวันที่ 31 มีนาคม 2554 มิฉะนั้น กยศ. จะถือว่าผิดสัญญาและจะไม่ได้รับสิทธิในการลดเบี้ยปรับ
ส่วนผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการ ฯ ซึ่งได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ผู้กู้ต้องทำสัญญาชำระหนี้เงินกู้ยืมทั้งหมดตามสัญญา พร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับที่คำนวณถึงวันทำสัญญา และจะต้องผ่อนชำระเป็นรายเดือน ภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ที่ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา ภายในระยะเวลาไม่เกิน 9 ปี โดยผู้กู้ยืมต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปีของต้นเงินที่ทำสัญญากู้ยืม และหากผิดนัดชำระงวดใดงวดหนึ่ง ต้องเสียเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของหนี้ที่ค้างชำระในแต่ละงวด
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดี สามารถสอบถามรายละเอียด การเข้าร่วมโครงการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2610-4888 ต่อ 856 และ 878
นายธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ร่วมกับสำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม จะจัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องร้องดำเนินคดี กับผู้กู้ยืมที่ถึงกำหนดชำระหนี้ รุ่นปี 2542-2549 ที่มีหนี้ค้างชำระเกิน 5 งวดขึ้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่จะถูกบอกเลิกสัญญาไปติดต่อชำระหนี้ที่ค้างชำระ หรือติดต่อขอผ่อนชำระหนี้ในโครงการฯ
โดยมีกำหนดจัดขึ้นใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2553-เมษายน 2554 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 25 มกราคม 2554 ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. ณ ศาลแขวงเชียงใหม่ กำหนดพิธีเปิดโครงการ วันที่ 22 มกราคม 2554 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ชี้แจงถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการว่า ผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นผู้ที่มีหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 5 งวดขึ้นไป และจะต้องถูกดำเนินคดีในปี 2554 โดย กยศ.จะมีหนังสือเชิญให้เข้าร่วมโครงการ โดยผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันต้องเข้าร่วมโครงการด้วยตนเอง หรือทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่บรรลุนิติภาวะไปดำเนินการแทนได้
ทั้งนี้ ต้องนำหลักฐานไปประกอบการขอเข้าร่วมโครงการ ดังนี้ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้กู้และผู้ค้ำประกัน หนังสือมอบอำนาจในกรณีที่ผู้กู้หรือผู้ค้ำประกัน มอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน พร้อมด้วยสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ ใบมรณะบัตรกรณีผู้ค้ำประกันเสียชีวิต หรือหนังสือรับรองเงินเดือนกรณีเปลี่ยนผู้ค้ำประกันใหม่
ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวว่า ผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับสิทธิพิเศษในการลดเบี้ยปรับ ดังนี้ ลดเบี้ยปรับให้ในอัตราร้อยละ 80 กรณีผู้กู้ยืมชำระหนี้เงินกู้ยืมทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ (ปิดบัญชี) ลดเบี้ยปรับให้ในอัตราร้อยละ 50 กรณีทำสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อผ่อนชำระเป็นรายเดือน
ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการ ฯ ซึ่งได้ทำสัญญาชำระหนี้ทั้งหมด จะต้องทำการชำระหนี้ครั้งเดียวภายในวันที่ 31 มีนาคม 2554 มิฉะนั้น กยศ. จะถือว่าผิดสัญญาและจะไม่ได้รับสิทธิในการลดเบี้ยปรับ
ส่วนผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการ ฯ ซึ่งได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ผู้กู้ต้องทำสัญญาชำระหนี้เงินกู้ยืมทั้งหมดตามสัญญา พร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับที่คำนวณถึงวันทำสัญญา และจะต้องผ่อนชำระเป็นรายเดือน ภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ที่ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา ภายในระยะเวลาไม่เกิน 9 ปี โดยผู้กู้ยืมต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปีของต้นเงินที่ทำสัญญากู้ยืม และหากผิดนัดชำระงวดใดงวดหนึ่ง ต้องเสียเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของหนี้ที่ค้างชำระในแต่ละงวด
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดี สามารถสอบถามรายละเอียด การเข้าร่วมโครงการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2610-4888 ต่อ 856 และ 878