xs
xsm
sm
md
lg

รถญี่ปุ่นนำเข้าสะดุด เกรย์ฯพลิกจับแบรนด์ยุโรป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - ปั่นป่วนไปหมดจากเหตุการณ์สึนามิ โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นนำเข้าที่รับผลกระทบเต็มๆ ยิ่งรุ่นยอดนิยมรถตู้ “โตโยต้า คอมมิวเตอร์” ที่โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ถึงกับแจ้งผู้จำหน่ายให้หยุดรับจองชั่วคราวยาวไปจนถึงเดือนสิงหาคม และยังไม่ยืนยันจะนำเข้ารถได้เลยทันที จนกว่าจะถึงเดือนตุลาคมปลายปี ขณะที่ช่วงนี้ความต้องการตลาดกำลังพุ่งสูง จนทำให้ลูกค้าหันไปกวาดซื้อจากเต้นท์รถจนแทบเกลี้ยง แม้ราคาจะปรับสูงขึ้นก็ตาม ด้านรถหรูของญี่ปุ่นเจอหางเลขเช่นกัน เผยผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร็เก็ตรายเล็ก ที่ไม่ได้สต็อกรถไว้มาก คาดเร็วๆ นี้อาจจะไม่มีรถขายเลย ส่วนบรรดารายใหญ่ไม่ว่าจะเป็น บีอาร์จี กรุ๊ป, อีตั้น และทีเอสแอล ยอมรับเจอแรงสะเทือนเช่นกัน เพียงแต่โชคดีมีสต็อกรถไว้รองรับลูกค้าพอสมควร อาจจะมีล็อตใหม่ที่คงต้องล่าช้าไปบ้าง ถึงอย่างนั้นทุกรายยังมั่นใจเป้าหมายการขายเดิม เหตุได้หันไปเน้นทำตลาดรถยุโรปที่กำลังมาแรง จากอานิสงส์เงินดอลลาร์-ยูโรอ่อนค่า และมีรถโมเดลใหม่ๆ เปิดตัวสู่ตลาดหลากรุ่น ทำให้ยังดันตัวเลขยอดขายทดแทนกันได้

อุบัติภัยสึนามิที่ญี่ปุ่น เกิดอาฟเตอร์ช็อคสะเทือนถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ซึ่งชัดเจนแล้วว่าจะทำให้ช่วงไตรมาสสองของปีนี้ มีรถหายไปจากระบบการผลิตของโรงงานประกอบรถในไทยมากกว่า 1.5 แสนคัน เพราะค่ายรถญี่ปุ่นต่างลดกำลังการผลิตกันถ้วนหน้า เนื่องจากชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นไม่สามารถผลิตและส่งมาให้เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง โตโยต้า, ฮอนด้า และอีซูซุ ต้องลดลงสูงสุดมากถึง 50% ของการผลิตปกติ และมีรถบางรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดอย่าง “ฮอนด้า บริโอ้” ถึงกับหยุดการรับจองชั่วคราว ผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิครั้งนี้จึงรุนแรงมากทีเดียว แม้โรงงานประกอบรถยนต์ในไทย จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากถึง 70-80% ก็ตาม ฉะนั้นรถยนต์ญี่ปุ่นนำเข้าจากแดนปลาดิบโดยตรง จึงย่อมมีปัญหามากกว่ารถยนต์ที่ประกอบในไทยเสียอีก และปรากฎว่าบางรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมาก ถึงกับหยุดรับจองชั่วคราวเช่นกัน หรือต้องปรับกลยุทธ์ทำตลาดใหม่ เพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้มีรายงานจากผู้จำหน่ายโตโยต้า เปิดเผยว่า ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้แจ้งกับผู้จำหน่ายให้หยุดรับจองรถตู้ “โตโยต้า คอมมิวเตอร์” ซึ่งเป็นรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิ จนทำให้การผลิตมีปัญหา และไม่สามารถส่งให้กับตลาดในต่างประเทศ รวมถึงในไทยที่รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมมาก เพื่อนำไปใช้งานเป็นรถขนส่งโดยสารของเอกชน หรือในธุรกิจท่องเที่ยว

“ล่าสุดโตโยต้าได้แจ้งว่าให้ผู้จำหน่ายหยุดรับจองรถตู้ โตโยต้า คอมมิวเตอร์ ไปจนถึงเดือนสิงหาคม หรืออีก 4 เดือนข้างหน้า ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถนำเข้ารถมาได้เลยทันที โดยคาดว่าประมาณเดือนตุลาคมจึงจะกลับมาสู่สภาวะปกติเช่นเดิม”

สำหรับการที่ไม่มีรถตู้โตโยต้า คอมมิวเตอร์ช่วงนี้ ส่งผลกระทบต่อการทำตลาดอย่างมาก เพราะเป็นช่วงที่มีความต้องการของตลาดสูงมาก ไม่ว่าจะมาจากสภาวะเศรษฐกิจ หรือการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี และยังเป็นช่วงที่โรงเรียนใกล้จะเปิดเทอม ทำให้ผู้ประกอบการรับจ้างรับส่งนักเรียนแทนรถโรงเรียน ต้องการหารถคันใหม่มาแทนคันเก่า หรือเพิ่มปริมาณรถรับส่งตามความต้องการของผู้จ้าง แต่เมื่อไม่มีรถใหม่ให้ซื้อ ลูกค้าจึงต้องหันไปหาซื้อรถจากเต้นท์รถแทน จะสังเกตุเห็นว่าขณะนี้รถตู้โตโยต้า คอมมิวเตอร์ ตามเต้นท์รถแทบจะไม่มีเลย และจากความต้องการที่มีมาก ทำให้ราคารถตู้มือสองได้ปรับขึ้นด้วย

ส่วนทางด้านผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นกลุ่มที่นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปจากต่างประเทศโดยตรง และรถยนต์ญี่ปุ่นถือเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ในการทำตลาดของบรรดาเกรย์มาร์เก็ตในไทย โดย “ชลลธร ศรีรัตนประภาส” กรรมการบริหาร บริษัท เบนซ์ รามคำแหง กรุ๊ป จำกัด หรือ BRG ยอมรับว่าได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน จากการที่โรงงานในญี่ปุ่นมีปัญหาผลิตรถไม่ได้เต็มที่เหมือนเดิม

“ภาพรวมของผู้นำเข้าอิสระ ตอนนี้คงเริ่มได้รับผลกระทบบ้าง เพราะรถล็อตใหม่ๆ ที่สั่งเข้ามา จะมีจำนวนน้อยลงมาก สมมุติเราสั่งรถไป 10 คัน แต่จะมีรถเข้ามาได้เพียง 1-2 คันเท่านั้น และบางสีอย่างขาวมุกจะไม่มีเลย เพราะโรงงานที่ผลิตสีดังกล่าวหยุดยาว อาจจะถึงสิ้นปีเลยทีเดียว ทำให้รถสีขาวมุกทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรถญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาไม่สามารถผลิตได้”

ส่วนของบีอาร์จีกรุ๊ปยังมีสต็อกรถญี่ปุ่นรองรับลูกค้าอยู่พอสมควร แต่ผู้นำเข้าอิสระรายเล็กที่ไม่สามารถสต็อกรถไว้มาก คงจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งอาจจะไม่มีรถขายเลยช่วง 2-3 เดือนจากนี้ และหากเหตุการณ์ไม่คลี่คลาย หรือเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 1-2 เดือนที่จะถึงนี้ ย่อมทำให้ทุกรายได้รับผลกระทบ หรือแทบจะไม่มีรถญี่ปุ่นนำเข้ามาในตลาดเลย ยกเว้นจะเป็นรถในสต็อกเก่าเท่านั้น

“อย่างไรก็ตาม บีอาร์จี ได้มีการปรับตัวและได้เริ่มมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยการหันไปเน้นการทำตลาดรถยุโรปแทน เพราะเป็นช่วงที่เทรนด์กำลังมา และมีรถรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวสู่ตลาด ทำให้มั่นใจยังไม่ปรับเป้าหมายการขายลง เพียงแต่อาจจะทำให้สัดส่วนการขายรถ จากอดีตระหว่างรถญี่ปุ่นและยุโรปอยู่ที่ 50 : 50 จะเปลี่ยนสัดส่วนเป็นรถยุโรป 70% และรถญี่ปุ่น 30%” ชลลธรกล่าว

ขณะที่ค่ายรถยนต์นำเข้ารายใหญ่อีกราย “อีตั้น” (ETON) โดย “อัจฉรีย์ ตันติยันกุล” ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ต้องมีผลกระทบกับผู้ประกอบการนำเข้ารถญี่ปุ่นบ้าง เพราะเป็นปัญหาตรงจากผู้ผลิตรถในญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้บริษัทรถญี่ปุ่นไม่สามารถผลิตได้เต็มที่ หรือบางแห่งต้องหยุดไปชั่วคราว แต่อีตั้นมีสต็อกเพียงพอรองรับความต้องการของลูกค้าในช่วงมีปัญหานี้ได้

“แต่ล็อตใหม่คงจะมีปัญหาบ้าง ยกตัวอย่างหากเดือนหน้าเราสั่งรถไป การส่งรถมาคงต้องช้ากว่าสภาวะปกติ ซึ่งเดิมเรารับประกันจะส่งมอบให้ลูกค้าภายใน 3 เดือน แต่จากนี้ไปอาจจะนานกว่านั้น และไม่สามารถระบุเวลาที่ชัดเจนได้ เพราะทางญี่ปุ่นก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ 100% และอาจจะไม่ได้รถตามที่ต้องการ จนกว่าระบบการผลิตจะกลับสู่สภาวะปกติ”

โดยการทำตลาดของอีตั้นจะขายในสิ่งที่มีอยู่ เพราะเกรย์มาร์เก็ตไม่ได้สั่งจากบริษัทรถผู้ผลิตโดยตรง แต่สั่งผ่านจากตัวแทนจำหน่ายของบริษัทรถนั้นๆ เมื่อบริษัทรถมีปัญหาปริมาณการผลิตรถลดลง จึงไม่มีรถส่งให้จำหน่ายครบทุกรุ่น ทำให้บรรดาผู้นำเข้ารถอิสระไม่สามารถเลือกรุ่น หรือออปชั่นที่ต้องการได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าจะยอมรับหรือไม่ และหากไม่ได้ต้องใช้เวลารอพอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะรอได้เพราะลูกค้าเป็นกลุ่มที่มีรถใช้อยู่แล้ว ไม่ใช่กลุ่มที่จำเป็นต้องใช้รถอย่างเร่งด่วน

“ปัญหาของรถญี่ปุ่นนำเข้าจึงส่งผลกระทบบ้าง แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับแผนตลาดใหม่ โดยเบนไปเน้นรถจากยุโรปมากขึ้น ทั้งจากการมีรถโมเดลใหม่ๆ สู่ตลาด และประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ หรือปอนด์ที่อ่อนค่าลงมาก ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าที่จะซื้อรถยุโรป ส่งผลให้สัดส่วนของรถญี่ปุ่นของเราปรับลดลงเรื่อยๆ จากเดิมเมื่อสองปีที่ผ่านมามีอยู่ 70% ลดลงมา 65% และปีนี้น่าจะลงมาเป็น 60% และช่วงไตรมาส 3 หรือ 4 ของปีนี้ จะมีการนำเข้ารถเมอร์เซเดส-เบนซ์ล็อตใหญ่เข้ามาทำตลาด จึงคาดว่าจะทำให้อีตั้นสามารถรักษาเป้าหมายการขายเติบโต 15% หรือ 1,080 คันในปีนี้ไว้ได้” อัจฉรีย์กล่าว

เช่นเดียวกับค่ายทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัดที่ได้หันมารุกตลาดรถจากยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส(CLS) โฉมใหม่สู่ตลาดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงทำให้การรุกตลาดปีนี้หันไปที่รถยุโรปเป็นหลัก

“หากนำเข้าล็อตใหม่คงจะมีปัญหาบ้าง แต่ในช่วงนี้แผนการตลาดของทีเอสแอลได้โฟกัสไปที่รถจากยุโรป ประกอบกับรถญี่ปุ่นยังไม่มีรุ่นใหม่ที่โดดเด่น ส่วนรถญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า อย่างโตโยต้า อัลพาร์ด หรือรุ่นอื่นๆ ที่เคยทำตลาด เราโชคดีที่ได้มีการนำเข้ามาสต็อกไว้ในปริมาณเพียงพอ ที่จะรองรับลูกค้าในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ได้” ฐเดช ทับทิมรณยุทธ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดกล่าว

ด้านรถหรูญี่ปุ่นนำเข้า “เลกซัส” ซึ่งเป็นแบรนด์ในกลุ่มโตโยต้า ที่กำลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิอย่างหนัก จากการเปิดเผยของ “อรรณพ โสระเวช” ผู้อำนวยการฝ่าย เลกซัสกรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ยืนยันว่าเลกซัสในประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะมีสต็อกที่สามารถรองรับได้จนถึงเดือนกรกฎาคม

“ในรุ่นซีที 200เอช(CT200h) ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก เพราะโรงงานจะอยู่ที่ฟูกุโอกะไม่เจออุบัติภัยสึนามิ ซึ่งอาจจะมีรถอเนกประสงค์รุ่นอาร์เอ็กซ์(RX) ที่ผลิตในโรงงานอีกแห่งอยู่ในเขตได้รับผลกระทบโดยตรง จึงอาจจะมีปัญหาในการผลิตบ้าง แต่ในไทยมีสต็อกที่รองรับลูกค้าได้พอสมควร หากเหตุการณ์ไม่ยืดเยื้อไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด”

อุบัติภัยสึนามินับว่าส่งผลสะเทือนถ้วนหน้า ทั้งรถที่ประกอบในไทย และโดยเฉพาะรถญี่ปุ่นนำเข้า เพียงแต่อาจจะได้รับผลกระทบมากหรือน้อย อยู่ที่จังหวะและความโชคดีของแต่ละราย แต่ก็ทำให้ผู้นำเข้าอิสระต้องเริ่มปรับกลยุทธ์การทำตลาดกันแล้ว…
กำลังโหลดความคิดเห็น