น่าจะเรียกว่าเป็นอีกครั้งที่ทางเกีย บริษัทน้องของฮุนได ได้มีโอกาสแสดงให้เห็นถึงแนวคิดและวิสัยทัศน์ในการออกแบบที่เน้นความล้ำสมัยออกมาให้สาธารณชนได้รับทราบกันอีกครั้ง และรถยนต์อเนกประสงค์ต้นแบบที่ชื่อว่า Naimo คือ ผลงานที่ว่านี้
Naimo เป็นคำที่ดัดแปลงมาจากภาเกาหลีที่อ่านว่า Ne-mo หรือ Neh-mo ซึ่งมีความหมายถึงรูปทรงสี่เหลี่ยม และตัวรถในสไตล์ CUV หรือ Crossover Utility Vehicle ก็สะท้อนถึงชื่อนี้ออกมาอย่างชัดเจนด้วยตัวถังทรงเหลี่ยมเหมือนกัน โดยต้นแบบที่มีความยาว 3.99 เมตรคันนี้เป็นผลงานการสร้างสรรค์จากทีมงานออกแบบของ Kia International Design ในกรุงโซลภายใต้การควบคุมของปีเตอร์ ชเรเยอร์
แม้จะเป็นรถยนต์ต้นแบบแห่งอนาคต แต่ Naimo ก็ยังมีกลิ่นอายของงานออกแบบที่เราๆ ท่านๆ สามารถสัมผัสได้จากรถยนต์ของเกียที่ขายอยู่ในตอนนี้ โดยเฉพาะเอกลักษณ์สำคัญอย่างกระจังหน้า ซึ่งถูกผสมผสานกับไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED แบบ Dot-Style
ขณะที่ด้านหน้าไม่มีก้านปัดน้ำฝนแบบที่เราคุ้นตากัน แต่ทางเกียเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ของระบบปัดน้ำฝนที่เรียกว่า Air Wiper ซึ่งเป็นการพ่นอากาศด้วยแรงดันสูงไปยังกระจกบังลมหน้าเพื่อเป่าละอองฝนให้หลุดออกจากกระจก ส่วนกระจกมองข้างก็ถูกถอดออกและแทนที่ด้วยกล้องรับภาพ ทำให้ตัวรถมีขนาดแคบลง เมื่อบวกกับการออกแบบให้ตัวรถมีโอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าและหลังสั้น ก็ช่วยเพิ่มความคล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมือง
สำหรับภายในเน้นความอเนกประสงค์และความกว้างขวางตามแบบฉบับของรถยนต์สไตล์ CUV และมีการนำวัสดุที่เป็นธรรมชาติอย่างกระดาษเกาหลีที่เรียกว่า Han-Ji มาใช้ในการตกแต่งภายใน ส่วนความกว้างขวางสัมผัสได้จากระยะฐานล้อที่มีขนาด 2.647 เมตร
เพื่อให้สมกับการเป็นต้นแบบแห่งอนาคต ตัวรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าผ่านทางมอเตอร์แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor มีกำลังสูงสุด 109 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม. สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนแพ็คแบตเตอรี่มีขนาดกะทัดรัดและถูกจัดวางอยู่ใต้พื้นตัวถัง มีขนาด 27 kWh เป็นแบบลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง
โดยการชาร์จ 1 ครั้งตัวรถสามารถแล่นทำระยะทางได้ถึง 200 กิโลเมตร และสามารถชาร์จกระแสไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว โดยในโหมด Quick Charge ใช้เวลาเพียง 25 นาทีในการเพิ่มระดับของกระแสไฟฟ้าในแบตตเตอรี่ให้อยู่ที่ 85% แต่ถ้าอยากชาร์จเต็มในรูปแบบปกติ ก็ใช้เวลา 5 ชั่วโมงครึ่ง
แม้เกียจะบอกว้า Naimo เป็นหนึ่งในผลงานที่บริษัทต้องการนำเสนอความมุ่งมั่นในการพัฒนายานยนต์ทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาด แต่ดูจากหน้าตาแล้ว โอกาสที่จะขึ้นไลน์ผลิตคงจะยากหน่อย เพราะล้ำสมัยเหลือเกิน และถึงจะตัดสินใจผลิตขึ้นมาจริง รูปลักษณ์ภายนอกและภายในก็คงถูกดัดแปลงอย่างมากชนิดที่อาจจะไม่เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลยก็ได้