ในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยมีการเปลี่ยนแปลง และขยายตัวอย่างมาก ทำให้ภาคธุรกิจหรือส่วนที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวตามเช่นกัน แม้แต่งานแสดงรถยนต์ในไทยอย่างรายการ “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ยังต้องปรับตัวครั้งสำคัญอีกระลอก โดยย้ายเวทีจัดงานจากศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา มายังสถานที่แห่งใหม่ “อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี” ส่วนเหตุผลทำไมต้องย้าย? จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการและผู้มาชมงานเช่นไร? และคุ้มหรือไม่? กับการลงทุนย้ายครั้งนี้... ทั้งหมด “ปราจิน เอี่ยมลำเนา” ประธานบริหารกรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป และในฐานะประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011 จะมาเปิดใจที่มาที่ไป และความพร้อมของการจัดงาน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้...
เหตุผลการย้ายสถานที่จัดงาน
ช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มีการขยายตัวอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องการพื้นที่เพิ่มจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งสถานที่เก่าจากเดิม ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ไม่สามารถรองรับได้หมด แต่เราไม่ใช่เพิ่งจะมาคิดย้ายเร็วๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้ามีการวางแผนและให้โอกาสทางไบเทคมาหลายปีแล้ว การจัดงานที่ผ่านมากรังด์ปรีซ์สร้างพื้นที่แสดงงานในร่มเพิ่มเติม โดยอยู่ด้านนอกอาคารจัดแสดง และต้องลงทุนเองปีละกว่า 30 ล้านบาท แต่เมื่อแน่ชัดว่าทางไบเทคไม่มีแผนจะเพิ่มพื้นที่จัดแสดงแล้ว เราจึงจำเป็นต้องย้ายงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ไปจัดแสดงยังสถานที่ใหม่ อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี ซึ่งกำหนดจัดงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 5 เมษายน 2554 ที่จะถึงนี้
เวทีใหม่ต้องลงทุนเพิ่มหรือไม่?
จากเดิมการจัดงานใช้งบเพียงกว่า 80 ล้านบาทเท่านั้น แม้การย้ายพื้นที่ครั้งนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือประมาณ 160-170 ล้านบาท แต่ภาระต้นทุนดังกล่าวทางกรังด์ปรีซ์พร้อมที่จะแบกรับเอง เพราะส่วนหนึ่งเป็นการยกระดับการจัดงานให้ก้าวหน้ามากขึ้น และงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ไม่เพียงแค่เป็นงานแสดงรถยนต์ใหญ่สุดในอาเซียน แต่จะพัฒนามุ่งสู่การเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอีกด้วย
มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
อันดับแรกพื้นที่จัดแสดงแห่งใหม่ มีทั้งหมดกว่า 6 หมื่นตารางเมตร มากกว่าที่เดิมเกือบเท่าตัว ทำให้สามารถรวมโซนการแสดงต่างๆ มาไว้ในพื้นที่เดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ในส่วนราคาเช่าพื้นที่ของผู้ประกอบการไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น แต่ที่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม เพราะมีการขยายพื้นที่บูธของแต่ละค่าย ซึ่งผู้ประกอบการต่างก็พอใจและยินดีกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยกลุ่มโตโยต้ามีพื้นที่มากที่สุดกว่า 2,600 ตารางเมตร รองลงมาเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูรายละกว่า 1,600 ตารางเมตร
มอเตอร์โชว์-มอเตอร์เอ็กซ์โป
ส่วนใหญ่คนไทย หรือแม้แต่ผู้สื่อข่าวยังเข้าใจผิดว่า ประเทศไทยมีงานมอเตอร์โชว์ 2 งาน จริงๆ แล้วมีงานเดียว คือ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เพราะเป็นงานที่ได้รับการรับรองจาก OICA ซึ่งเป็นผู้ดูแลปฏิทินการจัดงานมอเตอร์โชว์ทั่วโลก และจะอนุญาติให้แต่ละประเทศมีงานมอเตอร์โชว์รายการเดียวเท่านั้น หากจะมีมากกว่าก็ต้องใช้ชื่ออื่นไป นี่จึงเห็นว่าทำไมงานอื่นไม่ใช้คำว่า “มอเตอร์โชว์” แต่เลี่ยงไปใช้ชื่ออื่นแทน
สำหรับไฮไลต์ภายในงานปีนี้
บริษัทรถยนต์ที่จะเข้าร่วมงาน ยังคงมาเกือบครบทุกยี่ห้อ โดยเฉพาะแบรนด์หลักๆ มากันครบหมด และไฮไลต์สำคัญของปีนี้เป็น “ฮอนด้า บริโอ” อีโคคาร์ที่จะทำให้ตลาดรถยนต์ไทยคึกคักมากขึ้น และยังมีโฉมใหม่ของ “มาสด้า3” ที่จะเป็นตัวเด่นของเก๋งคอมแพ็กต์ หรือรถหรูหราจะมีการเปิดตัว “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส” รุ่นพวงมาลัยขวาคันแรกของโลกในงานนี้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นจีเอ็มจะนำปิกอัพต้นแบบของ “เชฟโรเลต โคโลราโด” รวมถึงปิกอัพโฉมใหม่ของ “ฟอร์ด เรนเจอร์” และ “อีโคคาร์มิตซูบิชิ” มาเผยโฉมให้ผู้มาชมงานได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
เป้าหมายและความคาดหวัง
คาดว่าจะมีผู้มาชมงานใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 1.8 ล้านคน แต่เราไม่ต้องการไล่ล่าจำนวนคนดู ขอให้เป็นผู้มาชมงานที่สนใจจริงๆ อาจจะใกล้เคียงหรือต่ำกว่าเดิม 10% ก็ไม่ใช่ปัญหา ที่สำคัญปีนี้จะมีการเก็บเงินในส่วนของผู้มาชมรถจักรยานยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งด้วย ขณะที่ยอดจองรถใหม่ในงานปีที่ผ่านมา 2.8 หมื่นคัน และปีนี้ไม่อยากคาดเดา แต่คาดว่าจะมีความต้องการซื้อรถเพิ่มขึ้น เพราะมีรถยนต์โมเดลใหม่ๆ เปิดตัวสู่ตลาด โดยเฉพาะสามารถตอบสนองความต้องการในกลุ่มรถเล็กได้มากขึ้น
รูปแบบการจัดงานในอนาคต
งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 แม้จะย้ายไปจัดแสดงที่ใหม่ แต่ยืนยันว่ามีความยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมแน่นอน และกลุ่มกรังด์ปรีซ์จะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เพราะจะขยายงานให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งระบบ โดยกำลังพิจาณาจัดแสดงงานชิ้นส่วนยานยนต์พ่วงอีกงาน อาจจะเป็นขยายพื้นที่ลงไปฮอลล์แสดงสินค้าอิมแพคที่อยู่ติดกัน ซึ่งตอนนี้กำลังคุยกับหลายๆ ฝ่ายอยู่ แต่คาดว่าจะสามารถจัดงานได้ภายใน 3 ปี
เหตุผลการย้ายสถานที่จัดงาน
ช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มีการขยายตัวอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องการพื้นที่เพิ่มจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งสถานที่เก่าจากเดิม ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ไม่สามารถรองรับได้หมด แต่เราไม่ใช่เพิ่งจะมาคิดย้ายเร็วๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้ามีการวางแผนและให้โอกาสทางไบเทคมาหลายปีแล้ว การจัดงานที่ผ่านมากรังด์ปรีซ์สร้างพื้นที่แสดงงานในร่มเพิ่มเติม โดยอยู่ด้านนอกอาคารจัดแสดง และต้องลงทุนเองปีละกว่า 30 ล้านบาท แต่เมื่อแน่ชัดว่าทางไบเทคไม่มีแผนจะเพิ่มพื้นที่จัดแสดงแล้ว เราจึงจำเป็นต้องย้ายงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ไปจัดแสดงยังสถานที่ใหม่ อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี ซึ่งกำหนดจัดงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 5 เมษายน 2554 ที่จะถึงนี้
เวทีใหม่ต้องลงทุนเพิ่มหรือไม่?
จากเดิมการจัดงานใช้งบเพียงกว่า 80 ล้านบาทเท่านั้น แม้การย้ายพื้นที่ครั้งนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือประมาณ 160-170 ล้านบาท แต่ภาระต้นทุนดังกล่าวทางกรังด์ปรีซ์พร้อมที่จะแบกรับเอง เพราะส่วนหนึ่งเป็นการยกระดับการจัดงานให้ก้าวหน้ามากขึ้น และงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ไม่เพียงแค่เป็นงานแสดงรถยนต์ใหญ่สุดในอาเซียน แต่จะพัฒนามุ่งสู่การเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอีกด้วย
มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
อันดับแรกพื้นที่จัดแสดงแห่งใหม่ มีทั้งหมดกว่า 6 หมื่นตารางเมตร มากกว่าที่เดิมเกือบเท่าตัว ทำให้สามารถรวมโซนการแสดงต่างๆ มาไว้ในพื้นที่เดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ในส่วนราคาเช่าพื้นที่ของผู้ประกอบการไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น แต่ที่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม เพราะมีการขยายพื้นที่บูธของแต่ละค่าย ซึ่งผู้ประกอบการต่างก็พอใจและยินดีกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยกลุ่มโตโยต้ามีพื้นที่มากที่สุดกว่า 2,600 ตารางเมตร รองลงมาเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูรายละกว่า 1,600 ตารางเมตร
มอเตอร์โชว์-มอเตอร์เอ็กซ์โป
ส่วนใหญ่คนไทย หรือแม้แต่ผู้สื่อข่าวยังเข้าใจผิดว่า ประเทศไทยมีงานมอเตอร์โชว์ 2 งาน จริงๆ แล้วมีงานเดียว คือ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เพราะเป็นงานที่ได้รับการรับรองจาก OICA ซึ่งเป็นผู้ดูแลปฏิทินการจัดงานมอเตอร์โชว์ทั่วโลก และจะอนุญาติให้แต่ละประเทศมีงานมอเตอร์โชว์รายการเดียวเท่านั้น หากจะมีมากกว่าก็ต้องใช้ชื่ออื่นไป นี่จึงเห็นว่าทำไมงานอื่นไม่ใช้คำว่า “มอเตอร์โชว์” แต่เลี่ยงไปใช้ชื่ออื่นแทน
สำหรับไฮไลต์ภายในงานปีนี้
บริษัทรถยนต์ที่จะเข้าร่วมงาน ยังคงมาเกือบครบทุกยี่ห้อ โดยเฉพาะแบรนด์หลักๆ มากันครบหมด และไฮไลต์สำคัญของปีนี้เป็น “ฮอนด้า บริโอ” อีโคคาร์ที่จะทำให้ตลาดรถยนต์ไทยคึกคักมากขึ้น และยังมีโฉมใหม่ของ “มาสด้า3” ที่จะเป็นตัวเด่นของเก๋งคอมแพ็กต์ หรือรถหรูหราจะมีการเปิดตัว “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส” รุ่นพวงมาลัยขวาคันแรกของโลกในงานนี้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นจีเอ็มจะนำปิกอัพต้นแบบของ “เชฟโรเลต โคโลราโด” รวมถึงปิกอัพโฉมใหม่ของ “ฟอร์ด เรนเจอร์” และ “อีโคคาร์มิตซูบิชิ” มาเผยโฉมให้ผู้มาชมงานได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
เป้าหมายและความคาดหวัง
คาดว่าจะมีผู้มาชมงานใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 1.8 ล้านคน แต่เราไม่ต้องการไล่ล่าจำนวนคนดู ขอให้เป็นผู้มาชมงานที่สนใจจริงๆ อาจจะใกล้เคียงหรือต่ำกว่าเดิม 10% ก็ไม่ใช่ปัญหา ที่สำคัญปีนี้จะมีการเก็บเงินในส่วนของผู้มาชมรถจักรยานยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งด้วย ขณะที่ยอดจองรถใหม่ในงานปีที่ผ่านมา 2.8 หมื่นคัน และปีนี้ไม่อยากคาดเดา แต่คาดว่าจะมีความต้องการซื้อรถเพิ่มขึ้น เพราะมีรถยนต์โมเดลใหม่ๆ เปิดตัวสู่ตลาด โดยเฉพาะสามารถตอบสนองความต้องการในกลุ่มรถเล็กได้มากขึ้น
รูปแบบการจัดงานในอนาคต
งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2011 แม้จะย้ายไปจัดแสดงที่ใหม่ แต่ยืนยันว่ามีความยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมแน่นอน และกลุ่มกรังด์ปรีซ์จะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เพราะจะขยายงานให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งระบบ โดยกำลังพิจาณาจัดแสดงงานชิ้นส่วนยานยนต์พ่วงอีกงาน อาจจะเป็นขยายพื้นที่ลงไปฮอลล์แสดงสินค้าอิมแพคที่อยู่ติดกัน ซึ่งตอนนี้กำลังคุยกับหลายๆ ฝ่ายอยู่ แต่คาดว่าจะสามารถจัดงานได้ภายใน 3 ปี
