ข่าวในประเทศ-กลุ่มสิทธิผล เผยยอดขายอะไหล่ยานยนต์ ปี 2553 มีมูลค่า 2,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21% ชูสินค้าหลักยางไออาร์ซี, สายพานแบนโด และหัวเทียนเด็นโซ่ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แย้มกลยุทธ์การตลาดปี 2554 เจาะกลุ่มรถจักรยานยนต์ วางเป้าหมายเพิ่มยอดขายน้ำมันเครื่องเอลฟ์ขึ้น 50%
ทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการผู้จัดการกลุ่มสิทธิผล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า จากผลสรุปยอดขายของบริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด ผู้ดูแลด้านการตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสิทธิผล อาทิ ยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี, โคมไฟและหลอดไฟ สแตนเลย์, โซ่และชุดโซ่-สเตอร์ ดี.ไอ.ดี, หัวเทียน เด็นโซ่, น้ำมันเครื่อง เอลฟ์ และสายพาน แบนโด ในปี 2553 ที่ผ่านมา พบว่า ยอดขายเติบโตขึ้นและมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2,057 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2552 ยอดขายรวม 1,700 ล้านบาท เฉลี่ยสูงขึ้นประมาณ 21% ส่วนทิศทางตลาดอะไหล่ยานยนต์ในปี 2554 คาดว่าน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากกำลังการผลิตโดยรวมยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
“หากพิจารณาเฉพาะตลาดในประเทศ พบว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของกลุ่มสิทธิผลยังคงเป็นอันดับ 1 ในตลาดทดแทน ส่วนปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ส่งผลให้ต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อยอดขายมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคยังคงไว้วางใจในคุณภาพมากกว่าการตัดสินใจซื้อจากราคาเป็นหลัก” ทนง ลี้อิสสระนุกูล กล่าวและว่า
“สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดขายให้กับ บริษัท สิทธิผล 1919 มากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี ซึ่งขณะนี้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สายพานแบนโด เพิ่มขึ้น 100% และหัวเทียนเด็นโซ่ เพิ่มขึ้น 25%”
ทางด้านกลยุทธ์การตลาดและการขายในปีนี้ สิทธิผลเลือกเจาะตลาดรถจักรยานยนต์เป็นหลัก เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องเอลฟ์ วางเป้าหมายเพิ่มยอดขายขึ้น 50% ขณะที่แผนระยะยาวหวังสร้างภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนการผลิตและใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้
ทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการผู้จัดการกลุ่มสิทธิผล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า จากผลสรุปยอดขายของบริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด ผู้ดูแลด้านการตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสิทธิผล อาทิ ยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี, โคมไฟและหลอดไฟ สแตนเลย์, โซ่และชุดโซ่-สเตอร์ ดี.ไอ.ดี, หัวเทียน เด็นโซ่, น้ำมันเครื่อง เอลฟ์ และสายพาน แบนโด ในปี 2553 ที่ผ่านมา พบว่า ยอดขายเติบโตขึ้นและมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2,057 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2552 ยอดขายรวม 1,700 ล้านบาท เฉลี่ยสูงขึ้นประมาณ 21% ส่วนทิศทางตลาดอะไหล่ยานยนต์ในปี 2554 คาดว่าน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากกำลังการผลิตโดยรวมยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
“หากพิจารณาเฉพาะตลาดในประเทศ พบว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของกลุ่มสิทธิผลยังคงเป็นอันดับ 1 ในตลาดทดแทน ส่วนปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ส่งผลให้ต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อยอดขายมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคยังคงไว้วางใจในคุณภาพมากกว่าการตัดสินใจซื้อจากราคาเป็นหลัก” ทนง ลี้อิสสระนุกูล กล่าวและว่า
“สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดขายให้กับ บริษัท สิทธิผล 1919 มากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี ซึ่งขณะนี้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สายพานแบนโด เพิ่มขึ้น 100% และหัวเทียนเด็นโซ่ เพิ่มขึ้น 25%”
ทางด้านกลยุทธ์การตลาดและการขายในปีนี้ สิทธิผลเลือกเจาะตลาดรถจักรยานยนต์เป็นหลัก เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องเอลฟ์ วางเป้าหมายเพิ่มยอดขายขึ้น 50% ขณะที่แผนระยะยาวหวังสร้างภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนการผลิตและใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้