เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดโครงการ “Mercedes-Benz F-CELL World Drive” เชิญสื่อมวลชนนานาชาติกว่า 125 ชีวิต ร่วมเดินทางรอบโลก 125 วัน ด้วยยานพาหนะพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง รุ่น “B-Class F-CELL” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงสมรรถนะและศักยภาพของรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell ขณะเดียวกันเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังตั้งเป้าหมายยกระดับการพัฒนาด้านเครือข่ายสถานีบริการเติมก๊าซไฮโดรเจนทั่วโลกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดตัวโครงการ “F-CELL World Drive” เริ่มออกเดินทางในวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา โดยใช้รถยนต์รุ่น B-Class F-CELL รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงใช้เป็นพาหนะในการเดินทางรอบโลก เป็นระยะเวลา 125 วัน และมีการขับขี่ผ่าน 4 ทวีปทั่วโลก คือยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลียและเอเชีย ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกัน รวมถึงเป็นเส้นทางการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่มีความสมบุกสมบันแตกต่างกันไป ตั้งแต่ถนนลาดยางมะตอยไปจนถึงถนนที่เต็มไปด้วยดินลูกรัง เพื่อนำเสนอถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ซึ่งเป็นยานพาหนะรุ่นล่าสุดที่สามารถลดปริมาณการปล่อยของเสียออกสู่บรรยากาศและสามารถใช้ขับขี่ในการเดินทางระยะไกลได้อีกด้วย
ดร. โธมัส เวเบอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการบริหาร บริษัท เดมเลอร์ เอจี ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของกลุ่มวิจัยและพัฒนารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ กล่าวว่า “การจัดโครงการทริปเดินทางรอบโลกครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นสูงของเราในการผลิตยานพาหนะประหยัดพลังงานที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงเป็นเชื้อเพลิง โดยเทคโนโลยียานยนต์ในระดับนี้จะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้หากเราใช้เพียงแบตเตอรี่ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานให้กับรถยนต์เท่านั้น นอกจากนั้นในฐานะที่เราเป็นผู้ประดิษฐ์รถยนต์คันแรกของโลกเมื่อ 125 ปีแล้ว ในปัจจุบันเรายังคงพบปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการให้บริการเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงนี้ แต่เราก็มีความมั่นใจว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆ ร่วมมือกัน จะทำให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพของเทคโนโลยีนี้”
การเดินทางระยะไกลในทริปพิเศษครั้งนี้จะใช้รถทั้งหมด 3 คัน โดยมีการขับผ่าน 14 ประเทศทั่วโลก เริ่มต้นจากทางตอนใต้ของทวีปยุโรปจากประเทศฝรั่งเศส ผ่านไปยังสเปนและโปรตุเกส และข้ามไปยังทวีปอเมริกาเหนือซึ่งประกอบด้วย ประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา จากนั้นจะข้ามมายังประเทศออสเตรเลีย และเข้าสู่ทวีปเอเชียมาทางประเทศจีน ผ่านไปยังประเทศคาซัคสถาน รัสเซีย ไปจนถึงจุดหมายในทิศเหนือของยุโรปโดยมาสิ้นสุดที่เมือง สตุทการ์ท ประเทศเยอรมนี อันเป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางในช่วงต้นเดือนมิถุนายน รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 125 วัน ซึ่งแต่ละคันจะเดินทางเป็นระยะทาง 30,000 กิโลเมตร
รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงเพียง 3 นาทีและมีระยะการขับถึง 400 กิโลเมตรต่อการเติมไฮโดรเจนเต็มหนึ่งถัง ซึ่งเหมาะสมทั้งกับการใช้งานในทุกวันตามพื้นที่ในเมืองใหญ่และการขับขี่ในระยะทางไกล หัวใจสำคัญอันเป็นขุมพลังแห่ง B-Class F-CELL ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าในเจนเนอเรชั่นใหม่ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงเป็นเชื้อเพลิง ประกอบกับตัวถังรถยนต์ในสไตล์คอมแพ็คแต่ทรงพลัง มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละวัน
สำหรับเซลล์เชื้อเพลิงเป็นเชื้อเพลิงที่สร้างพลังงานให้แก่ยานพาหนะจากปฏิกริยาเคมีระหว่างออกซิเจนและไฮโดรเจน โดยเทคโนโลยีพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีอนาคตสดใสที่สุดสำหรับยานยนต์ปลอดมลพิษ และยังเป็นแนวทางสำคัญอีกแนวทางหนึ่งของเดมเลอร์ในการก้าวสู่การขับเคลื่อนที่ไร้มลพิษ โดยเราได้มีการพัฒนามาตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาป เครื่องยนต์ระบบไฮบริด จนกระทั่งมาถึงเครื่องยนต์ที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งปลอดมลพิษโดยไม่ต้องประสบกับข้อจำกัดต่างๆ ที่พบในรถซึ่งขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
สำหรับการเดินทางรอบโลกของ “Mercedes-Benz F-CELL World Drive” ครั้งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ไม่เพียงสามารถรับมือกับสภาพถนนและสภาพอากาศที่ท้าทายได้เท่านั้น แต่ยังพร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับโลก และเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันในทุกๆสถานที่ นอกจากนี้ เรายังปรารถนาที่จะส่งเสริมการพัฒนาให้มีสาธารณูปโภคสำหรับเชื้อเพลิงไฮโดรเจนอย่างเพียงพอ เพื่อเป็นการสนับสนุนการเติบโตของเทคโนโลยีดังกล่าวด้วย
เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดตัวโครงการ “F-CELL World Drive” เริ่มออกเดินทางในวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา โดยใช้รถยนต์รุ่น B-Class F-CELL รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงใช้เป็นพาหนะในการเดินทางรอบโลก เป็นระยะเวลา 125 วัน และมีการขับขี่ผ่าน 4 ทวีปทั่วโลก คือยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลียและเอเชีย ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกัน รวมถึงเป็นเส้นทางการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่มีความสมบุกสมบันแตกต่างกันไป ตั้งแต่ถนนลาดยางมะตอยไปจนถึงถนนที่เต็มไปด้วยดินลูกรัง เพื่อนำเสนอถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ซึ่งเป็นยานพาหนะรุ่นล่าสุดที่สามารถลดปริมาณการปล่อยของเสียออกสู่บรรยากาศและสามารถใช้ขับขี่ในการเดินทางระยะไกลได้อีกด้วย
ดร. โธมัส เวเบอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการบริหาร บริษัท เดมเลอร์ เอจี ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของกลุ่มวิจัยและพัฒนารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ กล่าวว่า “การจัดโครงการทริปเดินทางรอบโลกครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นสูงของเราในการผลิตยานพาหนะประหยัดพลังงานที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงเป็นเชื้อเพลิง โดยเทคโนโลยียานยนต์ในระดับนี้จะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้หากเราใช้เพียงแบตเตอรี่ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานให้กับรถยนต์เท่านั้น นอกจากนั้นในฐานะที่เราเป็นผู้ประดิษฐ์รถยนต์คันแรกของโลกเมื่อ 125 ปีแล้ว ในปัจจุบันเรายังคงพบปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการให้บริการเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงนี้ แต่เราก็มีความมั่นใจว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆ ร่วมมือกัน จะทำให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพของเทคโนโลยีนี้”
การเดินทางระยะไกลในทริปพิเศษครั้งนี้จะใช้รถทั้งหมด 3 คัน โดยมีการขับผ่าน 14 ประเทศทั่วโลก เริ่มต้นจากทางตอนใต้ของทวีปยุโรปจากประเทศฝรั่งเศส ผ่านไปยังสเปนและโปรตุเกส และข้ามไปยังทวีปอเมริกาเหนือซึ่งประกอบด้วย ประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา จากนั้นจะข้ามมายังประเทศออสเตรเลีย และเข้าสู่ทวีปเอเชียมาทางประเทศจีน ผ่านไปยังประเทศคาซัคสถาน รัสเซีย ไปจนถึงจุดหมายในทิศเหนือของยุโรปโดยมาสิ้นสุดที่เมือง สตุทการ์ท ประเทศเยอรมนี อันเป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางในช่วงต้นเดือนมิถุนายน รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 125 วัน ซึ่งแต่ละคันจะเดินทางเป็นระยะทาง 30,000 กิโลเมตร
รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงเพียง 3 นาทีและมีระยะการขับถึง 400 กิโลเมตรต่อการเติมไฮโดรเจนเต็มหนึ่งถัง ซึ่งเหมาะสมทั้งกับการใช้งานในทุกวันตามพื้นที่ในเมืองใหญ่และการขับขี่ในระยะทางไกล หัวใจสำคัญอันเป็นขุมพลังแห่ง B-Class F-CELL ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าในเจนเนอเรชั่นใหม่ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงเป็นเชื้อเพลิง ประกอบกับตัวถังรถยนต์ในสไตล์คอมแพ็คแต่ทรงพลัง มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละวัน
สำหรับเซลล์เชื้อเพลิงเป็นเชื้อเพลิงที่สร้างพลังงานให้แก่ยานพาหนะจากปฏิกริยาเคมีระหว่างออกซิเจนและไฮโดรเจน โดยเทคโนโลยีพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีอนาคตสดใสที่สุดสำหรับยานยนต์ปลอดมลพิษ และยังเป็นแนวทางสำคัญอีกแนวทางหนึ่งของเดมเลอร์ในการก้าวสู่การขับเคลื่อนที่ไร้มลพิษ โดยเราได้มีการพัฒนามาตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาป เครื่องยนต์ระบบไฮบริด จนกระทั่งมาถึงเครื่องยนต์ที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งปลอดมลพิษโดยไม่ต้องประสบกับข้อจำกัดต่างๆ ที่พบในรถซึ่งขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
สำหรับการเดินทางรอบโลกของ “Mercedes-Benz F-CELL World Drive” ครั้งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ไม่เพียงสามารถรับมือกับสภาพถนนและสภาพอากาศที่ท้าทายได้เท่านั้น แต่ยังพร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับโลก และเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันในทุกๆสถานที่ นอกจากนี้ เรายังปรารถนาที่จะส่งเสริมการพัฒนาให้มีสาธารณูปโภคสำหรับเชื้อเพลิงไฮโดรเจนอย่างเพียงพอ เพื่อเป็นการสนับสนุนการเติบโตของเทคโนโลยีดังกล่าวด้วย